ตุ๊กตาจากแดนหมีขาว (Кукла из России)-ตอน 03.2 / 20 - ยังไม่คุ้นเคย (จบตอน)

โดย  McKinley850

ตุ๊กตาจากแดนหมีขาว (Кукла из России)

ตอน 03.2 / 20 - ยังไม่คุ้นเคย (จบตอน)

ตอน 03

ยังไม่คุ้นเคย

(ส่วนตอนท้าย)



วนัสเข้ามาใกล้แล้วเริ่มบรรจงพรรณนา “วันนี้ พวกเรา... พวกเราเกือบติดคุกน่ะน้ำ...”

“อะไรนะคะ...” สุรีย์รัตน์หน้าชาตกใจขีดสุด แต่แล้วก็พยายามเรียกคืนสติที่เริ่มกระเจิดกระเจิง เพียงรอฟังเรื่องราวสับสนฉงนฉงายให้กระจ่าง

สายตายังจ้องมองพ่อตลอดเวลา มองพ่อที่กลับเข้าไปหยิบกระเป๋าหนังสีน้ำตาลใบใหญ่ ทั้งยังมีห่อยาและบรรดาของใช้ออกมาจากรถ

“คุณพ่อช่วยขอร้องให้น้าติดรถมาด้วย เกรงว่าพอเห็นคุณพ่อขับมาเดี่ยว แล้วมีอีกคนนั่งด้านหลังมาด้วย อาจจะนึกเข้าใจผิด” วนัสเริ่มเล่าอย่างระมัดระวัง

“ไม่เป็นไรค่ะ... น้าวนัส” สุรีย์รัตน์รีบบอก “ปกติหนูไม่ได้มองแง่ร้ายแบบนั้นค่ะ อยากรู้เหตุผลชี้แจงมากกว่าค่ะ”

“น้าเล่าต่อนะ อย่างตรงไปตรงมานะ” วนัสเริ่มสาธยาย “วันนี้คุณพ่อไปทำธุระที่ทำงานน้า พอดีจังหวะมันเกิดเรื่องวุ่น น้องผู้หญิงรัสเซียพลัดหลงนั่งเครื่องคนละลำกับพ่อแม่ รอมาสี่วันแล้วพ่อแม่ไม่มา จนน้องป่วยหัวใจวายหมดสติ ตอนนั้นคุณพ่ออาสาขับรถพาน้องส่งโรง'บาล น้าก็ไปด้วย แล้วก็อยู่โรง'บาลยาวเลย รอจนน้องพักรักษาจนปลอดภัย พี่สานิตย์ หัวหน้าของน้า บอกให้พาน้องมาพักพิงที่นี่ก่อน รอจนกว่าจะมีพ่อแม่หรือญาติมารับ”

“แล้วเรื่องเกือบติดคุก คืออะไรหรอคะ” สุรีย์รัตน์ขอถามซักอีก

วนัสเล่าพรรณนาต่อ “ก็... ไม่มีอะไรซับซ้อนนะ ผู้หญิงฝรั่งคนนี้ยังไม่ได้ให้ผ่านเข้าเมือง แล้วพวกเราพาออกมาจากด่านก่อนเพราะเสี่ยงจะเสียชีวิต แต่พี่สานิตย์ หัวหน้ารับปากจะช่วย เขาขอแค่ให้น้องอยู่ปลอดภัยก่อน ต่อไปจะจัดการยังไงค่อยว่ากันทีหลัง เขาจะยื่นมือช่วยเต็มที่จะไม่ให้น้ากับคุณพ่อติดคุก เพราะว่าพี่สานิตย์ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เหมือนกัน เสี่ยงไปด้วยกัน ก็... อย่าวิตกนะ เรื่องที่ทำเรื่องแรกคือ ดูแลน้องฝรั่งคนนี้อย่าให้ป่วย น้องเป็นโรคหัวใจบกพร่อง น่าสงสารมาก น้าเลยคิดว่า ถ้าน้ำดูแล จะทำให้น้องปลอดภัย ผู้หญิงอยู่กับผู้หญิงด้วยกันน่าจะเหมาะสม”

“น้าก็เลย เลือกให้น้อง อยู่กับหนู ชั่วคราว... หรอคะ...” น้ำเสียงสุรีย์รัตน์เอื่อยอ่อนเคล้าประหม่า “หนู... ไม่แน่ใจ... จะดูแลให้น้องได้ไหม... หนูกลัวทำน้องเจ็บ...”

“น้ำ ลูกรัก... พ่อเชื่อนะ เชื่อว่าน้ำทำได้นะ... น้ำดูแลน้องคนนี้ได้...” เกริกไกรส่งแววตาวิงวอน

“พ่อคะ ที่พ่อบอก ตุ๊กตารัสเซีย ก็คือน้องผู้หญิงคนนี้สินะคะ...”

พ่อก้มหน้างุดตอบ “ใช่แล้ว... น้ำลูกรัก...”

“หนูงงตั้งนาน น่าจะบอกหนูก่อน” สุรีย์รัตน์เอ่ยเศร้าสร้อย “แต่... หนูไม่โกรธนะคะที่พ่อไม่ได้ซื้อตุ๊กตาฝรั่งเศสมาให้ ไม่คิดเลยว่าเกิดเรื่องใหญ่โตแบบนี้... ขอโทษพ่อนะคะ”

“ไม่เป็นไร ลูกรัก...” พ่อสบแววตาลูกพลางเอ่ยปลอบโยน “น้ำ... สงสารน้องไหม... น้องลอริส...”

“น้องแหม่ม... ชื่อลอริสหรอคะ...” สุรีย์รัตน์เอื้อนถามกลับ “หนู... ขอเข้าไปดูใกล้ ๆ หน่อยนะคะ”

วนัสเอ่ยแนะนำ “ลองจับมือน้องลอริสดูสิ”

สองมือนวลจากสุรีย์รัตน์ยื่นจับประคองอีกสองมือผ่องหญิงสาวฝรั่ง สายตาสบมองดุจอยากทายทัก

“น้องดูเศร้าจัง น่าสงสาร...” ลูกสาวเอ่ยรำพัน

“จูงน้องพาเข้าห้องรับแขกก่อนไหม เปิดแอร์ให้เย็น อากาศบ้านเรามันร้อน น้องยังไม่ชินกลัวจะเหนื่อย” เกริกไกรบอกรบเร้า

“เดี๋ยวน้ำพาน้องเข้าห้องเองค่ะ...” สุรีย์รัตน์เอ่ยอาสา “ฉันจะพาเธอไปพักผ่อนนะ น้องแหม่ม...”

“ลองพูดอังกฤษคำง่าย ๆ ให้น้องรู้ดีไหม” วนัสกล่าวแนะนำอีก

สุรีย์รัตน์เริ่มจูงมือหญิงสาวฝรั่ง “เล็ทส์ โก อินไซด์ มาย โฮม” ไม่ต้องรอลุ้นแม้เฮือกหายใจเดียว ย่างก้าวหญิงสาวฝรั่งขยับเดินตามดุจลูกแมวเชื่อง

แม้ไร้เสียงเอ่ยใดจากลอริส แต่ฝ่ายลูกสาวเริ่มออกอาการตื่นเต้น อยู่ดี ๆ ก็มีหญิงฝรั่งน่ารักน่าเอ็นดูดุจตุ๊กตามาเยือนที่บ้าน

“ค่อย ๆ เดินนะ ข้างในเย็นสบาย” สุรีย์รัตน์ส่งน้ำเสียงหวาน แม้รู้ทั้งรู้ว่าเป็นภาษาไทย แม้รู้ว่าน้องฝรั่งคงยังแปลไม่ออกแน่ แต่คำใดที่อ่อนหวานหากพูดออกมาอาจทำให้อีกฝ่ายอบอุ่นใจมากขึ้น

วนัสตบบ่าคนเป็นพ่อ ทอดมองสองหญิงสาววัยรุ่นจูงมือประคองเข้าห้องกระจก “ฉันว่า... น่าจะเข้ากันได้ดีนะ ลอริสดูซื่อมากเลย”

“ฉันก็คิดอย่างนั้นนะ น้ำต้อนรับลอริสดีมากเลย” น้ำเสียงเกริกไกรเริ่มผ่อนคลาย “ลอริสก็ตัวสูงเท่าน้ำเลย สาวฝรั่งโตเร็วเนอะ”

เกริกไกรยกกระเป๋าสีน้ำตาลและห่อถุงยาตามเข้าไปในห้อง ทอดมองลูกสาวประคองร่างลอริสให้นั่งพักบนเก้าอี้นวมสีไข่

“น่ารักจังเลยค่ะ พ่อคะ... ตุ๊กตารัสเซีย น้องเหมือนตุ๊กตามากเลย” สุรีย์รัตน์ย่อตัวนั่งหันมายิ้มทัก ยามจับมือลอริสที่นั่งลงให้ผ่อนคลาย

ชายวัยสี่สิบผลิยิ้มเต็มตื้น หยาดน้ำใสคลอเอ่อสองเบ้าตาไม่รู้ตัว

“อ้าว พ่อคะ ร้องไห้ทำไม...” สุรีย์รัตน์พลันตกใจ

“ไม่มีอะไรลูก พ่อแค่... ดีใจ...” เกริกไกรตอบเสียงพร่า

“มีอะไรกันซาบซึ้งอีกแล้วล่ะนี่ ครอบครัวนี้” วนัสทั้งแย้มทั้งเอ่ยแซว

เกริกไกรทอดมองตุ๊กตาสาวรัสเซียเคล้าห่วงใย “น้องลอริสไม่ยิ้มเลย ไม่รู้จะมีความสุขบ้างไหมนะ”

“ถ้าน้องไม่ร้องไห้ หรือออกอาการเศร้าสุดขีดเหมือนที่เราเจอในห้องสอบสวน ก็คงไม่เป็นไรมั้ง ให้น้องปรับตัวก่อนเนอะ” วนัสกล่าวอย่าได้กังวล

“หนูว่าน้องอยากสื่อสารนะคะ แต่คงยังไม่รู้วิธี” สุรีย์รัตน์แย้มยิ้มน้อย ๆ ให้ลอริสพลางจับมือประคอง “ให้น้องได้พักหายเหนื่อยแบบนี้ก่อนก็ดีค่ะ เห็นว่าหัวใจวายมาก่อน ต้องทำให้น้องสบาย อย่าให้น้องเหนื่อยใช่ไหมคะ”

“เก่งนี่ น้องน้ำ รู้เยอะเลย” วนัสเอ่ยชม

สุรีย์รัตน์ช่วยไขกระจ่าง พลางหันมาสบตาพ่อและเพื่อนตำรวจ “หนูรู้มาจากปูเพื่อนหนูที่พ่อเป็นโรคหัวใจน่ะค่ะ”

“รอให้ลอริสพักหายเหนื่อย แล้วค่อยพาไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเนอะ ชุดคงอยู่ในกระเป๋าหนังใบนี้แหละ” พ่อเริ่มมอบหน้าที่ให้ลูกสาว

“หนูอยากดูแลค่ะพ่อ เชื่อใจหนูนะคะ” สุรีย์รัตน์ผลิแย้มมั่นใจ

วนัสตบบ่า “น้ำบอกแบบนี้ สบายใจได้นะเพื่อน เดี๋ยวฉันคงต้องโทรบอกพี่สานิตย์แล้วล่ะ ป่านนี้คงกระวนกระวาย”

“ต้องโทรนอกห้องใช่ไหม กลัวคลื่นมือถือทำอันตรายน้อง” เกริกไกรบอกย้ำเตือน

“ไม่แน่ใจนะ เราอาจกลัวกันไปเอง แต่... คิดว่าอย่าให้อุปกรณ์พวกนี้รบกวนน้องลอริสไว้ก่อนก็ดี” วนัสหยิบมือถือแล้วเลื่อนประตูกระจกก่อนเดินออกไป

“หวังว่า เครื่องไล่ยุงไฟฟ้าจากเยอรมันคงไม่ทำอันตรายลอริสนะ” เกริกไกรเอ่ยแผ่ว พลางมองเพื่อนรักที่เริ่มยกมือถือแนบหู

ใจคอก็อยากรู้เรื่องราวของเพื่อนลึกกว่านั้น จึงเดินออกนอกห้องกระจกยืนฟังด้วยคน

สุรีย์รัตน์ชะเง้อมองสองหนุ่มพ่อและเพื่อนตำรวจไม่ห่าง สายตาพลางหันมาสบมองลอริสที่นั่งสงบเสงี่ยม คอยผลิแย้มน้อย ๆ หวังให้ตุ๊กตาน่ารักรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

ยามสบมองตาลอริสก็คล้ายตื่นเต้น เมื่อมือนวลจากสาวน้อยดั่งตุ๊กตายื่นประคองมือสุรีย์รัตน์ ราวกับจะบอกว่าโปรดอย่าทอดทิ้งฉันไปนะ

ลอริสอยากสื่อสารกับสุรีย์รัตน์ด้วยวิธีละมุนละไมแบบนี้เองหรือ...

แววตาเชื่องเชื่อน่าทะนุถนอม มองทีไรพลันรู้สึกหัวใจพองโต สุรีย์รัตน์รำพันหวาน “ตาสวยจัง น่ารักจังเลย เลิฟลี่...”

แต่แล้วก็ตกใจเมื่อได้ยินเสียงพูดอ่อนหวานตอบรับ “สปาซิบะ...”

สุรีย์รัตน์ยังไม่ทราบความหมาย ได้แต่ยิ้มละมุนตอบกลับ

ภาษารัสเซียไม่คุ้นหูเลย แต่ทำไมฟังแล้วเพราะพริ้งจัง สุรีย์รัตน์หลับตาพริ้ม ก่อนจะตื่นลืมตาเมื่อได้ยินเสียงวนัสสนทนาผ่านมือถือ

เสียงแว่วจากชายในเครื่องแบบ “อะไรนะครับ ผลยืนยันแล้วหรอ”

ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใด ในใจลูกสาวก็อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว จึงลุกยืนเกาะประตูเลื่อนกระจกคอยฟังด้วยคน

ดึกดื่นคืนสงัดแท้จริง เสียงทุกเสียงที่สัมผัสแม้แค่พูดเบา ๆ ก็ได้ยิน วนัสยืนสนทนาอยู่ห่างทว่าสุรีย์รัตน์ก็ยังรับรู้

“พ่อแม่ของ... น้อง... ลอ...” วนัสหันมาทางห้องพักเหมือนเพิ่งตระหนักว่าไม่ควรพูดด้วยชื่อตรง ๆ ชั่วอึดใจจึงหันกลับไปทางนอกบ้านดังเดิม “...น้องฝรั่งมากับลำนั้นจริง ๆ หรอครับ แล้ว... เขาค้นหาต่อไหมครับ...”

“แย่ละสิ...” สุ้มเสียงคุณพ่อยืนข้าง ๆ ก็เหมือนวิตก

“จะยุติการค้นหาเร็ว ๆ นี้!” วนัสอุทาน

“อะไรกัน! เพิ่งสี่ห้าวันเอง...” เกริกไกรอุทานตาม

“เขาจะหยุดค้นหาคนรอดชีวิตหรอครับ ทำไมกัน...” น้ำเสียงวนัสเริ่มหนักหน่วงจริงจัง

สุรีย์รัตน์ได้ยินแทบทั้งหมด เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่วนัสอธิบายลวก ๆ ตอนเพิ่งกลับถึงบ้าน น้องลอริสพลัดหลงพ่อแม่เพราะโดยสารคลาดกันคนละเที่ยวบิน แล้วเรื่องที่พวกเขาพูดฟังแล้วก็ยิ่งเดาไม่ยาก อุบัติเหตุเครื่องบินตกไม่เป็นอื่นแน่

เหลียวกลับมามองหญิงสาวดุจตุ๊กตา อุทานแผ่วเบาเคล้าสงสารจับจิต “น้องลอริสจะกำพร้าพ่อแม่ไหม น่าเห็นใจจังเลย”

เสียงสนทนาจบลง สีหน้าวนัสและเกริกไกรหมองหม่นทันตา

สองหนุ่มเดินกลับมาใกล้ประตูกระจก พลันเห็นสุรีย์รัตน์ยืนมองพวกตนแลดูหน้าซีด วนัสจึงถามไถ่ไม่รั้งรอ “เป็นอะไรหรอ น้องน้ำ”

“ได้ยินน้าคุยว่า ยุติค้นหาผู้รอดชีวิต” สุรีย์รัตน์ก้มงุดถามกลับ “ก็คือพ่อแม่ของน้องลอริส น้องตุ๊กตาคนนี้... หรอคะ...”

“ถ้าพูดเรื่องนี้ อย่าเพิ่งพูดชื่อน้องตอนนี้นะ” น้ำเสียงวนัสจริงจังชัด “พยายามละชื่อน้องไว้กลัวน้องจะรับรู้ข่าวร้าย”

เกริกไกรก้มหน้าเฉาหมองหม่น “พ่อแม่ของน้อง... สาบสูญแล้ว”

สุรีย์รัตน์หน้าชาหน้าซีด เหลียวหันมองหญิงสาวฝรั่งชาวรัสเซียที่นั่งนิ่งสงบ ในใจพลันสะท้านสะเทือนจนเจ็บร้าวลึก

“ไม่นะ... น้องกำพร้าพ่อแม่แล้ว... จริง ๆ หรอคะ”

“อย่าเพิ่งบอกน้องตามตรงนะ กลัวน้องจะหัวใจวาย...” วนัสบอกย้ำสิ่งที่ตนพลาดมาแล้ว “พยายามอย่าพูดอังกฤษหรือรัสเซีย ถึงนายกับน้องน้ำยังไม่รู้รัสเซียก็ขอบอกไว้ก่อน ภาษาอังกฤษน้องน่าจะยังรู้ไม่มาก แต่อย่าพูดอังกฤษดีที่สุด ถ้าจะคุยเรื่องพ่อแม่ของน้องที่สาบสูญในทะเลแล้วให้พูดแต่ไทยนะ”

“ถ้าเรื่องอื่น ๆ ก็พูดอังกฤษได้ใช่ไหม” เกริกไกรถามให้แน่ใจ

วนัสพยักหน้า “อืม...”

“นี่ก็ห้าทุ่มห้าสิบแล้ว กลัวจะดึกกว่านี้ ต้องส่งนายที่สนามบิน รถนายอยู่ที่นั่น” เกริกไกรรบเร้าให้เพื่อนรีบกลับบ้าน

วนัสกล่าวเกรงใจเต็มเปี่ยม “รบกวนหน่อยนะ ขับเหนื่อยเลย”

“ในถุงขาวมีห่อยา กับของใช้ผู้หญิง น้ำจัดการดูแลให้น้องได้นะ” เกริกไกรเอ่ยฝากฝัง “ห่อยาหมอคงเขียนเรียบร้อยแล้วว่ากินเวลาไหน”

“เดี๋ยวน้ำดูให้เองค่ะ พ่อคะ” สุรีย์รัตน์ตอบรับยินดี ทว่าแววตายังฉายห่วงใยไม่คลาย “พ่อต้องขับรถดึก ๆ หนูเป็นห่วงจัง พ่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“ไม่เป็นไร พ่อจะกลับมานะ จะหาของที่จำเป็นมาเพิ่มด้วย น้ำก็พาน้องลอริสอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นอนพักผ่อนกันนะ ลูกทำได้แน่ พ่อเชื่อใจลูกนะ” เกริกไกรฝากฝังครั้งสุดท้ายก่อนจาก

“ได้ค่ะ พ่อคะ หนูจะดูแลให้ดีที่สุด”

“น้าไปก่อนนะ น้องน้ำ แล้วจะติดต่อมาอีก ขอบใจที่ช่วยนะ”

สุรีย์รัตน์ยกมือไหว้ลาวนัส “เดินทางปลอดภัยนะคะ”

สองหนุ่มเพื่อนกันเข้าไปในรถอีกครั้ง เครื่องยนต์สตาร์ตเปิดไฟสว่างแล้วค่อยเคลื่อนจากไป

สุรีย์รัตน์เดินกลับเข้าบ้านเมื่อประตูเหล็กเลื่อนปิด ย่างก้าวเข้ามาในห้องกระจกช่างเงียบสงัดแท้จริง เมียงมองมุมเดิมยังเห็นตุ๊กตารัสเซียนั่งนิ่งสงบเสงี่ยมบนเก้าอี้นวม

“น้องกำพร้าพ่อแม่แล้ว... น่าสงสาร น่าสงสาร” สุรีย์รัตน์รำพันแผ่ว น้ำตาก็คล้ายเจียนจะเอ่อคลออยู่รอมร่อ ยกมือรีบเช็ดเกรงลอริสจะสังเกตเห็นว่าตนเริ่มเศร้าสลด

“ฉันจะดูแลยังไงดีนะ...” สุรีย์รัตน์พึมพำตนเอง อยากเริ่มภารกิจดูแลแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน “หรือว่าน้องจะหิว... ฝรั่งเขากินอะไรบ้างนะ...”

สองเท้าก้าวเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบขวดนมพาสเจอร์ไรส์รสจืดแล้วรินใส่แก้ว อีกหนึ่งที่น่าจะต้องมีคือน้ำเปล่า ยกอีกแก้วมารองใต้ก๊อกแล้วกดรินน้ำจากเครื่องกรอง

“สองอย่างก็คงพอมั้ง...” สุรีย์รัตน์ยกแก้วน้ำเปล่าและนมสดวางที่โต๊ะเล็ก แล้วเลื่อนโต๊ะช้า ๆ ใกล้เก้าอี้นวมที่ลอริสนั่งสงบเสงี่ยม

“แหม่ม... ทานนมก่อนนะ...” สุรีย์รัตน์พูดไทยอย่างเคยชิน ไม่ทันจะนึกประโยคอังกฤษพลางยื่นแก้วนมสดให้ สองมือนวลจากลอริสประคองรับไว้

สุรีย์รัตน์แย้มยิ้มเมื่อคล้ายได้สำเร็จหนึ่งภารกิจ อาการตอบรับจากตุ๊กตาสาวสวยช่างน่าชื่นใจ ลอริสก้มผงกเล็กน้อยดั่งรับรู้ แต่แล้วก็มีคำคำหนึ่งเอ่ยละมุน

“สปาซิบะ...”

ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่พอสังเกตที่ลอริสก้มผงกเพียงน้อยตอนรับแก้วนมสด เหมือนเป็นคำขอบคุณหรือไรนะ สุรีย์รัตน์ยิ้มไปคาดเดาไป

นมสดทยอยลดจากแก้วช้า ๆ ลอริสค่อยดื่มทีละน้อยจนกระทั่งหมดเกลี้ยง สุรีย์รัตน์วางแก้วนมสดว่างเปล่าแล้วยกแก้วน้ำกรองยื่นส่งให้

“สปาซิบะ...” เสียงนุ่ม ๆ ตอบรับจากตุ๊กตารัสเซียเป็นคำเดิมอีกครั้ง สุรีย์รัตน์แน่ใจว่านี่คือคำขอบคุณของคนรัสเซีย รอยยิ้มละไมจึงผุดพรายบนใบหน้า

“ลอริสจะชอบฉันไหมนะ ฉันอยากเป็นพี่เลี้ยง” สุรีย์รัตน์บรรจงวาจาพลางสบตามองลอริส มือผ่องยื่นลูบไล้ผมเผ้าหญิงสาวฝรั่งที่ยังหยักยุ่ง ผมสีน้ำตาลดกหนาน่าหวีให้เสียจริง

“พออาบน้ำแล้วฉันจะหวีผมให้นะ” สุรีย์รัตน์ตื่นเต้นยิ้มไม่หุบ อยากดูแลหญิงสาวฝรั่งคนนี้ให้เหมือนตุ๊กตาที่เคยเล่นตอนเด็ก

แอบคิดในใจไยช่างแปลกจริง หญิงสาวที่ไม่ยิ้มแต่ทำไมน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้

น้ำเปล่าหมดจากแก้ว ลอริสยื่นส่งคืนให้หญิงสาววัยสิบแปด คนอยากเป็นพี่เลี้ยงเริ่มมีกำลังใจ เลื่อนโต๊ะวางแก้วน้ำออกห่าง ก่อนตัดสินใจยื่นสองมือจับอีกมือคู่นวลผ่องที่นั่งบนเก้าอี้นวม

“เล็ทส์ โก ทู มาย เบดรูม” สุรีย์รัตน์เริ่มบรรจงคำหวาน ลอริสก็คล้ายจะตอบรับ ร่างหญิงสาวฝรั่งลุกขึ้นแล้วก้าวเดินตามมือจูง ฝ่ายพี่เลี้ยงเริ่มประคองเอวเดินเคียงขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ

“ค่อย ๆ เดินนะ” สุรีย์รัตน์ให้กำลังใจเอ่ยลุ้นไป พยายามทะนุถนอมร่างกายลอริสสุดชีวิต ภาวนาว่าย่างเท้าขึ้นแต่ละขั้นแต่ละก้าวอย่าพลาดพลั้งเลย

ภารกิจอีกหนึ่งก็สำเร็จลุล่วง สองหญิงสาวไทยฝรั่งเดินมาถึงหน้าห้องนอน ห้องที่พักผ่อนกายใจของลูกสาวคนเดียวแห่งบ้าน 'สุขสรวงสวรรค์'

แต่บัดนี้ห้องนี้จะมีอีกหนึ่งสมาชิกร่วมหลับนอนด้วย แม้ไม่รู้ว่าจะชั่วคราวหรือจะยาวนานนับเดือนปี เจ้าของห้องกลับยินดีไม่คิดรังเกียจหรือขับไล่

สุรีย์รัตน์คิดแต่เพียงว่าดีเสียอีกจะได้ไม่เหงา เป็นพี่เลี้ยงหญิงสาวฝรั่งอาจได้ฝึกภาษา ไม่ก็ได้มีเพื่อนเล่นหรือยิ่งกว่าก็อาจนับเป็นน้องสาวเสียเลย

เปิดห้องนอนแล้วเปิดไฟสว่าง ห้องไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กให้อึดอัด มองแวบเดียวก็ชวนน่าอยู่เพราะช่างหวานจับใจเป็นสีชมพู ทั้งผนังทั้งเครื่องใช้ก็เป็นสีชมพูเสียส่วนใหญ่

จะมีก็ผ้าปูเตียงที่ยังเป็นสีขาวครีม เตียงใหญ่พอให้สองคนได้นอนหลับสบาย

“โชคดีจังที่ฉันเลือกเตียงที่นอนไปกลิ้งไปได้ด้วย ถ้าให้ลอริสได้นอนข้าง ๆ คงไม่อึดอัดแน่”

สุรีย์รัตน์หลับตาพริ้มพลางเอ่ยละมุน อยากระลึกฉากหนึ่งยามได้หลับเคียงสาวฝรั่ง แม้รู้ว่าคงนอนกลิ้งอย่างเคยไม่ได้แล้วเพราะถูกแบ่งพื้นที่ แต่มีคนมานอนเป็นเพื่อนแบบนี้ย่อมดีกว่าเพราะจะได้ไม่เหงา

เดินประคองร่างลอริสจนมาอยู่ใกล้เตียง มือนุ่มจากพี่เลี้ยงตบผืนเตียงเบา ๆ แล้วกล่าว “ซิท ดาวน์” หญิงสาวตุ๊กตาจึงนั่งลงแสนเชื่องเชื่อ

มือคู่นวลงามของสาวรัสเซียวางแนบบนตัก สายตาสบมองพี่เลี้ยงใจดีดุจคนซื่อ ไร้วาจาเอื้อนเอ่ยสักคำอย่างคนใบ้

สุรีย์รัตน์หันไปก้มเปิดลิ้นชักเสื้อผ้า คัดสารพัดชุดนอนขายาวลายทางตัวใหญ่โคร่งออกมากองบนพื้นไม้ คัดไปคัดมากลับเพิ่งระลึกว่าหญิงสาวฝรั่งอาจเก็บชุดนอนในกระเป๋าหนังสีน้ำตาลอยู่แล้ว

ชุดนอนลายทางตัวใหญ่เบิ้มที่สุรีย์รัตน์ชอบใส่อย่างชุดผู้ชายคงอาจไม่เหมาะ อุตส่าห์หยิบออกมาสิบกว่าชุดสุดท้ายต้องเก็บกลับเข้าลิ้นชัก

“ชุดนอนฉันเก็บเป็นโหลเลยหรือนี่...” สุรีย์รัตน์บ่นพึมพำแกมขบขันตนเอง “ฉันนอกจากบ้าใส่แต่ไซซ์เอกซ์เอกซ์แอลแล้วยังเก็บเป็นกองภูเขา น้ำนะน้ำ ยัยบ้าเอ๊ย...”

ลุกขึ้นเตรียมจะออกจากห้อง ผินหน้ามองทางเตียงแล้วส่งแย้มยิ้มให้ลอริสล่วงรู้ พลางพูดอังกฤษที่ไม่แน่ใจว่าตุ๊กตารัสเซียจะเข้าใจไหม

“เวท อะ โมเมนต์...”

ร่างสาวพี่เลี้ยงวัยสิบแปดหายจากสายตาลอริส เหลือเพียงตุ๊กตารัสเซียนั่งเหงาเดียวดาย

ลอริสยังนิ่งสงบเสงี่ยมบนเตียงไม่ได้ลุกเดิน สายตาซื่อ ๆ กวาดมองซ้ายขวาจนทั่วห้อง มาอยู่แปลกที่ซ้ำยังไม่ใช่ญาติกันก็คงแปลกรู้สึกอยู่บ้างหรอก

ผ่านไปหลายอึดใจ พี่เลี้ยงสาวหิ้วกระเป๋าหนังและห่อยากับของใช้ผู้หญิงเข้ามา พอสบมองสาวฝรั่งจึงแย้มน้อย ๆ อีกครั้ง “ไอ คัม แบ็ก”

วางสิ่งของลงข้างเตียงแล้วจึงเริ่มเปิดกระเป๋าสีน้ำตาล แลเห็นซองเอกสารที่พ่อเกริกไกรเพิ่งใส่กลับเข้าไปตอนนำออกจากรถ

สุรีย์รัตน์รู้ว่านี่คือของสำคัญของลอริสจึงไม่ได้นำออกมาอีก ที่เหลือเป็นถุงใสสามถุงบรรจุชุดขาวทั้งหมด จึงลองหยิบสักถุงหนึ่งขึ้นมาส่งมอบให้สาวฝรั่ง

ลอริสรับไว้แล้วเปิดถุงออก เดาว่าคงอยากใส่ชุดนี้ตอนนอนกระมัง พี่เลี้ยงสาวก็ไม่อยากบังคับ ปล่อยให้น้องตุ๊กตาน่ารักเลือกใส่ชุดโปรดเอง

สาวสวยรัสเซียหยิบชุดขาวจากถุงขึ้นมาวางแยกสองตัว เหลือชุดขาวอีกตัวเดียวยังอยู่ในถุงและดูใหญ่กว่าตัวอื่น ๆ สุรีย์รัตน์จึงลองหยิบที่เหลือออกมาวางด้วย แต่แล้วมืองามจากสาวฝรั่งกลับย้ายตัวที่ใหญ่สุดออกห่างกว่าเดิม หยิบสองตัวแรกที่นำออกมาส่งใส่มือพี่เลี้ยง

ไม่รู้ว่าบ่งบอกความหมายใด สุรีย์รัตน์เริ่มงงงันชั่วครู่ แต่แล้วจึงตัดสินใจขอดูสองตัวสีขาวในมืออย่างละเอียด

เหมือนตัวหนึ่งเป็นท่อนบน อีกตัวเป็นท่อนล่าง ถ้าเช่นนั้นลอริสคงอยากใส่สองชุดนี้ก่อนตอนอาบน้ำเสร็จ สุรีย์รัตน์เริ่มจะเข้าใจแล้ว

เตรียมชุดเสร็จพลางจับประคองสองมือลอริสอีกครั้ง “เล็ทส์ โก ทู บาธรูม” ลอริสว่านอนสอนง่ายจนพี่เลี้ยงยิ่งดีใจ ลุกขึ้นเดินตามมือจูงพาไปยังห้องน้ำส่วนตัว

เมื่อเข้ามาในห้องน้ำด้วยกัน พี่เลี้ยงจึงวางเสื้อผ้าใหม่และของใช้ผู้หญิงที่จำเป็นข้างอ่างล้างหน้า

สุรีย์รัตน์ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงใช้ภาษากายและการสาธิตแทนคำบอกเล่า ฝักบัวอาบน้ำใช้อย่างไร สายชำระล้างใช้อย่างไร บางทีก็อธิบายเป็นไทยปนอังกฤษว่าแชมพูสบู่เหลวอยู่ตรงไหน

“ดิส อิส แชมพู ดิส อิส โซป นะคะ” พี่เลี้ยงตื่นเต้นไปอธิบายไปยามต้องพูดภาษาที่ไม่ชิน ภาษาอังกฤษเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเสียด้วยสิ

ลอริสไม่ได้แสดงอาการรังเกียจอันใด ตรงข้ามกลับก้มผงกเบา ๆ คล้ายรับรู้ จนบางทีก็กล่าวคำแปลก ๆ ที่พี่เลี้ยงเพิ่งจะได้ยิน

“ด๊า...” เสียงหวานจากหญิงสาวตุ๊กตาชวนให้สุรีย์รัตน์ตื่นเต้น ยังไม่รู้คำรัสเซียเช่นนี้แปลว่าอะไร แต่พอมองสีหน้าลอริสกลับยังแสนอ่อนโยนไม่เปลี่ยน

สุรีย์รัตน์อยากเว้นช่องว่างการดูแล จึงปล่อยให้ลอริสได้อาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเอง ห้องน้ำปิดผนึกแต่ไม่ได้ล็อกไว้ ไม่นานจึงได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวแขวนดังซู่ซ่าราวกับน้ำตก

ระหว่างรอไม่ให้เสียเวลาเปล่า จึงหยิบบรรดาถุงยาที่พ่อเกริกไกรฝากฝัง อ่านฉลากแปะว่าถุงไหนน่าจะเป็นยาก่อนนอน จนพบว่ามีอยู่ถุงเดียวและให้รับประทานครั้งละเม็ดเดียว พอนึกได้จึงลงไปหยิบแก้วใส่น้ำเปล่าขึ้นมาด้วย

“ยาส่วนใหญ่เป็นยาบำรุงหัวใจ ยาบำรุงโลหิตหรอนี่ น่าสงสารจัง” สุรีย์รัตน์เอ่ยแผ่วเคล้าห่วงใย

กลับขึ้นมายังเห็นประตูห้องน้ำผนึกดังเดิม เสียงน้ำไหลจากฝักบัวเงียบลงแล้ว

“หวังว่าตุ๊กตารัสเซียคงกำลังใส่ชุดใหม่อยู่นะ...” สุรีย์รัตน์กล่าวคำหวาน มองชุดกระโปรงยาวแขนยาวจั๊มสีขาวบนเตียง ชุดใส่ช่างน่ารักเสียจริงแม้แต่ยามนอน

ก้มมองตนเองที่ใส่ชุดนอนลายทางตัวใหญ่โคร่งอย่างผู้ชาย “ช่างไม่เหมือนหญิงสาวที่น่ารักเอาเสียเลยนะยัยน้ำคนนี้ ฮ่า ๆ” พี่เลี้ยงสาวขบขันเบา ๆ

เงยหน้าอีกทีเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวฝรั่งที่สวมชุดใหม่แล้วค่อยย่างก้าวออกมา ทว่ากลับหยุดยืนอยู่ไม่ห่างจากหน้าห้องน้ำ ดูเหมือนอาจยังไม่เสร็จธุระหรืออย่างไร

พี่เลี้ยงสาวจึงเดินเข้ามาใกล้เผื่อช่วยเหลือ เห็นลอริสใช้ผ้าขนหนูขาวเช็ดผมน้ำตาลที่ยังเปียกหมาด มองแล้วยังดูแลตนเองได้จึงไม่อยากขัดจังหวะ

ลอริสสบมองสุรีย์รัตน์เพียงชั่วครู่ ประกายตายังละมุนดูซื่อ ๆ ไม่เคยเปลี่ยน ก่อนก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเช็ดผมต่อจนพอหมาด

หญิงวัยสิบแปดรับผ้าขนหนูเช็ดผมจากมือลอริสที่ส่งให้ ผ้าเปียกชื้นเล็กน้อยถูกแขวนบนราวใกล้มุมอ่างล้างหน้า ลอริสยื่นมือจับปลายผ้าไว้ก่อนดึงออกมา จากนั้นจึงแขวนกลับดังเดิมคล้ายที่สุรีย์รัตน์ทำเมื่อครู่

พี่เลี้ยงเริ่มประหลาดใจ สาวรัสเซียผู้นี้คงอยากจดจำว่าทำอย่างไรกระมัง นี่อาจเป็นวิธีสื่อสารให้เข้าใจอีกแบบหนึ่งก็ได้

หน้าห้องน้ำมีตะกร้าหวายว่างเปล่า สุรีย์รัตน์หยิบขึ้นมาแล้วเก็บชุดเดิมของลอริสใส่แยกไว้ ชุดที่อยู่ในตะกร้าใบนี้จะนำไปซักในวันพรุ่งรุ่งเช้า

“ไอ วิล วอช ยัวร์ เดรส ทูมอร์โรว” พี่เลี้ยงใจดีบอกกล่าวคำหวาน แม้ไม่แน่ใจว่าลอริสจะแปลออกหรือไม่ คิดเพียงว่าหากจะทำอะไรสักอย่างกับสิ่งของผู้อื่นก็ควรบอกให้เจ้าของรู้สักหน่อย

เหลือแต่กิ๊บโบผ้าขาวแกมม่วงอ่อน คงเป็นสิ่งเดียวที่แยกออกมาจากชุดใส่ ลอริสวางไว้บนหิ้งกระจกใกล้อ่างล้างหน้า

วางตะกร้าหวายไว้ที่เดิม เพิ่มเติมคือใส่ชุดเก่าของลอริสไว้รอซัก จังหวะเงยหน้าพลันเห็นหญิงสาวฝรั่งก้มผงกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าอยากจะบอกขอบคุณอยู่หรือเปล่าหนอ

ไม่น่าเหลือเรื่องใดตกค้างแล้ว จึงจูงมือลอริสพากลับมาใกล้เตียง ชุดใหม่ที่สาวฝรั่งใส่ก็ช่างแปลกตาน่าหลงใหลเสียจริง

ท่อนบนสวมเสื้อขาวแขนยาวเกือบถึงข้อมือ ปลายแขนระบายเล็กน้อยด้วยผ้าลูกไม้ ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงสีขาวเอวยืด ลอริสสวมเอวสูงดูเป็นสาวเรียบร้อยดั่งผ้าพับ ขากางเกงกว้างแลพองพลิ้วเวลาเดิน ปลายขาจั๊มมีโบผูกที่ข้อเท้ายิ่งเพิ่มความน่ารักน่าเอ็นดู

“เป็นสาวแสนเรียบร้อยจังเลย มีใส่กางเกงเอวสูงทับเสื้อเสียด้วย” สุรีย์รัตน์ยิ้มหวานให้ลอริส รู้สึกชื่นชอบการแต่งตัวแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก ดูช่างละเมียดงดงามยิ่งกว่าผ้าพับ

อยากกอดตุ๊กตารัสเซียใจจะขาด น่ารักน่าทะนุถนอมเสียยิ่งกระไร ทว่าขอยั้งมือไว้ก่อน พอเริ่มนึกออกว่าน่าจะยังไม่จบ มองอีกทียังเหลือชุดกระโปรงยาวตัวใหญ่ที่วางรออยู่บนเตียง

ลอริสหยิบชุดกระโปรงยาวสีขาวแล้วเริ่มสวม พี่เลี้ยงสาวสบมองเกรงว่าจะล้มจึงช่วยประคองตัวไว้ ที่เหลือจึงปล่อยให้น้องฝรั่งจัดการแต่งตัวด้วยตนเอง

ชุดกระโปรงยาวคลุมมิดขาเกือบลากพื้น แขนยาวปลายจั๊มแลช่างนุ่มนิ่มน่ารัก มองหญิงสาวฝรั่งสวมใส่เสร็จกลับยิ่งเหมือนตุ๊กตา

“น่าร้าก... น่าร้าก... สุด ๆ เลย”

คนเป็นพี่เลี้ยงเริ่มยั้งใจไม่ไหว ชุดนอนของลอริสเป็นแบบนี้เองหรือ น่ารักจนอยากโผเข้ากอดเสียแล้วสิ แต่ก็ยังเกรงใจจึงทำได้แค่ยื่นมือสัมผัสอีกสองมือนวลของลอริส

ฝ่ายถูกดูแลก็คล้ายอยากตอบรับ คอยสบตาดั่งคนซื่อเคล้าแววซาบซึ้ง ก้มผงกเล็กน้อยแล้วเอ่ยคำอ่อนโยน “สปาซิบะ...”

สุรีย์รัตน์โอบเอวลอริสนั่งลงบนเตียง มือผ่องลูบศีรษะไปมาพลางยิ้มหวานให้ ไม่รู้ว่านี่เป็นวิธีถ่ายทอดความรักที่เหมาะควรหรือไม่ รู้แต่เพียงอยากหยิบยื่นความใส่ใจจนเต็มเปี่ยม

นึกขึ้นได้จึงลุกออกไปหยิบถาดใส่ยาและแก้วน้ำ มอบยาก่อนนอนให้ลอริสรับประทานพร้อมส่งยื่นแก้วน้ำตาม ลอริสจิบน้ำเพียงครึ่งแก้วแล้วผงกศีรษะเล็กน้อยดุจขอบคุณ

สุรีย์รัตน์ไม่ได้อธิบายว่ายาอะไร ความรู้เรื่องแพทย์ไม่ค่อยมีจึงยากเกินจะบอกเป็นคำอังกฤษ แต่ลอริสกลับไม่ลังเลจะรับไว้เหมือนยิ่งไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่หวาดหวั่นว่าอีกฝ่ายอาจวางยาพิษเสียด้วยซ้ำ

พี่เลี้ยงสาววางแก้วน้ำและถาดยาบนโต๊ะโคมไฟ พลางหยิบหวีด้ามชมพูจากในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ หันกลับมาสบมองลอริสแล้วผลิแย้มละมุนดุจของขวัญ

ลอริสดูเป็นสาวแสนซื่อแท้จริง ยินดีให้พี่เลี้ยงหวีผมอย่างละเมียดบรรจง ผมสีน้ำตาลดกหนายาวจรดกลางหลังช่างนุ่มนิ่ม ผมปรกหน้าผากดูงดงามขับเน้นใบหน้าอ่อนโยน มองทีไรก็ยิ่งเหมือนตุ๊กตาน่าเอ็นดูตัวหนึ่ง

“ตุ๊กตาของฉัน น่ารักจังเลย” สุรีย์รัตน์รำพันคำหวาน ไม่อาจล่วงรู้ว่าลอริสฟังเข้าใจไหม เพียงอยากถ่ายทอดความใส่ใจให้ฝ่ายรับซึมซับ

ลอริสประคองมือพี่เลี้ยงสาว ดุจอยากบอกว่าอย่าทอดทิ้งกันอย่าจากฉันไป...

สองหญิงสาวเคียงดูแลชิดใกล้ ดั่งคล้ายประคับประคองจิตใจกันและกัน แม้ไม่อาจสื่อสารด้วยภาษาวาจาที่ถนัดเลย

วางหวีลงแล้วชวนกันหลับนอน สองร่างหญิงสาวเหยียดกายเคียงใกล้ ไฟในห้องดับลงเหลือเพียงไฟส่องจากโคมตั้งโต๊ะแลสลัว

สุรีย์รัตน์ยื่นมือลูบไล้ศีรษะสาวรัสเซีย ดุจปลอบโยนดุจให้กำลังใจไม่ทิ้งห่าง ห้วงระลึกเริ่มนึกย้อนเรื่องราวสุดชอกช้ำของลอริส

“หญิงสาวที่โชคร้ายต้องกำพร้าพ่อแม่ ฉันจึงสงสารฉันจึงอยากช่วยปลอบโยน แม้ฉันเองก็กำพร้าแม่แต่ก็ยังมีพ่อ...”

อีกเสี้ยวรู้สึกให้ระลึกจึงรำพันแผ่วเอื่อย “ไม่รู้ว่าพ่อกลับถึงบ้านหรือยัง เป็นห่วงจังเลย...”

ผ้าห่มนวมนุ่มนิ่มชวนอบอุ่นกาย มือคู่นวลจากพี่เลี้ยงประคองสองมือผ่องของลอริสชวนอบอุ่นใจ

สายตาซื่อ ๆ จากตุ๊กตารัสเซียส่งมอบก่อนบอกลา เสียงแผ่วเบากล่าวคำหวาน “สปาซิบะ...” แล้วหลับตา...

สองสาวดำดิ่งสู่ห้วงนิทราในที่สุด



-จบตอน-




รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว