“ปล่อยกู กูไม่ไป ปล่อยกู!”
เสียงกรีดร้องโวยวายดังจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกฉุดกระชากออกจากกลุ่มผู้หญิงที่กำลังทำงานอยู่ริมน้ำ
“อีนวล”
มีผู้หญิงอายุมากกว่าจะตามเข้ามาช่วยก็ถูกยันกลับด้วยเท้าจนล้ม แล้วชี้ดาบใส่พร้อมคำพูดด้วยภาษาที่ตนฟังไม่เข้าใจ ทว่าสีหน้าคนพูดกับหน้าตาบ่งบอกว่าเอาตายแน่
“โธ่ อีนวลเอ๊ย”
หญิงอายุมากกว่าส่ายหน้าอย่างสงสาร ขณะมองตามคนที่กรีดร้องด่ากราดและสะบัดตัวไม่หยุด ส่วนคนอื่นก็เข้ามาช่วยพยุงคนล้มให้ลุกขึ้นแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยหญิงสาวอีก
“ปล่อยกูนะ ไอ้พวกเลว!”
เจ้าตัวถูกลากถูลู่ถูกังไปเข้าไปใกล้พงหญ้าแล้วผลักลง หนึ่งในนั้นรีบถอดผ้าที่ผูกเอว ส่วนอีกคนที่เพิ่งผลักหญิงสาวชี้ดาบกันไว้ไม่ให้ขยับ แล้วก็ถูกคนที่ถอดผ้าออกสั่งให้ออกไปรอห่างๆ
“อย่าเข้ามานะ ไอ้ชั่ว”
ผู้ที่กำลังถูกคุกคามยกเท้ายันเข้าใส่ผู้ชายตัวโตกว่าพร้อมตวาดอย่างเกรี้ยวกราด คนถูกถีบจึงโมโหแล้วตบฉาดเข้าใส่จนหน้าหันพร้อมพ่นคำด่าออกมา ทว่าที่คาดไม่ถึงคือหญิงสาวหันกลับมาพร้อมพุ่งหมัดเข้าใส่ สีหน้าเจ้าตัวทมึงทึง แววตาแข็งกร้าว
“เอาสิวะ ตายเป็นตาย กูไม่กลัวมึงหรอก”
หญิงสาวตะโกนทั้งถีบทั้งยันเข้าใส่ไม่หยุด เมื่ออีกฝ่ายเสียหลักล้มก็รีบคว้าหาไม้มาทุบตีฟาดจนมันหัวแตกจึงโวยวายด่าทอพลางตะโกนเรียกสหายที่ดูต้นทาง ผู้ถูกเรียกเข้ามาต้องการช่วยพวกเดียวกันจึงฟันเข้าที่กลางหลังหญิงสาว
“อึก!”
ผู้ถูกฟันชะงักทรุดลงด้วยความเจ็บ แผ่นหลังรวดร้าวอย่างแสนสาหัส
ชายผู้ถูกทำร้ายรีบลุกขึ้น สองสหายโต้เถียงกันไปมา
สุดท้ายร่างของคนที่กำลังหายใจรวยริน สายตาพร่าเลือนด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุดในชีวิตก็ถูกลากไปทิ้งลงน้ำ เพราะบาดเจ็บหนักด้วยบาดแผลที่ถูกฟันด้านหลัง เมื่อถูกทิ้งหน้าคว่ำลงน้ำหญิงสาวช่วยเหลือตนเองไม่ได้จึงสำลักน้ำเข้าไปจนเต็มปอด ทว่าในความคิดเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น
‘อีนวลยอมตาย ขอสาปส่งให้ไอ้พวกเลวชาติที่มันทำกับกู พ่อแม่พี่น้องกู บ้านเมืองกู ให้มันฉิบหายวายวอด’
นวลไม่เสียดายชีวิต เกิดมาชาตินี้ได้จับดาบต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับครอบครัว สู้เพื่อชาติ เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นคนกรุงศรีอยุธยาแล้ว วันนี้แม้ต้องตายอย่างน้อยหญิงสาวก็รอดพ้นจากการถูกเหยียบย่ำจากศัตรู ไม่ต้องมีชีวิตอดสูในดินแดนของศัตรูอยู่อย่างก้มหน้าไปชั่วชีวิต
สำนึกสุดท้ายคือน้ำอัดเข้ามาจนเต็มปอดทำให้ไม่อาจหายใจได้อีกต่อไป ร่างบอบบางดิ่งลงน้ำเรื่อยๆ หากก็ราวมีบางอย่างฉุดกระชากอย่างแรงเข้าไปในหลุมดาขนาดมหึมาน่ากลัวจนนวลสะดุ้งลืมตา ทว่าสิ่งที่ปรากฏในคลองสายตานั้นเหมือนจะเป็นสิ่งที่จับต้องได้ หาใช่ภาพมายาในบนสวรรค์หรือนรกไม่ นั่นทำให้หญิงสาวเปิดตากว้างขึ้นเต็มตาทันที
ภายในห้องทำด้วยไม้ ทว่าไม่เหมือนที่ตนเคยอยู่ แต่แล้วก็มีเสียงประตูเปิดรวมทั้งคนก้าวเข้ามาพร้อมพูดด้วยภาษาที่ตนฟังไม่เข้าใจ
‘นี่ฉันยังไม่ตายหรือ? ศัตรูช่วยฉันไว้อย่างนั้นหรือ?’
หากภาษานี้ไม่ใช่ภาษาที่ตนเคยได้ยินพวกพม่าพูดก่อนหน้านี้ แล้วไยตนยังมีชีวิตอยู่ทั้งที่ก่อนหน้านี้จมลงก้นบึ้งแม่น้ำไปแล้ว
“การได้เห็นบุตรสาวตัวเองต้องเจ็บจากการสู้รบเพื่อแคว้น แต่ข้าที่เป็นเจ้าแคว้นกลับอยู่เพียงในวัง ทำให้ปวดใจยิ่งนัก นับแต่หนิงฮวาบาดเจ็บ กำลังใจทหารในกองทัพก็เสื่อมถอยลง ข้าอยากออกไปต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคน ไม่อยากมุดหัวอยู่เพียงในวังอีกแล้ว”
“ท่านอ๋อง การที่ท่านอยู่ในวังก็เป็นมิ่งขวัญให้กับประชาชนและทุกคนในแคว้นจงเช่นกัน หากท่านออกไปรบเสี่ยงอันตราย ข้าเกรงว่าชาวแคว้นจงของเราจะยิ่งหวาดกลัวเสียมากกว่านะเพคะ”
น้ำเสียงของคนสองคนที่พูดใกล้ๆ เตียงนั้นไม่ดีเอาเสียเลย หรือพวกเขาเป็นห่วงตน นวลไม่อาจจับใจความได้
“เจ้าคิดเช่นนี้ไม่ถูกนัก ผู้นำแคว้นควรออกรบ นำพาความฮึกเหิมมาสู่ทหาร และปลุกความเชื่อมั่นให้กับชาวเมืองสิถึงจะถูก การส่งบุตรสาวตนออกไปรบแทนจนบาดเจ็บเช่นนี้ ข้าละอายใจและเสียใจที่สุด”
“ข้าเองก็เสียใจ ใจหายและเป็นห่วงลูกมาก แต่ท่านคือเจ้าแคว้น ข้าไม่อาจสนับสนุนให้ท่านไปเสี่ยงอันตรายได้”
“เจ้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นชายาข้า เจ้าต้องกล้าหาญ เตรียมตัวเตรียมใจและพร้อมเสียสละเพื่อแคว้นจงสิ”
น้ำเสียงฝ่ายชายขุ่นขึ้น แล้วขณะนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากด้านนอก
“มีรายงาน”
ครู่หนึ่งก็มีเสียงเปิดประตูและพูดขึ้น นวลยังพยายามฟังทั้งที่เป็นภาษาที่ตนไม่เข้าใจ
“เรียนท่านอ๋อง ท่านแม่ทัพบาดใหญ่เจ็บสาหัส เวลานี้ทัพแคว้นจงของเราถอยร่นกลับมาห่างจากเขตกำแพงไม่เกินห้าลี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ตายจริง!”
เสียงของผู้หญิงอุทานราวตกใจมาก
“ตามหมอแล้วใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เตรียมม้า ข้าจะออกไปดูแม่ทัพอู๋ พร้อมกับบัญชาการทัพด้วยตัวเอง”
“ท่านอ๋อง...”
“เจ้าดูแลหนิงฮวากับหนิงอัน แผลของหนิงฮวาสมานดีแล้ว ไม่กี่วันนางก็คงจะค่อยๆ ดีขึ้น คงพอช่วยเจ้าดูแลน้องชายได้หากเกิดสิ่งใดขึ้น”
“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้ ท่านอ๋องต้องนำพาทัพแคว้นจงชนะศึกกลับมาสิเพคะ”
เสียงเดินพร้อมพูดค่อยๆ ห่างออกไป นวลจึงแอบหรี่ตามองทันเห็นคนสองคนที่ออกไปขณะประตูกำลังปิดลง หญิงสาวพยายามครุ่นคิดกับสถานการณ์แปลกประหลาดของตน
จากตายไปแล้ว กลับฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้
หากจะบอกว่าที่นี่คือแผ่นดินศัตรู แต่ไยคนพวกนี้ใส่ชุดต่างจากพม่ารามัญยิ่งนัก รุ่มร่ามกรุยกรายเสียเหลือเกิน บุรุษก็ผมยาวแปลกตา
‘อย่างไรก็ตาม หากพวกมันคิดแตะต้องฉัน นังนวลคนนี้ขอสู้ตาย’
แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา นวลเคยได้ยินภาษาไม่คุ้นหูคล้ายๆ กันนี้จากผู้ช่ายคนหนึ่งซึ่งพี่ชายคนโตของตนไปเป็นคนงานให้ บิดาของนวลเคยพาไปเยี่ยมเยียนพี่ชายในเขตกำแพงเมืองครั้งหนึ่ง พ่อบอกว่าเขาเป็นพ่อค้าชาวจีน
จีนหรือ? ว่าหรือตนไหลมาตามน้ำจนมาโผล่ยังดินแดนจีน พวกเขาจึงช่วยเอาไว้
ว่าแต่แคว้นจีนไกลจากกรุงศรีอยุธยามากหรือเปล่า พวกเขาเป็นศัตรูเหมือนพม่าหรือเปล่า นวลจะขอให้เขาส่งตนเองกลับไปบ้านเกิดได้หรือไม่
=====
เปิดเรื่องแล้วค่า นวลของเรามาโผล่ที่จีนแล้ว เจ้าตัวมโนอย่างงงๆ ไปเรื่อย แต่จะคุยกับคนที่นี่รู้เรื่องได้ยังไงล่ะเนี่ย ^^"
เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ
https://twitter.com/rasitawriter
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว