วาดตะวันกำลังขวัญเสีย
เธอก้มตัวลงควานหาโทรศัพท์มือถือที่กระเด็นตกลงไปใต้ที่นั่งมือไม้สั่น ขณะที่กระจกด้านข้างคนขับถูกทุบอย่างแรงพร้อมเสียงตะโกนเกรี้ยวกราด
“ลงมาคุยกันหน่อยสิคุณ เพื่อนผมนอนเจ็บอยู่เนี่ย ลงมา!!”
ลงไปให้โง่เหรอ!! วาดตะวันมั่นใจว่าเธอไม่ได้ขับรถชนใครอย่างแน่นอน เธอขับมาตามทางในซอยที่ไม่คุ้นเคย ซอยทั้งแคบและมืดขนาดนี้วาดตะวันใช้ความเร็วไม่มาก แต่อยู่ดี ๆ กลับมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาปาดหน้าแล้วล้มลงตรงหน้ารถเธอ วาดตะวันตกใจเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม
จากนั้นเธอพบว่ามีมอเตอร์ไซค์อีก 2 คันมาจอดดักทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ พร้อมกับผู้ชาย 4-5 คนที่กรูเข้ามา ร้องโวยวายว่าเธอชนเพื่อนเขาที่ตอนนี้นั่งอยู่บนพื้นถนนด้านหน้ารถ ใครคนหนึ่งพยายามเปิดประตูรถ ซึ่งโชคดีที่วาดตะวันมักจะล็อกรถทุกครั้งจนเป็นนิสัย
วาดตะวันไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าพวกนี้มีเจตนาอะไร นึกแปลกใจที่รถของเธอติดฟิล์มค่อนข้างเข้ม แต่ดูเหมือนคนพวกนี้จะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงและขับมาคนเดียว หรือว่าจะเป็นตอนที่เธอจอดเปิดกระจกถามทางกับป้าที่ขายอาหารอีสานเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา?
ต้องใช่แน่ ๆ วาดตะวันจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นกลุ่มวัยรุ่นนั่งกินเหล้าอยู่ในร้าน มีมอเตอร์ไซค์ 2-3 คันจอดอยู่หน้าร้านด้วย เธอนึกด่าตัวเองในใจที่มัวแต่มองหาจุดหมายปลายทางจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนตามมา สุดท้ายก็พาตัวเองมาในจุดที่เปลี่ยวและห่างไกลบ้านคน เปิดโอกาสให้คนพวกนี้ลงมือได้อย่างสะดวก
เมื่อเห็นว่าเหยื่อคนสวยไม่ลงยอมลงมาจากรถ พวกมันมองหน้ากันก่อนจะทุบรถรอบด้าน เพื่อกดดันคนข้างใน รถก็แพง ผู้หญิงก็สวย งานนี้มีแต่ได้กับได้!
วาดตะวันตกใจจนมือไม้สั่น มือหนึ่งกดแตรรถเสียงดังเป็นจังหวะยาวๆ ติดต่อกัน หวังดึงความสนใจจากใครสักคนที่อาจจะผ่านมาทางนี้ อีกมือก็พยายามความหาโทรศัพท์ที่กระเด็นตกลงไปบนพื้นรถอย่างยากลำบาก
หัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบเมื่อเห็นว่าใครคนหนึ่งในกลุ่มคว้าท่อโลหะเดินตรงเข้ามาอย่างมาดร้าย
ถ้ามันใช้ท่ออันนี้ทุบกระจกรถเข้ามา ชีวิตนี้ของเธอคงไม่รอดแน่!!
ในเมื่อพวกมันร้ายก่อน เธอก็ต้องสู้เต็มที่เพื่อรักษาชีวิตไว้เหมือนกัน!!
วินาทีนั้นวาดตะวันเข้าเกียร์เตรียมถอยหลังเต็มที่ ด้านหน้ารถมีแต่คนรุมล้อมเต็มไปหมด แต่ข้างหลังมีแค่มอเตอร์ไซค์ที่น่าจะคันไม่ใหญ่มากจอดขวางอยู่ ถ้าจะเสี่ยงก็ต้องเลือกถอยหลังนี่แหละ
วาดตะวันหลับตาแน่นก่อนเหยียบคันเร่งจนมิด ท้ายรถของเธอถอยไปกระแทกมอเตอร์ไซค์ด้านหลังอย่างแรงจนรถสะเทือนไปทั้งคัน ชายฉกรรจ์ที่รายล้อมอยู่แตกฮืออย่างคาดไม่ถึง
หญิงสาวกัดฟันเหยียบคันเร่งไปต่อไป ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มคว่ำถูกดันลากไปบนพื้นถนน มือเรียวที่สั่นระริกหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว เธอต้องกลับรถ!! พวกมันยังมีรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ได้อีก 2 คัน ถ้าเธอขับไปข้างหน้าซึ่งเป็นทางที่ไม่รู้จัก ไม่แน่ว่าจะเป็นทางตันหรือไม่ก็เปลี่ยวและอันตรายกว่านี้
กลับรถแล้วย้อนไปทางเก่าน่าจะดีกว่า อย่างน้อยเธอก็พอจำได้ว่ามีบ้านเรือนและร้านค้าอยู่ตรงไหนบ้าง ถึงพวกมันตามมาก็คงไม่กล้าลงมือ
เมื่อเห็นว่าเหยื่อสาวสวยที่หมายตาไว้กำลังจะหนี หนึ่งในพวกมันหยิบปืนเถื่อนจากใต้เบาะรถพลางตะโกนสั่ง “เฮ้ย! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ ถ้ามันไปแจ้งความเราฉิบหายแน่”
จากนั้นจึงยกปืนขึ้นเล็งทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของวาดตะวัน พลันแสงไฟจ้าก็สาดมาที่รถของเธอซึ่งอยู่ในตำแหน่งขวางลำอยู่กลางซอย ก่อนที่วินาทีถัดมาใครคนหนึ่งจะตบรัว ๆ บนกระจกด้านข้างคนขับอย่างแรง
“วาดตะวัน! เปิดประตู!!!”
วาดตะวันเงยหน้าขึ้นทันที วินาทีแรกเธอคิดว่าคงจะหูฝาดแน่ ๆ แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่เรียกเธออย่างเร่งร้อนอยู่ด้านนอกรถ หญิงสาวก็แทบจะปล่อยโฮด้วยความโล่งอก
“พี่ดล!!!”
ทันทีที่มือสั่นระริกของหญิงสาวกดปลดล็อกประตูรถ ศิวดลก็เปิดประตูออกว้าง เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วดึงร่างบางที่สั่นสะท้านอย่างขวัญเสียเข้ามากอดแนบอก
ชายหนุ่มถอนใจลึกเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้รับอันตรายใดๆ เขาปรายตามองจักรธรและยศพลที่กำลังเล็งปืนไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างขวัญกระเจิงเมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาช่วยเหยื่อไว้ได้
มิหนำซ้ำคนมาช่วยยังมีปืนแถมยังยิงใส่พวกมันโดยไม่ลังเลเสียด้วย แม้ว่าทุกนัดล้วนเฉี่ยวตัวพวกมันอย่างฉิวเฉียด คล้าย ๆ กับว่าไม่ตั้งจะใจยิงให้โดน
แต่นั่นมันลูกปืนนะ! ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีซักนัดที่ลอยมาทะลุหัวกบาลกันเล่า
หนีได้ก็ต้องหนีไว้ก่อน
ศิวดลโอบร่างบางเข้ามานั่งในรถ มือหนาประคองดวงหน้าซีดขาวของวาดตะวันไว้ก่อนก้มลงมากระซิบอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยพูดกับผู้หญิงที่ไม่ใช่คนในครอบครัวคนไหนมาก่อน
“รอในนี้นะครับ เดี๋ยวพี่มา”
วาดตะวันพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอย มองดูร่างสูงเดินไปหยุดคุยกับยศพลและชายหนุ่มอีกคนที่เธอไม่คุ้นหน้า หญิงสาวพยายามสูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติ
เธอมั่นใจว่าปลอดภัยแน่นอน นับตั้งแต่วินาทีที่เห็นหน้าศิวดล
“มันหนีกันไปหมดแล้วครับคุณดล” ยศพลรายงานพลางเก็บปืน
ศิวดลมองดูซากมอเตอร์ไซค์ที่นอนอยู่กลางถนนแวบหนึ่ง ก่อนสั่งเสียงเรียบ
“ถ่ายทะเบียนไว้ ตามสืบมาให้หมดทุกคน”
จักรธรรับคำสั้น ๆ ก่อนส่งกระเป๋าถือของวาดตะวันที่เขาไปหยิบมาจากในรถของหญิงสาวส่งให้ศิวดล
“ท้ายยุบมากหน่อยแล้วก็ไฟท้ายแตก แต่ยังขับได้ครับ” จักรธรรายงาน
“อืม นายขับรถคุณวาดตามมา” ศิวดลสั่งปิดท้ายก่อนจะเดินกลับมาที่รถ
วาดตะวันรอไม่นานก็เห็นศิวดลเดินกลับมาที่รถ เขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นมานั่งข้าง ๆ พร้อมกับส่งกระเป๋าถือของเธอมาให้ จากนั้นรถตู้ MPV คันใหญ่หรูหราของเขาก็เคลื่อนที่อย่างนุ่มนวล
“ไม่ต้องห่วงรถ พี่ให้ผู้ช่วยของพี่ขับตามมา”
วาดตะวันพยักหน้ารับรู้
“น้องวาดจะกลับบ้านหรือว่ามีคอนโดฯ ส่วนตัวที่ไหนไหม?”
คราวนี้เธอส่ายหน้า
“วาดไม่มีคอนโดฯ ส่วนตัวค่ะ คุณแม่อยากให้อยู่ที่บ้านมากกว่า”
ศิวดลพยักหน้ารับรู้
“ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านนะ คุณแม่จะได้ไม่เป็นห่วง” จากนั้นชายหนุ่มก็บอกยศพลให้ขับไปที่บ้านของวาดตะวันซึ่งบังเอิญว่ายศพลรู้จักดี เพราะเคยขับรถเอาของฝากจากคุณอรศรีไปให้มารดาของวาดตะวันในบางครั้ง
วาดตะวันสบตาเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณพี่ดลมากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่ดล...”
วาดตะวันพูดได้แค่นั้นก่อนจะรู้สึกเหมือนลำคอตีบตันไปดื้อ ๆ
ถ้าไม่ได้ศิวดลมาช่วยไว้ ป่านนี้เธอคง..
ศิวดลมองใบหน้าหวานที่ซีดขาวของหญิงสาวแล้วถอนใจ
เขากดปุ่มอะไรบางอย่าง จากนั้นกระจกฝ้าสีทึบถูกเลื่อนขึ้นเพื่อปิดกั้นการมองเห็นระหว่างห้องผู้โดยสารและฝั่งคนขับ
มือแข็งแรงเอื้อมมายกร่างเพรียวบางของวาดตะวันจากเบาะข้าง ๆ มานั่งบนตักแกร่งอย่างง่ายดาย
หญิงสาวตกใจแต่ยังไม่ทันได้อ้าปากร้องประท้วง ศีรษะทุยก็ถูกมือข้างหนึ่งของเขากดลงเบา ๆ จนใบหน้าเธอแนบซบอยู่บนอกกว้าง ในขณะที่อีกมือของเขาลูบไหล่บางของเธออย่างนุ่มนวล
“อย่าไปคิดถึงมันอีก ตอนนี้น้องวาดปลอดภัยแล้ว พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะคะ”
แม้ปากจะปลอบไปอย่างนั้น แต่ศิวดลยังอดวูบโหวงในใจนิด ๆ ไม่ได้
ถ้ายศพลไม่บังเอิญเห็นรถของเธอ ถ้าเขาไม่ได้ตามเธอมา
หรือถ้าจักรธรไม่รีบยิงขู่ไปก่อนที่มันจะลั่นไก
ป่านนี้คนอ้อมแขนของเขาจะเป็นอย่างไร
มันมีกันหลายคนแถมยังมีปืน แม้วาดตะวันจะฉลาดและมีสติขนาดไหนก็ยากที่จะพ้นเงื้อมมือพวกมันไปได้
ศิวดลกัดกรามกรอด
ไอ้ระยำพวกนั้น กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่!!
วาดตะวันตัวแข็งทื่ออย่างไม่คุ้นเคย จนกระทั่งเธอเริ่มซึมซับสัมผัสนุ่มนวลปลอบประโลมของเขา
หญิงสาวจึงหลับตาลงช้า ๆ ยอมให้อ้อมกอดของเขา กลิ่นกายอบอุ่นของเขาโอบล้อมเธอไว้อย่างแน่นหนา
สมองส่งเสียงเล็ก ๆ ร้องเตือนว่าเธอไม่ควรรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจศิวดลเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้
แต่หัวใจก็ค้านว่าเธอสามารถไว้ใจเขาได้ อย่างน้อยเขาก็มาช่วยเธอไว้ในช่วงเวลาที่เกือบจะสิ้นหวัง
ขอแค่ตอนนี้ นาทีนี้เท่านั้น ให้เธอได้พักพิงอยู่ในอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นมั่นคงนี้สักพัก
ศิวดลรับรู้ถึงแขนเรียวที่ค่อย ๆ เคลื่อนมาโอบรอบเอวของเขาอย่างช้า ๆ
ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิด ไม่พูด ไม่ถามอะไรทั้งนั้น
“พี่ดลคะ” วาดตะวันถามเสียงอู้อี้อยู่แผงอกของเขา
“ว่าไงจ๊ะ” ศิวดลถามเสียงเบา
“ห้องโดยสารนี้เก็บเสียงหรือเปล่าคะ?”
ศิวดลถึงกับต้องก้มลงมองคนถาม วาดตะวันผงกศีรษะขึ้นมองหน้าเขาเช่นกัน
“เก็บสิ เราทำอะไรกันรับรองว่าคนด้านหน้าไม่ได้ยินเด็ดขาด”
มาถามแบบนี้ เขาคิดไปถึงไหน ๆ แล้วนะเนี่ย!!
วาดตะวันพยักหน้านิดหนึ่งก่อนจะพึมพำ “ดีค่ะ”
....................................
แอร๊ยยย เก็บสงเก็บเสียงอะไร พี่เค้าคิดไปไหนแล้วววว 555555
อย่างพี่ดล คิดดีไม่ค่อยจะได้ด้วยสิ หึหึ
น้องวาดรอดไปหวุดหวิดนะคะ ควรสะเดาะเคราะห์นิดนึงก็ดี
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว