บ่วงรักทาสเสน่หา (จบ)-ตอนที่ 6 ปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ (4)

โดย  ไหมขวัญ

บ่วงรักทาสเสน่หา (จบ)

ตอนที่ 6 ปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ (4)

ทันใดนั้นนางเจียงก็หยุดรั้งตะเกียบไว้ ราวกับว่านางมีความขมขื่นอยู่เต็มท้องจนต้องพูดเอ่ยออกมา

“ข้าไม่ได้ขโมยเงินของแม่สามีจริงๆ นะ” โจวเถาเถาพยักหน้ารับ นางรู้สึกว่านางเจียงไม่ได้เป็นคนแบบนั้น

“ได้เวลาที่ข้าควรจะต้องกลับไปแล้วไม่เช่นนั้นแม่สามีข้าจะดุข้าได้อีก" นางเจียงพูดพลางลุกขึ้นยืน เมื่อโจวเถาเถามองแผ่นหลังอันบอบบางของนางเจียงแล้วนางได้แต่ถอนหายใจ ถ้านางเจียงยังคงอดทนเงียบอยู่อย่างนี้คงมีสักวันที่นางจะโดนแม่สามีทรมานทุบตีจนตาย

“ท่านแม่”

เสี่ยวหงเอ๋อเงยหน้ามองมารดา เรื่องราวของนางเจียงวันนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมา

หมู่บ้านกัวเทียนในยามค่ำเงียบสงบมาก โจวเถาเถากล่อมลูกชายนอน นางตบเบาๆ ที่หลังเขาพลางคิดไปว่านางจะให้ความรักมากขึ้นๆ กับลูกชายอย่างไรดี? ...

ฝนที่ตกในฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศเริ่มเย็นลงมากขึ้น เมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงอากาศก็เริ่มหนาวแล้ว

โจวเถาเถาเตรียมข้าวของในเทศกาลไหว้พระจันทร์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารที่นางจำได้จากชาติที่แล้ว นางคิดจะทำขนมไหว้พระจันทร์ ในขณะที่เสี่ยวหงเอ๋อยืนดูอย่างสงสัย โจวเถาเถาคนแป้งในหม้อให้จับกันเป็นก้อน กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วทำให้คนอดอยากกินไม่ได้

“ท่านแม่ทำอะไร?”

“ขนมไหว้พระจันทร์” เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหงเอ๋อได้ยิน ตาเขาโตขึ้นมาทันที “ขนมไหว้พระจันทร์ต้องอร่อยมากแน่ๆ”

“เสร็จแล้วแม่จะให้เจ้ากินจนพุงกางไปเลย”

โจวเถาเถาพูดพลางยิ้ม นางผสมใส่ของเหลว ไข่ และแป้งลงไป ทำให้นึ่งในหม้อได้โดยตรง ช่วยให้ประหยัดเวลาและปัญหาที่จะตามมา หลังจากทำขนมไหว้พระจันทร์ชุดแรกเสร็จแล้วนางก็เอามาวางที่โต๊ะ ใส่จานให้ลูกชายได้ชิมหนึ่งชิ้น

“ท่านแม่ หอมมากเลย” เด็กน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย เช้าวันต่อมานางทำเพิ่มอีกสองถาด กลิ่นหอมของขนมลอยออกไปจากลานบ้าน จนคนผ่านไปมาได้กลิ่นมาแต่ไกล

“แม่ม่ายหวังทำอะไรในลานบ้านนะ ผ่านบ้านนางทีไรก็ได้กลิ่นลอยออกมาทุกที”

“นางปิดประตูแน่นหนาออกอย่างนั้น ใครจะรู้ว่านางทำอะไร?”

กลิ่นขนมลอยละล่องไปไกลจนทำให้มีผู้คนอดไม่ได้ที่จะมาเกาะประตูรอ พอโจวเถาเถาเปิดประตูออกไปจึงพบกับนางหวาง ที่ชอบคุยและฉวยโอกาสไปทั่วยืนรออยู่ นางหวางชะเง้อมองเข้าไปในลานบ้าน ที่หอมไปด้วยกลิ่นของขนม

“เสี่ยวเต๋อ เจ้าทำอะไรหรือ? กลิ่นหอมมากเลย” โจวเถาเถามองนางหวางเขม็งนางยืนขวางประตูเอาไว้ซึ่งเป็นที่รู้กันว่านางไม่ยินดีให้ใครเข้าไป “หวางป๋อ ข้าขอโทษจริงๆ ตอนนี้ข้าไม่ว่างที่จะพูดจาเล่นกับใคร ถ้าวันหลังเจ้าค่อยมาหาข้าใหม่เถอะนะ” โจวเถาเถาปฏิเสธนางอย่างตรงไปตรงมา เดิมทีนางคิดจะให้ขนมไหว้พระจันทร์นางสักสองชิ้น หากคิดขึ้นมาได้ว่าอีกไม่นานอาจจะมีคนมาขอขนมนางเพิ่มขึ้นอีก

นางจึงทำเฉยเสีย ด้วยเหตุนี้ นางหวางจึงได้แต่ก้มหน้าลงกล่าวว่า “โธ่!! เจ้าคิดว่าข้าจะเข้าไปขโมยของเจ้าหรือ?”

โจวเถาเถาพูดอย่างอดกลั้นว่า “ดูเจ้าพูดสิ บ้านข้าเล็กถึงเพียงนี้จะมีอะไรให้ท่านขโมยหรือ?” เมื่อเห็นว่าโจสเถาเถาไม่ยอมเปิดประตูแน่ๆ แล้วนางจึงได้แต่เดินหน้าเศร้ากลับบ้านไป

โจวเถาเถานำถั่วแดง ถั่วเหลืองและถั่วลิสงที่แช่น้ำเอาไว้คืนก่อนออกมาและเริ่มทำโจ๊กกลางฤดูใบไม้ร่วง หลังจากที่ข้าวขาวและลูกเดือยถูกต้มแล้วก็นำถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสงและเหอเถาใส่ลงไป หลังจากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายแดงเพียงเท่านี้ก็จะได้โจ๊กกลางฤดูใบไม้ร่วงแล้ว

หัวใจของโจวเถาเถาก็ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสุข ทำให้นางรู้สึกเต็มอิ่มกับคำว่าบ้านอย่างแท้จริง หลังจากทำขนมไหว้พระจันทร์และโจ๊กกลางฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หญิงสาวก็เตรียมทำเนื้อกระต่ายย่างเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง นางไปที่ถังเก็บน้ำในบ้านเพื่อตักน้ำใส่อ่างเตรียมล้างหัวหอม ขิงและกระเทียม นางหยิบเนื้อกระต่ายขึ้นมาดู เนื้อแน่นมาก กระต่ายชนิดนี้อยู่บนภูเขาเนื้อทั้งแน่นทั้งอร่อย ถ้าสุกแล้วรับรองได้ว่ารสชาติดีแน่ๆ

โจวเถาเถาหั่นเนื้อกระต่ายเป็นชิ้นๆ ก่อน หลังจากนั้นจึงแช่และล้างน้ำเพื่อกรองเอาเลือดออก นางได้แต่ถอนหายใจเมื่อคิดถึงหม้ออัดแรงดัน นางสามารถโยนเนื้อกระต่ายใส่หม้ออัดแรงดันได้เลย หลังจากน้ำมันในกะทะร้อนแล้วนางจึงเทพริก หัวหอม ขิงและกระเทียมที่เตรียมเอาไว้ ใส่ลงไปหลังจากผัดให้หอมดีแล้ว นางจึงเอาส่วนผสมทั้งหมดออก ไม่เช่นนั้นจะไหม้ได้ หลังจากนั้นจึงใส่เนื้อกระต่ายที่หมักไว้ดีแล้ว ลงในหม้อทอดเนื้อกระต่ายจนเปลี่ยนสี แล้วจึงเติมน้ำลงในหม้อ ปิดฝาแล้วเคี่ยวไป ฟืนในเตาของโจวเถาเถาลุกไหม้อย่างแรง ในไม่ช้าก็มีเสียงเดือดปุดๆ ในหม้อ กลิ่นของเนื้อกระต่ายตุ๋นก็ลอยอบอวลไปจนทั่ว

เสี่ยวหงเอ๋อนั่งอยู่บนธรณีประตูครัวจ้องเขม็งไปที่หม้อตุ๋นกระต่ายอย่างไม่ละสายตา

“เจ้าได้กลิ่นแล้วอยากกินละสิ” โจวเถาเถาหัวเราะ เด็กน้อยพยักหน้าอย่างจริงจัง หัวเราะคิกคัก “กินเนื้อ”

เขาทั้งปรบมือและกระโดดโลดเต้นเมื่อได้กลิ่นเนื้อกระต่าย

โจวเถาเถาอยู่ที่หมู่บ้านกัวเทียนนี้มาเดือนหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว นางคิดว่าได้เวลาที่จะไปเยี่ยมครอบครัวเดิมของหวังเสี่ยวเตี๋ยในความทรงจำของนางแล้ว ถึงพวกเขาจะมีช่วงเวลาที่เลวร้ายมาอย่างไรก็ตาม หากเมื่อนางได้ครอบครองร่างเดิมนี้แล้วก็ถือว่าต้องมีภาระผูกพัน

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อไก่ของเพื่อนบ้านเริ่มขันแล้ว โจวเถาเถาอาบน้ำอุ่นในมิติลี้ลับของนาง หลังจากที่เสี่ยวหงเอ๋อตื่นนางจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่นางเพิ่งทำให้เขา ใส่อาหารอร่อยๆ หลายอย่างที่นางทำลงในตะกร้า ซึ่งได้คิดเอาไว้แล้วว่าเหมาะสมกับผู้สูงอายุ หลังจากแต่งตัวรัดผมเป็นหางม้าด้วยเชือกผ้าอย่างง่ายๆ แล้ว โจวเถาเถาก็ถือตะกร้าพร้อมอุ้มลูกชายเดินไปบ้านเดิมของนาง

ระหว่างทางกลิ่นของควันไฟจากการทำอาหารได้ลอยขึ้นมาจากหลังคาบ้านเรือนแทบทุกหลัง ผสมผสานกับกลิ่นของอาหารบ้างเป็นครั้งคราว เสียงไอโขลกๆ จากท่านพ่อของนางดังมาจากในบ้านจนนางถึงกับส่ายหัว ยาพวกนี้ช่างซื้อมาเสียเปล่าจริงๆ บิดาของนางอาการไม่ดีขึ้นเลย โจวเถาเถาผู้สืบร่างและความทรงจำของหวังเสี่ยวเตี๋ยอดไม่ได้ที่จะถือว่าชายสูงอายุวัยกลางคนผู้นี้เป็นบิดาของนาง เช่นนั้นแล้วนางจึงต้องคิดที่หาวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้

นางหลิวมารดาของหวังเสี่ยวเตี๋ยนั้นอายุแค่สามสิบต้นๆ หากแต่มีรูปร่างผอมบางยิ่งนัก แม้แต่ผมที่เกล้าไว้ตรงขมับยังเป็นสีขาวอยู่ประปราย หลังนางโค้งเนื่องจากทำงานหนักในทุ่งนา เมื่อเห็นโจวเถาเถาที่ประตูลานบ้านนางยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วจึงรีบกรากเข้ามาอุ้มเด็กน้อยในวงแขนของโจวเถาเถาไป






รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว