สุ่ยเหม่ยชิง ยาใจอาหาน ภาค 断翅鸟的愿-4:ความสัมพันธ์ที่น่าปวดหัว [30%]

โดย  Han Yu

สุ่ยเหม่ยชิง ยาใจอาหาน ภาค 断翅鸟的愿

4:ความสัมพันธ์ที่น่าปวดหัว [30%]

พอเซี่ยหรูได้ยินข่าวลือแปลกๆ จากบรรดาบ่าวไพร่ ก็รีบตะบึงตามหาจนกระทั่งมาเจอเหมยฟางบนเส้นทางไปสวนด้านหลังจวน ตะโกนเรียกเสียงดังโดยไม่รักษากิริยา “นางรำชั้นต่ำ หยุดให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

คนได้ยินหาได้หยุดเดิน จูงมือเสี่ยวหงมุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมาย เสียงเกรี้ยวกราดของเซี่ยหรูดังไล่หลังมา “ข้าบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ หูเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร!”

เสี่ยวชุ่ยยกชายกระโปรงผู้เป็นนายตามมาติดๆ เว้นระยะพอดีด้วยกลัวว่าคุณหนูรีบเดินแล้วจะสะดุดล้มเอาได้

เหมยฟางขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้าฉงนสงสัย ถามคนข้างกายว่า “พี่เสี่ยวหง ท่านแม่ทัพเลี้ยงสุนัขด้วยหรือ”

เสี่ยวหงเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา กลั้นหายใจระงับเอาไว้ ตอบไปตามความจริง “ไม่ได้เลี้ยงเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพไม่เคยเลี้ยงสัตว์ มีแค่เสวี่ยเสวี่ยตัวเดียวเท่านั้น”

เหมยฟางพยักหน้ารับรู้ “อ้อ...สงสัยข้าคงหูฝาดไปเอง ที่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเห่าหอนดังแว่วมา”

เสี่ยวชุ่ยรีบสุมฟืนกระพือไฟให้ยิ่งลุกโชนขึ้นไปอีก “นางว่าคุณหนูเป็นสุนัขเจ้าค่ะ”

เซี่ยหรูเม้มปาก “เจ้าไม่ต้องมาตอกย้ำ ข้าได้ยินแล้ว!”

คราวนี้เซี่ยหรูไม่ได้ตะโกนเรียกอีก แต่รีบเดินไปขวางหน้าเหมยฟางไว้ คนโดนขวางตาโต สีหน้าตกใจยกมือขึ้นปิดปาก “อุ๊ย! คุณหนูโหลวนี่เอง นึกว่าใครเสียอีก”

เซี่ยหรูปรับสีหน้าเป็นอ่อนโยนราวสาวน้อยบริสุทธิ์ “ขออภัยด้วยแม่นางเหมยฟาง ข้ายังคงติดใจในฐานะเก่าของเจ้า จนถึงกับพลั้งปากเรียกออกไปแบบนั้น”

เหมยฟางส่ายหน้าน้อยๆ อมยิ้มมุมปากกล่าวว่า “ไม่เป็นไร คุณหนูโหลวยังเด็ก ข้าไม่ถือสาหรอก”

“เจ้า!...” เซี่ยหรูกำมือแน่นแต่ยังรักษากิริยาไว้พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ที่แม่นางมีวันนี้ได้ ข้านับถือด้วยใจจริง จากนางรำตัวเล็กๆ ของหอเริงวสันต์ ได้มาเดินเฉิดฉายอยู่ในจวนแม่ทัพ ความสามารถของแม่นางช่างเลิศล้ำ เห็นทีข้าคงต้องขอเรียนรู้จากแม่นางบ้างเสียแล้ว”

เหมยฟางหัวเราะ นางหาใช่คนใจเย็นมากมาย เมื่อโดนดูถูกดูแคลนบ่อยครั้งเป็นใครก็ทนไม่ได้ ถากถางกลับไปบ้างพอหอมปากหอมคอ “คงไม่จำเป็นหรอกกระมังคุณหนูโหลว ดูจากความแก่แดดของเจ้าแล้ว เหนือชั้นกว่าข้าหลายขุมนัก”

เซี่ยหรูหันไปกระซิบถามสาวใช้คนสนิท “แก่แดดหมายความเช่นไร”

เสี่ยวชุ่ยส่ายหน้าหวือ “บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ คาดว่าคงเป็นคำที่ไม่ดีแน่ ถ้าหลุดออกมาจากปากของนางรำในหอเริงวสันต์”

หลังฟังจบ รอยยิ้มหวานหยดของเซี่ยหรูดูเกร็งๆ ก่อนจะกล่าวถ้อยคำเหยียดหยาม “ฐานะอย่างแม่นางเหมยฟาง อย่างมากก็เป็นได้แค่เมียบ่าว เห็นแก่ที่เจ้ามีบุญคุณต่อพี่ชายของข้า จะช่วยพูดให้พี่หลิงยกเจ้าขึ้นเป็นอนุภรรยาก็ได้”

‘เมียบ่าว’ คำนี้ทำให้โทสะเหมยฟางพุ่งพรวด “สตรีเช่นข้า ถ้าจะเป็นเมียของใคร ก็เป็นเมียเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”

เซี่ยหรูไม่อาจรักษากิริยาอยู่ ชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยนิ้วอันสั่นเทา “นางรำที่มาจากสถานคาวโลกีย์อย่างเจ้า หมายจะเป็นภรรยาเอกของพี่ หลิงเพียงคนเดียว ไม่ทราบว่าฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร ต่อให้เจ้าตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่ชาติภพ ก็ไม่มีวันได้เป็น ข้าต่างหากที่จะได้เป็นภรรยาเอกของพี่หลิง ส่วนเจ้าเป็นได้แค่เมียบ่าว สักวันก็ต้องถูกขับไล่ออกไป ข้าจะไม่ยอมให้กลิ่นเหม็นคาวของเจ้ามาแปดเปื้อนอยู่ในจวนแม่ทัพอีก!”

เหมยฟางรู้สึกเหนื่อยหน่าย ทำไมนางต้องมาต่อปากต่อคำกับเรื่องไร้สาระด้วย ใครบอกว่านางอยากจะเป็นภรรยาของอวี้หลิงกัน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ฐานะทางบ้านคุณหนูโหลวหาใช่สามัญ หน้าตาหรือก็งดงามสมวัย มีพี่ชายเป็นถึงอัครเสนาบดีของแว่นแคว้น มีอำนาจบารมีในราชสำนัก แต่กิริยามารยาทของเจ้า กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดินยิ่งกว่าเดนมนุษย์ที่ข้าเคยพบเห็นเสียอีก”

ใบหน้าใสซื่อบัดนี้เปลี่ยนไปแล้ว เซี่ยหรูกัดฟันกรอด ขยี้เท้ากับพื้นเร่าๆ ชี้หน้าอีกฝ่ายพูดประกาศออกมาเสียงกร้าว “เจ้าจำวันนี้เอาไว้ให้ดีเถอะ คนชั้นต่ำก็เป็นได้แค่คนชั้นต่ำ ไม่มีวันกลายเป็นหงส์ไปได้หรอก!”

เหมยฟางทอดถอนใจ ต่อไปนางจะพยายามหลีกเลี่ยง เบื่อที่จะต้องมาปะทะคารมกับผู้อื่นเช่นนี้ “เฮ้อ...บุปผามีใจ แต่ผีเสื้อกลับไร้เยื่อใยเสียนี่ เชิญเจ้าฝันหวานไปคนเดียวเถิด ข้าไม่อยากเข้าไปทำลายจินตนาการอันสวยหรูของเจ้า”

กล่าวจบนางรีบจูงมือเสี่ยวหงเดินต่อไปที่สวนด้านหลัง ไม่เหลียวหลังหันกลับไปมอง ทั้งที่มีเสียงกรีดร้องเกรี้ยวกราดดังสะเทือนจนผืนปฐพีแทบจะแยกออกจากกัน ระหว่างทางที่เดินผ่านมาสังเกตเห็นบ่าวไพร่พากันชี้ไม้ชี้มือมาทางนาง บ้างมองด้วยสายตาชื่นชม บ้างมองอย่างสนอกสนใจ แต่พอจ้องตอบกลับไปตรงๆ กลับไม่มีใครกล้าสู้สายตา ได้แต่ก้มหน้าสำรวมกิริยาเรียบร้อย

“พี่เสี่ยวหง บ่าวไพร่ในจวนนินทาอะไรข้ากันหรือเปล่า ทำไมรู้สึกแปลกๆ กับสายตาที่พวกเขามองมา ซ้ำยังเคารพยำเกรงข้ายิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก”

เสี่ยวหงเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก “จะอะไรเสียอีกเล่าเจ้าคะ ก็ตอนที่พวกเราอยู่ในครัว สาวใช้เข้าไปทำความสะอาดในห้องท่านแม่ทัพ ก็เจอเข้ากับผ้าปูเตียงที่ท่านซ่อนไว้เสียดิบดี เลยเอาไปพูดคุยกันเสียเป็นข่าวใหญ่ในจวน ว่าเมื่อคืนท่านแม่ทัพกับแม่นางร่วมหอกันแล้ว อีกไม่นานจวนแม่ทัพคงมีงานมงคลเป็นแน่ ที่คุณหนูโหลวตามมาหาเรื่องท่านถึงที่นี่ คงจะเป็นเรื่องนี้ไม่ผิดอย่างแน่นอน”

ได้ฟังทั้งหมดทุกถ้อยคำ นางถึงกับเบื้อใบไปชั่วขณะ บ่นอุบในความสะเพร่าของตัวเอง วันเวลาที่อาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพ เห็นทีคงจะไม่ง่ายเสียแล้ว

“ข้าขอรออยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ” เสี่ยวหงเอ่ยขึ้นอย่างหวาดๆ นางหยุดเดินยืนอยู่กับที่ คนด้านหน้าหันกลับมาชักชวน

“มาเถอะน่า มันน่ารักจะตายไป” เหมยฟางคะยั้นคะยออย่างไม่ยอมแพ้

เสี่ยวหงเดินตามอยู่ด้านหลัง สองมือจับอาภรณ์เหมยฟางไว้แน่น เยี่ยมหน้าออกมาเล็กน้อย แอบมองพยัคฆ์ขาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พะ...พยัคฆ์ขาวเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่นางจริงๆ หรือเจ้าคะ” นางหดหน้ากลับเดินตามผู้เป็นนายไปช้าๆ ช้าจนดึงรั้งอาภรณ์คนด้านหน้า ทำให้เดินต่อไปอย่างยากลำบาก

เหมยฟางหมุนตัวกลับมา เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลากำลังตื่นตระหนก มือเรียวค่อยบรรจงแกะมือตุ๊กแกของเสี่ยวหงออก แล้วนำมาจับประสานกันไว้เหมือนเดิม พาเดินต่อไปกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัวพี่เสี่ยวหง เจ้าตัวเล็กไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่มันคือสหายของข้า”

พยัคฆ์ขาวเห็นเหมยฟางเดินมาแต่ไกล เป็นใครก็ดูออกว่ามันดีใจมากแค่ไหน สี่เท้าออกวิ่งเต็มกำลัง พุ่งเข้าไปหาหญิงสาว เพียงแต่ใครคนนั้นไม่ใช่เสี่ยวหง เพราะนางไม่ได้มองทัศนียภาพเบื้องหน้า จึงไม่อาจรู้ได้ว่ามีความดีใจสายหนึ่ง กำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง จุดมุ่งหมายก็คือบุคคลที่นางกำลังเดินตามไป

“อย่า!”

เหมยฟางร้องตะโกนเสียงดัง เรียกความสนใจให้เสี่ยวหงเงยหน้าขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากสิ้นเสียง เสี่ยวหงยังไม่ทันได้เห็นสิ่งใด ก็โดนคนด้านหน้ากระเด็นถอยหลังมาทับ พากันล้มลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ทันทีที่สายตาจับภาพได้ นางรู้สึกหวาดกลัวจับใจ ยกมือขึ้นปิดปากไว้โดยไม่รู้ตัว

พยัคฆ์ขาวขึ้นคร่อมเหมยฟาง อุ้งเท้าแข็งแรงเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ กดทับร่างอรชรตรึงกับพื้นหญ้า ก้มหน้าลงไปหาใบหน้าอันงดงามที่กำลังเหยเก เขี้ยวแหลมคมแยกออกจากกัน

“กรี๊ดดด! ไม่นะ อย่ากินแม่นางเหมยฟาง!” เสี่ยวหงกรีดร้องด้วยความหวาดหวั่น สองตาหลับลงไม่อาจทนรับภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาวนาให้ตัวเองตายอย่างไม่เจ็บปวดมากนัก

เหมยฟางดันพยัคฆ์ขาวออกไปอย่างหงุดหงิด น้ำหนักตัวที่กดทับลงมาไม่ธรรมดาเลย ลำพังก็ปวดเมื่อยมากพออยู่แล้ว มองเสี่ยวหงด้วยแววตาสงสาร คงกลัวมากกระมัง “พี่เสี่ยวหงลืมตาเถิด ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าตัวเล็กแค่ดีใจที่ได้พบข้าเท่านั้น มันไม่ได้จะกินข้าเสียหน่อย”

เสี่ยวหงค่อยลืมตาขึ้น ยังคงกลัวจนตัวสั่น แล้วก็จริงอย่างที่ได้ยิน นางถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ก่อนจะสำรวจตามเนื้อตัวผู้เป็นนายละเอียดยิบ ครั้นเห็นว่าไม่บาดเจ็บที่ตรงไหน จึงวางใจอันหนักอึ้งลง ตัดพ้อกลายๆ “แม่นางทำให้หัวใจข้า เหมือนไม่ใช่หัวใจตัวเองอีกแล้วรู้หรือไม่ มันเต้นแรงจนอาจจะหยุดเต้นเมื่อไรก็ได้นะเจ้าคะ”

เหมยฟางจับกระชับฝ่ามือชุ่มเหงื่อของเสี่ยวหง ปลอบเสียงเบา “โอ๋ๆ ข้าขอโทษ หากรู้ว่าจะทำให้พี่กลัวเช่นนี้ ข้าจะไม่ฝืนใจพาพี่มาเป็นอันขาด”

เหมือนคิดอะไรออก เสี่ยวหงเว้นช่วงชั่วครู่ ก่อนจะต่อรองว่า “ถ้าอย่างนั้น ให้ข้าเรียกท่านว่าฮูหยินน้อยเถิดเจ้าค่ะ เท่านี้หัวใจอันบอบช้ำของข้าคงดีขึ้นมากเป็นแน่”

แม้ท่าทางซื่อๆ แต่เหมยฟางก็เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ในแววตา แต่เพราะรู้สึกผิดจากเรื่องเมื่อครู่จึงไม่ได้ว่าอะไร “เฮ้อ...ก็ได้ ข้าอนุญาต”

เหมยฟางรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ถ้าหากเสี่ยวหงเป็นโรคหัวใจ แล้วเจอกับเหตุการณ์สั่นประสาทแบบเมื่อครู่ คงจะหัวใจวายตายไปแล้วเป็นแน่

ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเสี่ยวหงสดชื่นขึ้นมาก มุมปากยกยิ้มบางๆ ด้วยลุถึงจุดประสงค์ที่ตั้งเป้าไว้แล้วหนึ่งอย่าง

เหมยฟางไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มดีใจของสาวใช้ เพราะนางกำลังวิวาทอย่างเผ็ดร้อนกับพยัคฆ์ขาว

เสี่ยวหงเกิดและเติบโตอยู่ที่จวนแม่ทัพมาถึงยี่สิบปี บิดามารดาเป็นบ่าวไพร่ในจวน ครั้นเมื่อบุพการีทั้งสองได้จากไป เหลือนางไว้เพียงลำพังก็ได้จวนแม่ทัพชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ ไม่เคยโดนกดขี่ข่มเหง อาศัยอยู่ในจวนอย่างสุขสบายในฐานะสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ภักดี

เสี่ยวหงรู้สึกชื่นชอบในตัวเหมยฟาง เป็นความชอบอันเรียบง่าย เพราะความใสซื่อจริงใจจะทำให้ท่านแม่ทัพมีความสุข ความมีชีวิตชีวาจะเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าเย็นชาให้มีสีสัน ความร่าเริงแจ่มใสจะทำให้จวนแม่ทัพไม่ต้องเงียบเหงาอีกต่อไป

ตั้งแต่ที่นายท่านกับฮูหยินจากไป ท่านแม่ทัพก็ไม่ค่อยได้กลับมาพักที่จวนอีก รวมถึงรอยยิ้มก็จากไปพร้อมกับนายท่านทั้งสองด้วยเช่นกัน

เสี่ยวหงปวดใจไม่น้อยที่ท่านแม่ทัพต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาเนิ่นนาน นางใช้นิ้วเกลี่ยซับน้ำตาที่ทำท่าจะไหล ยืนมองหญิงสาวผู้เป็นแสงแห่งความหวัง ผู้ที่อาจจะทำให้หัวใจอันเย็นเฉียบของท่านแม่ทัพกลับมาอบอุ่นได้อีกครั้ง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว