ค่ำวันนั้น
หมอปรเมศไม่มีเวรดึกต่อวันนี้เขาจึงกลับไปนอนที่บ้านกับพ่อแม่ซึ่งอยู่ตั้งอยู่ที่ชานเมือง ปลูกเป็นบ้านสวนในพื้นที่กว่า 10 ไร่
เมื่อรถจอดสนิท เขาก็แลเห็น คุณหญิงปรางค์ แม่ของเขายืนรอรับที่ประตูหน้าบ้านแล้ว
"สวัสดีครับคุณแม่ คิดถึงคุณแม่จังเลยครับ"
หมอหนุ่มยกมือไหว้แล้วเข้าไปโอบกอดอย่างออดอ้อน ทิ้งคราบคุณหมอผู้เตร่งขรึมไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงลูกชายคนเดียวของตระกูล
"ไม่ต้องมาปากหวานเลย คราวนี้หายไปนานเลยนะ จนแม่คิดว่าบ้านนี้ไม่มีแล้วลูกชงลูกชาย"
คุณหญิงปรางค์ตีไหล่ลูกชายเบา ๆ ทั้งหมั่นไส้ทั้งคิดถึง เพราะลูกชายหายหน้าหายตาไปหลายวัน
"โธ่... คุณแม่ครับ คุณแม่จะใจร้ายตัดหางผมปล่อยวัดจริง ๆ หรือครับ กว่าคุณแม่จะเลี้ยงลูกชายคนนี้ให้ทั้งเก่งทั้งหล่อได้แบบนี้ ต้องทุ้มเททั้งเงินทั้งกายใจไปตั้งเยอะนะครับ”
หมอปรเมศเอ่ยขณะที่เดินเข้าไปภายในบ้านพร้อมกับคุณหญิงปรางค์
"ก็ถ้าหายไปนาน ๆ แบบนี้ ฉันก็ตัดใจย่ะ มีลูกก็เหมือนไม่มี เมื่อไหร่ลูกจะลาออกจากโรงบาลของรัฐ แล้วมาช่วยพ่อของเราบริหารบริษัทสักทีหะ ตาเมศ”
คุณหญิงปรางค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น อยากให้เขาเข้ามาเรียนรู้งานในบริษัทขายส่งเครื่องมือแพทย์ เพราะไม่อยากเห็นลูกชายต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ ไม่มีเวลาให้ทั้งกับตนเอง และครอบครัวเลย
"ผมอยากจะช่วยเหลือคนไข้ให้คุ้มกับที่ผมใช้ภาษีประชาชนในการเรียนแพทย์ครับ ขอให้ผมได้ทำงานอีกซักสองสามปีนะครับ แล้วผมจะลาออกมาอยู่บ้านกับแม่ให้หายคิดถึงกันไปเลยครับ"
"ถ้าแกไม่ลาออก งั้นแกก็รีบแต่งงานมีหลานให้แม่อุ้มไว ๆ แม่จะได้ไม่เหงา"
คุณหญิงปรางค์สะบัดเสียงยื่นคำขาด เพราะเธออยู่บ้านคนเดียวนาน ๆ ทีลูกจะกลับมาหาก็รู้สึกเหงา หากมีเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นในบ้าน เธอก็คงจะมีความสุขไม่น้อย
"แม่ครับ... ผมเพิ่งจะสามสิบต้น ๆ เองนะครับ ผมยังไม่คิดเรื่องนี้ครับ"
"งั้นก็รีบคิดซะ สมัยก่อนพ่อกับแม่แต่งานกันแค่ยี่สิบเอง ถ้าสามสิบแบบแกนี่นะ เขาเรียกว่าแก่แล้ว ถามจริง ๆ เถอะไม่มีสาว ๆ ที่ถูกใจบ้างรึ"
“ไม่มีครับ แม้แต่เวลานอนผมยังแทบไม่มีเลยครับ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว ๆ”
“.............”
คุณหญิงปรางค์หรี่ตามองลูกชาย ไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูดมากนัก ผู้ชายอายุสามสิบจะเป็นไปได้รึ ที่จะไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเลย
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีชมพูในมือลูกชายพอดีจึงถามขึ้นว่า
"เอ๊ะ... นั่นกล่องอะไร สีชมชมพู มีรูปหัวใจด้วย สาว ๆ ที่ไหนให้มา”
ได้ยินแม่ถามเช่นนั้น ปรเมศก็หัวใจกระตุกวูบขึ้นมา เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองหยิบกล่องสเต็ทฯ ที่ยัยคุณหนูตัวร้ายให้ติดมือมาด้วย
“ไม่ใช่ของสาว ๆ หรอกครับ เป็นของขวัญที่โรงพยาบาลแจกให้กับหมอทุกคนครับ” ปรเมศรีบหลบตาแม่ กลัวว่าจะถูกจับได้ว่าโกหก “เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน ใส่ชุดนี้มาจากโรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะเชียว"
เอ่ยจบ เขาก็รีบเดินขึ้นบ้านไป
"เอ๊ะ ลูกคนนี้ รู้สึกว่าจะมีพิรุธนะ"
คุณหญิงปรางค์มองตามลูกชายอย่างสงสัย
..........................................................................
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว