one night stand กับท่านประธาน-เสียซิง

โดย  Enchantress01

one night stand กับท่านประธาน

เสียซิง

และในตอนนั้น วิดีโอไลฟ์สดนี้ก็ถูกนำไปตัดต่อเป็นภาพเคลื่อนไหวและเริ่มแชร์ไปในโลกโซเชียล

ในช่องไทม์ไลน์เริ่มมีโพสต์จากชาวเน็ต ในโพสต์มีการแค็ปหน้าจอขณะไลฟ์สด เป็นภาพของสตรีมเมอร์หญิงสองคน คนหนึ่งสวยเหมือนนางฟ้า อีกคนก็หล่อระเบิด ต่างคนต่างถือเหล้าคนละขวด
ในมือกอดตุ๊กตาปิกาจู

ข้อความในโพสต์เขียนว่า “ความลับของไฮโซหญิงที่เพิ่งหย่ากับสามีกำลังไลฟ์อยู่ รีบมาดูเร็ว”


คนทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในอินเทอร์เน็ต

หยางเวยถือตีนไก่กลับมานั่งลงที่พื้น เปิดเหล้าขาวขวดที่สองพลางถอนหายใจและเอ่ยว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะ อันที่จริงเรื่องหย่าฉันก็ละอายใจอยู่เหมือนกัน เธอก็รู้เรื่องของฉันดี ตอนนั้นบ้านฉันเกิดเรื่อง แม่เขารับฉันมาเลี้ยงดูเหมือนลูกสาวแท้ๆ จนโต เธอคิดว่าที่อาอี๋เลี้ยงฉันจนโตขนาดนี้เพราะอยากได้อะไรล่ะ ก็อยากได้คนที่ช่วยเป็นมือเป็นเท้าให้ในอนาคตไม่ใช่หรือ ฉันทำให้อาอี๋ต้องผิดหวัง ฉันเลยไม่กล้าเอาอะไรมาจากครอบครัวเขาสักชิ้น หย่าเสร็จก็ให้ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ถ้าฉันอยากได้สมบัติก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือจะล้มเขาก็ง่ายนิดเดียว แล้วทำไมฉันถึงไม่ทำ ก็เพราะไม่อยากแทงใครข้างหลังอย่างไรล่ะ”

“จริงของเธอ” กู้หลานพยักหน้า แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “แต่ฉันกลับรู้สึกว่าคุณชายคนนี้เป็นคนใจกว้าง ถึงเธอจะไม่อยากได้ แต่เขาก็น่าจะให้เธอติดไม้ติดมือสักหน่อยนี่นา”

“จากที่ฉันรู้จักเขามานะ” หยางเวยยกมือเท้าคาง ค่อยๆ วิเคราะห์อย่างเมามาย “มีความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่า เขากำลังรอให้ฉันร้องไห้กลับไปหา ขำชะมัด! เธอลองคิดดูนะ แม่เขาใช้เวลา
ตั้งหลายปีอุตส่าห์เลี้ยงฉันมาเพื่อเป็นเพื่อนเขา พอขาดฉัน เขาก็คงหาคุณนายที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีก เขาเลยตั้งหน้าตั้งตารอนางเบ๊คนนี้ เฮอะ! ฉันไม่กลับไปหรอก”

คำพูดอย่างมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้กู้หลานซึ่งกำลังแทะตีนไก่แทบติดคอ แต่กู้หลานเองก็ไม่อาจปฏิเสธอะไรได้ ที่หยางเวยพูดมาก็มีเหตุผล ตั้งแต่เรียนมัธยมมาจนถึงตอนนี้หยางเวยเป็นคนทำอะไรทำจริง ถ้าได้ทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด แม้แต่เรื่องธรรมดาก็ต้องทำจนได้ก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่ง คนแบบนี้จะมีความหยิ่งทะนงในตัวเอง

“ตอนนี้เธอไม่มีเงินสักหยวนเลยหรือ?” กู้หลานทบทวนแล้วถามคำถามที่เป็นปัจจุบัน ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ถ้าไม่ไหวจริงๆ เธอมาทำงานกับฉันก็ได้”

“ช่างเถอะ” หยางเวยส่ายหน้า “ก่อนแต่งงานฉันก็หาเงินไว้ใช้เองส่วนหนึ่งแล้ว เงินก่อนแต่งฉันขนติดตัวมาด้วยหมด ถ้าใช้อย่างประหยัดก็คงอยู่ได้อีกหลายปี ตอนนี้ฉันอยากพักสักหน่อย ใช้ชีวิต
สโลว์ไลฟ์ไง รู้จักหรือเปล่า?”

“เธอเอาเงินออกมาเท่าไหร่น่ะ?” กู้หลานพุ่งความสนใจไปที่เงินของอีกฝ่าย หยางเวยเพียงเหลือบตามองเพื่อนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ จากนั้นก็เอ่ยว่า “บอกไม่ได้”

“ทำไมล่ะ”

“ฉันกลัวถูกยืมเงิน”

“...”

“เธอเพิ่งจะเริ่มสร้างแบรนด์สินค้า กำลังเป็นช่วงหมุนเงินเป็นพัลวัน ฉันกลัวว่าวันไหนเธอถังแตกหรือเงินขาดมือแล้วจะมายืมเงิน ฉันไม่ใช่คุณนายใจกว้างที่จะให้เธอยืมเงินได้แล้วนะยะ”

“เสี่ยวเวยเอ๊ย” กู้หลานถอนหายใจ “เธอเห็นฉันเป็นคนอย่างนั้นหรือ?”

“ก็ใช่น่ะสิ” หยางเวยยืนยัน “เธอเป็นคนที่เวลาเงินขาดมือก็หน้าด้านมาร้องห่มร้องไห้ขอยืมเงินฉันแบบไม่นึกลังเลหรือเกรงใจเลย”

กู้หลาน “...”

เพื่อนคนนี้ยังน่าคบอยู่ไหมเนี่ย

ตอนที่คนทั้งสองนิ่งเงียบ คนที่เข้ามาดูไลฟ์สดก็มากขึ้นเรื่อยๆ

“โอ๊ย ฉันขำท้องแข็ง พี่หลานถูกตอกกลับแบบนี้ โคตรสะใจเลย ฮ่าฮ่าฮ่า...”

“ผู้หญิงที่จะให้พี่หลานยืมเงินได้ต้องรวยมากแน่ๆ”

“เธอต้องได้รางวัลผู้หญิงช่างแอ๊บดีเด่นแห่งปี โคตรนับถือเลย”

“ฉันว่าพี่หลานเอาคืนแน่”

หลังจากกู้หลานนิ่งเงียบโดยไม่อาจโต้ตอบได้อยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนประเด็นสนทนา “แล้วต่อไปเธอจะทำอย่างไรต่อจะไปหางานทำหรือเปิดบริษัทล่ะ?”

“ฉันไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นแหละ” หยางเวยส่ายหน้า “ฉันอยากทำในสิ่งที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ ไอ้เรื่องพวกนั้นฉันไม่อยากทำหรอก”

กู้หลานพยักหน้า หลังจากที่หยางเวยพูดระบายอารมณ์ออกมาจนหนำใจ ก็เริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติ ทั้งสองดื่มเหล้าและแทะตีนไก่ด้วยกัน ทั้งยังคอยสนทนาเรื่อยเปื่อย

ตั้งแต่หยางเวยอายุสิบสี่ปีเป็นต้นมา เธอก็ไม่เคยกินของพวกนี้อีก พออาหารรสจัดเข้าปากเธอก็ไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่ แต่พอกินไปหลายคำเข้าก็รู้สึกถึงรสชาติที่แปลกใหม่

ทั้งสองสนทนาถึงเรื่องสมัยก่อน กู้หลานเอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “ความจริงตอนที่พวกเธอแต่งงานกัน ฉันดีใจมากเลยนะ คิดว่าในที่สุดก็ลงเอยกันสักที เธอสมหวัง เขาเองก็เข้าใจความต้องการของตัวเอง เอาจริงนะ” กู้หลานเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยว่า “ตอนเรียนมัธยมฉันคิดว่าเขาชอบเธอมาตลอด เพียงแต่เขาเป็นคนถือตัว ถึงจะชอบก็ไม่พูดออกมา”

“เป็นไปไม่ได้หรอก” หยางเวยส่ายหน้า “เขาเกลียดฉันมาตลอด”

“...”

“ไม่จริง!” กู้หลานเอ่ยแย้งและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันมีหลักฐานนะ เดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้เธอฟัง เธอจำตอนเรียน ม.5 ได้ไหม มีผู้ชายที่เรียนห้องสิบสี่คนหนึ่งชอบเขียนจดหมายรักไปให้เธอตอนเรียนภาคค่ำน่ะ”

“จำได้สิ” หยางเวยพยักหน้าเหมือนเริ่มเมา กู้หลานก็รีบเอ่ย “ตอนนั้นเธอรำคาญเด็กนั่นมากไม่ใช่หรือ มีอยู่วันหนึ่งฉันไปเห็นใครก็ไม่รู้กำลังต่อยกับเด็กนั่นอยู่ ต่อยจนแว่นเอียงเลย แล้วก็ชี้หน้าเด็กผู้ชายคนนั้นว่า ถ้ายังมายุ่งกับเธออีก เขาเจอเมื่อไหร่จะใส่เมื่อนั้น พูดแบบจริงจังเว่อร์”

หยางเวยอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นความรู้สึกหลากหลายก็ถาโถมเข้ามาในใจ เมื่อก่อนถ้าได้ฟังเรื่องแบบนี้ก็คงจะรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนมีกวางตัวน้อยกระโดดไปมา แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่า อันที่จริงก็ไม่มีอะไรนี่

เมื่อก่อนเธอยังไม่เข้าใจ ตอนนี้พอโตขึ้นก็เข้าใจแล้ว

“นั่นไม่ได้แปลว่าเขาชอบฉันนะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้มและพูดต่อด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า “เขาเป็นคนรักศักดิ์ศรี แบกชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลไปทุกที่ เขาจะยอมให้คนอื่นรังแกฉันได้อย่างไร เธอลองดูสิ เขากับกลุ่มเพื่อนของเขาอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร อย่าเห็นว่าเขาดูสุขุมแล้วจะไม่กล้าทำอะไรใครนะ นิสัยคุณชายแต่เอาเรื่องชะมัด เรื่องพวกนี้ที่เธอเล่ามาฉันเคยได้ยินอยู่หลายเรื่อง ตอนที่รู้ฉันก็นึกชอบเขา”

“คนเราก็ต้องชอบคนที่ทำดีด้วยเป็นธรรมดา”

หยางเวยดื่มเหล้าและถอนหายใจ “ตอนนั้นอายุยังน้อย จู่ๆมีคนลุกขึ้นมาปกป้อง เป็นเธอจะไม่หวั่นไหวหรือ แต่พอใจหวั่นไหวกลับมารู้ความจริงว่า อันที่จริงตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากผู้หญิงคนอื่น เขาก็ทำแบบนี้กับทุกคนดังนั้นก็เลยหมดหวัง พอหมดหวังเขาก็ทำให้มีหวังอีก สลับกันไปมาอย่างนี้ตั้งหลายปีท้ายสุดถึงได้เข้าใจ”

เธอรู้สึกถึงฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่แผ่ซ่านในร่างและครอบงำสติสัมปชัญญะบางส่วน หยางเวยเท้าคางและเอ่ยว่า “ความจริงเขาไม่ได้ชอบคนแบบฉัน ตระกูลเขาก่อตั้งอย่างยาวนานมาเป็นร้อยปี เขาเป็นคนถือตัวอวดดีจะตายส่วนฉันล่ะ ฉันก็เป็นแค่ลูกเป็ดตัวหนึ่งที่บังเอิญหลงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้นเอง ถึงฉันจะเสแสร้งได้ดีขนาดไหน ไฮโซจอมปลอมก็ยังจอมปลอมอยู่วันยังค่ำ เขาคงดูถูกฉันไปทั้งชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องชอบฉันเลย”

“ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขาดูถูกเธอล่ะ”

“ฉันจะบอกเธอให้นะ วันแรกที่ฉันเข้าไปในบ้านเขา...”

หยางเวยเริ่มเล่าชีวิตของตนเองก่อนที่จะเข้าไปในบ้านตระกูลซ่ง เล่าถึงความผิดต่างๆ ของซ่งเจ๋อ และเล่าถึงชีวิตของคนธรรมดาที่เข้าไปอยู่ในตระกูลไฮโซว่าต้องพยายามจำกัดตัวเองมากขนาดไหน

ขณะที่กำลังถ่ายทอดสด บางคนก็นิ่งฟังเงียบๆ บางคนถึงกับน้ำตาริน จินตนาการไปถึงเรื่องราวที่เป็นเหมือนละครน้ำเน่าในตระกูลไฮโซ

“แม่ง ฉันน้ำตาไหล ไม่ไหวแล้ว!”

“ไม่ง่ายเลยจริงๆ ทำไมพี่นางฟ้าถึงทนมาได้ขนาดนี้”

“เอาจริงนะ ฉันชอบความอึดทนของผู้หญิงคนนี้มากเลย ฉันขอประกาศตัวเป็นแฟนคลับของเธอเดี๋ยวนี้”

“ให้ตายเถอะ เพิ่งเปิดตัวก็ทรมานใจแฟนคลับแล้ว น่าสงสารจริง เป็นกำลังใจให้นะ ไม่ต้องเสียใจหรอก ทิ้งไอ้ผู้ชายสารเลวนั่นไปซะ ฉันรักเธอ!”

คนที่มาดูการถ่ายทอดสดมากขึ้นเรื่อยๆ และมาด้วยเจตนาที่หลากหลาย บ้างก็มาเพื่อสัมผัสความเร้าใจจากการแอบฟังชาวบ้านคุยกัน บ้างก็มาเพื่อไม่ให้ตกกระแส บ้างก็มาเพื่อคลายเครียด บ้างก็สนใจในรายละเอียดของตระกูลไฮโซซึ่งคนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง

สรุปว่า ด้วยแง่มุมที่หลากหลายจึงช่วยดึงดูดคนมาดูการถ่ายทอดสดมากขึ้นเรื่อยๆ พอได้มาดูไลฟ์สดแล้วไม่ว่าพวกเขาจะเห็นแก่ความสวย เห็นแก่นิสัย หรือเป็นเพราะความสงสารก็ตาม แต่ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองชั่วโมง หยางเวยก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอีกมากมายก่ายกอง

แฟนคลับกลุ่มใหม่ที่เพิ่งผุดขึ้นนี้ต่างรู้สึกเห็นใจหยางเวย

“ฉันเห็นใจไอดอลฉันมาก ฉันจะไปปลอบใจเธอ”

ดังนั้นขณะที่มีการไลฟ์สดจึงมีการมอบของขวัญเป็นจำนวนมาก หน้าจอมีของขวัญลอยอยู่เต็มไปหมด มองแล้วละลานตา

หยางเวยกับกู้หลานสนทนากันจนถึงเที่ยงคืน ต่างคนต่างเมา ต่างฝ่ายต่างโผกอดกันและเริ่มบ่นถึงความผิดพลาดของตัวเอง

หยางเวยเองไม่ด่าซ่งเจ๋อแล้ว เธอเริ่มด่าตัวเองอย่างไม่จบไม่สิ้น

ในตอนนั้นโทรศัพท์ของกู้หลานก็ดังขึ้น เจ้าตัวสะลึมสะลือมากดปุ่มรับและตะโกนว่า “ฮัลโหล”

“กู้หลาน” ปลายสายเป็นเสียงของเซี่ยจิวจิวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมสร้างแบรนด์ ฝ่ายนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเลว่า “เอ่อ เธอ...เธอไลฟ์สดจบหรือยัง?”

“จบแล้วน่ะสิ” กู้หลานไม่เข้าใจคำถามของอีกฝ่าย “กี่โมงกี่ยามกันแล้วเนี่ย ยังจะให้ฉันทำงานอีกหรือ เถ้าแก่เซี่ยเห็นใจกันบ้างสิ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินจนไม่ลืมหูลืมตา”

“เปล่า” เซี่ยจิวจิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ถ้าเธอไลฟ์สดจบก็ช่วยปิดกล้องด้วย ตอนนี้ไลฟ์สดของเธอมีคนดูเจ็ดแสนคนแล้วนะ”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว