รักตามนัด-ภารกิจของทายาท

โดย  ลูกตุ้มเงิน / ปนิตา

รักตามนัด

ภารกิจของทายาท


ป่าร้อยมายา เขตชายแดนระหว่างแคว้น

น้ำตาเม็ดกลมใสไหลอาบแก้มนวลขาวราวกับก้อนแป้งของเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้น ริมฝีปากบางสีแดงสดเม้มแน่นเป็นเส้นตรงแต่ก็ไม่สามารถกลั้นเสียงสะอื้นร่ำไห้ในครั้งนี้ไปได้ มือเล็กที่กุมต้นแขนขวาไว้ยังสั่นระริก เสื้อผ้าที่สวมใส่ซึ่งตัดจากผ้าสีหม่นกลับฉีกขาดและเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินทั้งยังเปียกชุ่มด้วยโลหิตซึ่งเกิดจากบาดแผลสดใหม่ที่ได้การฝึกเมื่อครู่ ทำเอาผู้เป็นอาจารย์อดที่จะทอดถอนใจออกมาไม่ได้

หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาผู้นี้ถึงกับทอดถอนใจอยู่หลายครา ในขณะที่กำลังทำการทดสอบศิษย์ตัวน้อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่นางก็มิอาจนับได้

“เสี่ยวหวง เมื่อไหร่เจ้าจะจำที่อาจารย์สั่งสอนได้สักที หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจารย์เกรงว่าเจ้าคงจะตายก่อนจะฝึกสำเร็จเสียก่อน”

กล่าวดังนั้นแล้ว ร่างระหงของสาวนาม ‘ซ่านอิง’ก็คลี่พัดไม้หอมสีขาวสะอาดตาในมือโบกพัดผ่านหน้าช้าๆราวกับใช้ความคิด ดวงตาสุกสกาวเพ่งมองศิษย์ที่ไม่ว่าจะสอนสักเท่าไหร่ก็ดูท่าจะไม่มีวันซึมซับวิชาเหล่านั้นเข้าไปในหัวสมองน้อยๆสักที คนเป็นอาจารย์ได้แต่ส่ายหน้าทอดถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เป็นเพราะเหตุการณ์ในอดีตครั้งนั้น นางคงไม่ต้องมาอดทนจ้ำจี้จ้ำไชฝึกฝนลูกศิษย์ไม่เอาถ่านแบบนี้

ปีศาจนกกระจิบตัวน้อยที่กำลังจะตายมิตายแหล่ตนนั้น หากไม่บังเอิญมีตบะเหลืออยู่อีกเพียงหยิบมือพอที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์วัยเยาว์ได้บางเวลานั้น แทบไม่น่าเชื่อว่านางจะมีชีวิตรอดอยู่ในป่ามายาที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของเหล่าวิญญาณและปิศาจที่ซ่องสุมรวมกันเป็นร้อยเป็นพันดวงมาได้โดยแทบไม่มีใครสังเกตเห็น

จนกระทั่งวันหนึ่งที่ซ่านอิงออกจากการบำเพ็ญเพียรแล้วพบว่ามีความเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ในพงหญ้าข้างปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นที่พำนัก ดูแล้วน่าสงสัยไม่น้อย

เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่ามีร่างเล็กมอมแมมของเด็กหญิงคนหนึ่งนอนขดตัวกลมโดยมีหญ้าแห้งคลุมอยู่บนตัว ปีศาจสาวเพ่งกระแสจิตสำรวจดวงวิญญาณ ซ่านอิงถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นเพียง 'เน่ยตัน'...ลูกแก้วปราณปิศาจของเด็กน้อยดูริบหรี่และอ่อนกำลังเต็มที

ภาพที่ปรากฏเลือนรางตรงหน้านางจิ้งจอกสาวเป็นเพียงนกกระจิบตัวน้อยซ้อนทับบนร่างเจ้าก้อนแป้งตัวจ้อยเท่านั้น หากถูกปล่อยทิ้งไว้ต่อไปอีกคงไม่พ้นวิญาณแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีดิน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอเมื่อเกิดการแย่งชิงปราณปิศาจเกิดขึ้น แต่กฏของการอยู่รอดผู้ที่แข็งแกว่งกว่าเท่านั้นที่จะอยู่รอด เรื่องเช่นนี้มีมีเหตุผลให้นางต้องใส่ใจ

ร่างงามระหงก้าวผ่านไปโดยไม่เหลียวมาดูอีก หากแต่เพียงระยะทางไม่ถึงสิบก้าวก็ต้องหยุดลง บางอย่างดลใจให้นางเก็บดวงวิญญาณเปราะบางดวงนั้นขึ้นมาอุ้มชูพร้อมถ่ายทอดปราณปิศาจบางส่วนให้ดวงวิญาณที่ริบหรี่ดวงน้อยดวงนั้น จนกระทั่งแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆแถมยอมให้เจ้าก้อนแป้งน้อยถึงขนาดที่เรียกนางว่าอาจารย์ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเสียด้วยสิ

ช่างหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ!

หากวันนั้นนางไม่ใจอ่อนคงไม่ต้องมาปากเปียกปากแฉะกับเจ้าเด็กสมองทึบคนนี้ให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างที่เป็นทุกวัน แต่เอาเถอะใครใช้ให้เจ้าเด็กคนนี้น่ารักน่าชังเกินกว่าที่นางจะตัดใจทอดทิ้งได้ อย่างน้อยปราณปักษาในตัวเด็กน้อยก็เข้มแข็งขึ้นมากต่างจากผลลัพธ์ในการฝึกวิชาที่ดูจะคงเส้นคงว่าไม่มีที่ท่าว่าจะดีขึ้นเลย คิดได้เช่นนั้นนางก็ถอนใจออกมาอีกคำรบหนึ่งได้แต่ปลงในโชคชะตายอมรับผลของความใจอ่อนของตัวเอง

“อาจารย์ คนหัวทึบแบบนี้ ฝึกไปก็เสียเวลาเปล่า”

เด็กชายตัวโตที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้วยตลอดเวลาเอ่ยขึ้น หลังมองศิษย์น้องเล็กที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าจนเจ็บเนื้อเจ็บตัว ไม่ต่างจากวันก่อนๆ คนที่ถือว่าอาวุโสกว่าเลิกคิ้ว ปรายตามองร่างเล็กที่ปาดน้ำตาสะอึกสะอื้นอยู่ข้างอาจารย์ แก้มที่ขาวจัดถูกเช็ดแรงๆก็ขึ้นสีชมพูเข้มราวกับลูกท้อ เห็นแล้วอดที่จะหยอกเย้าไม่ได้ มือคนตัวโตกว่ายื่นออกไปบิดแก้มนุ่มทั้งสองข้างด้วยความหมันเขี้ยว

เจ้าเด็กนี่นับวันจะยิ่งน่าแกล้งขึ้นทุกวัน

“พี่หลิ่งจิ้ง!” มือเล็กที่เพิ่งปาดน้ำตายกขึ้นปัดมือที่ก่อกวนข้างแก้มตนออกอย่างแรง พร้อมส่งเสียงขู่เล็กๆประกอบกับท่าทางขึงขังราวกับนางพญานกตัวน้อยนั้น ท่าทางเอาเรื่องที่เห็นนั้นแทนที่จะสร้างความหวาดกลัวให้เจ้าของชื่อ กลับยิ่งทำให้นึกอย่างแกล้งหนักเข้าไปกว่าเดิม ฝ่ามือข้างหนึ่งพลันตบเบาๆไปที่ท้ายทอยของเฟิ่งหวงอย่างหยอกเย้า หลิ่งจิ้งหัวเราะหึๆอย่างสมใจได้ได้แกล้งและทับถมคนที่อ่อนกว่า เป็นแบบนี้แทบทุกวัน

“ใครใช้ให้เจ้ามันโง่กันเล่า วิชาง่ายๆแบบนี้คนอื่นเขาฝึกกันวันเดียวก็คล่องแคล่วจนแทบหลับตาทำได้ แต่ดูเจ้าสิ เฮ้อ!ช่างเปลืองแรงอาจารย์ซะจริงๆ”

หลิ่งจิ้งกอดอกเดินวนรอบตัวร่างเล็กที่นั่งกองกับพื้นดิน สายตาที่ดูเยาะเย้ยกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันทีที่มองดูบาดแผลน้อยใหญ่ซึ่งกระจัดกระจายทั่วร่างเล็ก

ดูจะเจ็บไม่น้อย

หลังฝึกโผบินจากกิ่งสนต้นใหญ่ต้นเดิมมาหลายชั่วยามติดต่อกันแต่ก็กลับคว้าน้ำเหลวทุกครั้ง แม้จะอยากช่วยแต่เรื่องเหล่านี้ล้วนต้องเกิดจากการฝึกฝนด้วยตนเอง วิชาเรียบง่ายเช่นนี้เหตุใดนางจึงยังไม่สามารถบรรลุได้สักที เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากสำหรับเหล่าปิศาจที่บำเพ็ญเพียรจนเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้

สายตาของผู้ชมอีกนับร้อยที่อยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้พลอยลุ้นตามกันไปด้วย หากแต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงโดยเฉพาะต่อหน้าองค์ชายใหญ่แห่งเผ่าค้างคาว

ใครกันเล่าจะกล้าล่วงเกิน!

ยกเว้นเสียแต่เจ้านกกระจิบสามห้าวที่ไม่เคยมีคำว่าหวาดกลัวอยู่ในหัวสมองน้อยๆของนาง

“ก็ยังดีกว่าบางคน จะนกก็ไม่ใช่จะหนูก็ไม่เชิง หึ! พี่อย่ามาสนใจเรื่องของข้าเลย หลีกไป!”

เฟิ่งหวงใช้มือยันเข่าสองข้างขึ้นยืนช้าๆ ขาสั่นเล็กน้อยอย่างไม่อาจห้ามได้ แรงกระแทกอย่างแรงที่ตกจากยอดไม้เมื่อครู่ให้เนื้อตัวปวดร้าวระบมราวกับเนื้อถูกฆ้อนทุบ กระดูกแทบจะแหลกละเอียด หากแต่สีหน้าผิดหวังของอาจารย์และคำสบประมาทจากศิษย์พี่ทำให้นางนกเล็กฮึดที่สู้ขึ้นมาอีกครั้ง

“อาจารย์!ให้โอกาสข้าอีกครั้งเถอะนะ”

นางมารน้อยเงยหน้าน้ำตาคลอ เกาะชายกระโปรงอาจารย์เขย่าแรงๆอยู่หลายที มือน้อยกำผ้าแน่นจนยับยู่เปรอะเปื้อนคราบฝุ่นดินและโลหิตของตนเอง ทำเอาคนที่หันหลังหนีไปเมื่อครู่ถึงกับถอนใจแล้วยอมหันกลับมามองดูศิษย์ดื้อด้านอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง

“เจ้าควรตั้งใจเอาจริงสักที ไม่เช่นนั้นใครก็ไม่สามารถเป็นปีกให้เจ้าไปได้ตลอดชีวิตหรอก เข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม?”

พูดจบดวงตายาวรีราวกับรูปผลซิ่งคู่นั้นก็ตวัดมองไปยังศิษย์เอกผู้พี่ของเด็กน้อยที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ทำเอาเจ้าตัวแอบสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้ว่าแอบช่วยเหลือคนที่ตัวเองเคยเอ่ยปากเยาะเย้ยไว้หลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่มั่นใจว่าได้ทำอย่างแนบเนียนแล้ว หากอาจารย์ก็คืออาจารย์ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่รู้

“ข้าให้โอกาสอีกครั้งเท่านั้น อ้อ...”หญิงงามคล้ายนึกบางอย่างที่รบกวนจิตใจจนนางหงุดหงิดทุกครั้งขึ้นมาได้ ใบหน้าเล็กๆที่เคยยิ้มกว้างพร้อมเสียงเจื้อยแจ้วที่น่ารำคาญนั้น อย่างไรเสีย ก็ดีกว่ามอมแมมไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตาแบบนี้ มันทำให้นางรู้สึกปวดหัวใจ “ไอ้โรคเจ้าน้ำตาของเจ้า ก็เลิกซะด้วย ขัดหูขัดตาข้านัก!”

“ข้าทราบแล้ว งั้นเดี๋ยวข้าจะลองอีกครั้ง!” ปิศาจน้อยยิ้มกว้างตาเป็นประกายที่ที่ยังมีหยาดน้ำคลออยู่ที่หน่วยตาทั้งสอง ความกระตือรือร้นที่แสดงออกมาราวกับความผิดพลาดเมื่อครู่และแผลที่สร้างความเจ็บปวดให้แทบพูดไม่ออกนักไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ร่างเล็กหลับตาหมุนมือสองข้างคล้ายวาอักษรตัวใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง พลันร่างของเด็กหญิงมนุษย์ก็ค่อยๆสลายลงกลายเป็นควันระเหยขึ้นในอากาศ สายลมพัดวูบหนึ่งผ่านไป เหลือไว้เพียงร่างของกระจิบน้อยสีน้ำตาลตัวเล็กแววตาเป็นประกายราวกับดวงดารา ขยับปีกคู่เล็กเร็วสายลม บินขึ้นสู่ยอดไม้สนต้นใหญ่ที่ตั้งตระหง่านกลางป่ามายาแห่งนี้มานับหลายร้อยปี ผ่านแสงและเงาของเหล่ากิ่งก้านสาขาน้อยใหญ่สูงขึ้น...และสูงขึ้น

“เจ้าว่าคราวนี้จะรอไหม?”

เสียงกระซิบแหบแห้งของปิศาจกิ้งก่าที่แปลงกายกลมกลืนกับสีน้ำตาลของเปลือกไม้สนต้นเดียวกับที่เด็กน้อยเพิ่งบินขึ้นไปเมื่อครู่กล่าวอย่างนึกสงสัย ปิศาจปราณอ่อนแอเช่นนี้หากไม่มีจิ้งจอกพันปีฌานแก่กล่าอย่างซ่านอิงออกโรงปกป้องไว้ คงได้กลายเป็นอาหารว่างให้เหล่าปิศาจชั้นต่ำอย่างพวกมันไปแล้ว แม้จะไม่ทำให้อิ่มท้องเท่าไหร่นัก แต่ปราณบริสุทธิ์เช่นนี้ก็นับว่าหาได้ยากยิ่ง

เป็นเรื่องแปลกที่นการปรากฏตัวของนางนกน้อยนี้แทบไม่มีผู้ใดล่วงรู้มาก่อน จนกระทั่งวันที่นางออกมายืนข้างอาจารย์สาวกับศิษย์พี่ใหญ่อย่างองค์ชายค้างคาว เบื้องหลักมีอำนาจแห่งภูผาตระหง่านค้ำชูไว้ถึงสองคนแบบนี้ต่อให้เอามาจ่อถึงปากก็ยากที่จะเคี้ยวแล้วกลืนลงคอ ความคิดอยากลิ้มลองรสชาตินกน้อยเป็นอันอันตรธานหายไป เหลือไว้เพียงความสงสัย ปนสมเพชในความไร้สามารถ เสียชื่อเผ่าปีศาจเสียจริง

น่าอายนัก!

จนไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่าเผ่าพันธุ์ปิศาจอันเลื่องชื่อในความโหดเหี้ยมแห่งป่าร้อยมายา จะมีปิศาจไร้น้ำยาเช่นนี้รวมอยู่ด้วย การฝึกวิชาของเหล่าศิษย์อาจารย์จึงกลายเป็นที่โจษจันของปิศาจทั้งป่าถึงมานานร่วมหลายเดือนแล้ว

“ไม่แน่ ดูท่าทางคราวนี้เสี่ยวหวงจะเอาจริง หวังว่าคราวนี้นางจะไม่บาดเจ็บมากกว่าเดิม”

เสียงหวานใสตอบจากคางคกตัวใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างดังขึ้นพอให้ได้ยิน ก่อนจะพองตัวขึ้นสุดจนตัวกลมเกลี้ยงแล้วเกิดรอยปริแตกตามผิวหนังแล้วเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นทั่วบริเวณพร้อมกับกลุ่มควันสีเขียวคล้ำคลุ้งไปทั่วใต้ต้นสนต้นเดิม

จากนั้นจึงมีหญิงสาววัยแรกรุ่นใบหน้างดงามแช่มช้อยนัยน์ตาสีเขียวเรืองรองเป็นประกายราวเม็ดมรกตนางหนึ่งก้าวเดินออกมาจากลุ่มควัน

ใบหน้างามนั้นเงยขึ้นมองตามร่างนกน้อยขมวดคิ้วมุ่น กอดอกเดินวนช้าๆ อย่างใช้ความคิด

เป็นอันรู้กันทั่วทั้งป่า หมอปิศาจที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดก็คือตระกูลคางคกของนางที่สามารถปรุงยารักษาได้ทุกอาการ

ยารักษาบาดแผลที่เคยใช้อยู่เป็นประจำของปิศาจนกกระจิบนั้นน่าจะมีเหลือไม่มาก จากการบาดเจ็บครั้งล่าสุดก็ใช้ยาเป็นจำนวนมาก...มากกว่าของปิศาจทุกตนรวมกันในรอบปีเสียด้วยซ้ำไป

เฮ้อ!

คิดได้เช่นนั้นทายาทปีศาจคางคกก็ทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างท้อใจ

***********************************************************************************************

สวัสดีค่ะ...มาอีกแล้วกับเรื่องใหม่ นามปากกาใหม่ ในกลิ่นอายบรรยากาศแบบจีนโบราณอิๆ

เป็นอะไรที่กำลังอินอ่ะเนอะ โดยส่วนตัวก็ชอบมากๆ เลยขอสักหน่อย

( หน่อยที่ว่าคือ...ปราณปักษา...บุปผาเร้นเงา...อริเจ้าหัวใจ ) เป็นแบบพระนางคู่ไม่ธรรมดานะคะ ปีศาจ เทพ มนุษย์ รอลุ้นกันว่าเรื่องไหน ใครคู่ใคร..อิๆ

ปราณปักษา...ขอสารภาพว่า เรื่องนี้ คนเขียนเจอปกก่อนแล้วชอบ เลยซื้อมา ตั้งชื่อเรื่อง แล้วค่อยทำพล็อต...เฮ้ย!อย่างงี้ก็ได้เหรอ...นั่นน่ะสิ...แต่ก็ทำไปแล้ว อีก 2 เรื่องพร้อมปกก็ตามมา..555

อิบร้า!!!...แกจะซื้อปกมาดองไม่ได้ >.<

แกต้องเขียนด้วย...อืมๆ...ได้ๆ555

เรื่องนี้ก็ครบรสเหมือนเดิมนะคะ โรแมนติค แฟนตาซี มีดราม่าเล็กน้อย...ใครชอบก็ฝากกดติดตาม ฝากเม้นให้กำลังใจกันได้นะคะ

วางแผนว่าจะอัพ จันทร์ พุธ ศุกร์ เวลาประมาณ 18.30 -19.30 น. เหมือนเช่นเคยค่ะ

เนื้อหาคงลงให้อ่านฟรี 60 -70 % นะคะ แต่เรื่องนี้ปั่นสดมาก ถ้าช่วงไหนลงไม่ทัน จะแจ้งให้ทราบนะคะ

ขอบคุณทุกการต้อนรับนะคะ หวังว่าคงจะอ่านแล้วสนุกไปด้วยกันจ้า

^ ^

Leejia...the. writer...

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว