“อะไรของมึง กูก็ไม่ได้ชอบเด็กนั่นไหมล่ะ”
ไมยราพปรายสายตามองหน้าเพื่อนสนิทนิ่งๆ มือก็ตักข้าวเข้าปากไม่หือไม่อือกับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่ทำเป็นขึงขังใส่ตน ซ้ำยังนึกเยาะอยู่ในใจ
หมดสภาพปานนั้นยังทำเป็นอวดดี
ซึ่งคนอื่นๆ ก็เห็นตรงกันว่าไตรทศแลดูจะวอแวน้องปาทูมาก แต่ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ยืนกรานเช่นนั้นจะแกล้งๆ เชื่อให้ก็ได้
ประมาณสิบนาทีให้หลังชื่นพธูก็เดินกลับมา หนุ่มๆ ยังคงเชียร์บอลอย่างสนุกสนาน พอของคาวหมดก็ได้เวลาของหวาน เจ้าหล่อนตักทับทิมกรอบรสเลิศเข้าปากจนหมด
เรียกได้ว่ามื้อนี้ทำเธอเจริญอาหารได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ไตรทศที่เห็นว่าคนตัวเล็กกินได้เยอะก็ระบายยิ้มให้ ก่อนเอ่ยเสียงนุ่มหู “หนูชื่นอิ่มไหม”
“อิ่มค่ะ อิ่มจนง่วงเลย”
“งั้นเดี๋ยวกลับบ้านเรากัน พรุ่งนี้ชาเฮาส์ปิดพอดีนิ จะนอนตื่นสายก็ได้นะ”
บ้านเรา...
มือบางถูกยกขึ้นมาลูบท้ายทอยแก้เก้อ ความรู้สึกบางชื่อเริ่มจะเล่นงานหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง มันสั่นไหวอย่างน่าประหลาด พร้อมกันนั้นก็รู้สึกเห่อร้อนทั่วใบหน้าจนต้องหลบสายตาคมกล้าของคนตัวใหญ่
เพราะเพิ่งอกหักมาหรือไรถึงได้อ่อนแอจนหวั่นไหวกับคนอื่นง่ายดายเพียงนี้
ก็ถ้าตอนเช้าเพิ่งเสียใจเพราะอกหักจากชยิน พอเย็นย่ำค่ำมืดดันระริกระรี้ไปกับชายคนอื่น มันจะเหมือนว่าเธอทรยศความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ผู้เป็นนายไปหรือเปล่า สำคัญเลยคือคนอย่างไตรทศไม่ใช่คนที่เธอจะหลวมตัวไปตามเกมเขาได้ ครั้งเดียวก็เกินพอ
เขาหันไปหาคนอื่นๆ ในกลุ่ม “อิ่มกันยัง ถ้าอิ่มก็กลับเถอะ น้องง่วงแล้ว”
ด้วยประการฉะนั้นทั้งแปดจึงพากันกลับที่พักหลังจากทานอาหารที่ ‘ป๋า’ เป็นเจ้ามือจนอิ่มท้องกันถ้วนหน้า
ระหว่างนั่งอยู่ในรถชื่นพธูก็ปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตา หล่อนอยากนอนจริงๆ ด้วยหนังท้องมันตึงสุดขีด ทำเอาหนังตาหย่อนจนอยากเฝ้าพระอินทร์เสียเดียวนี้
เสียงทุ้มเจือความละมุนดังกระทบโสตประสาท “ง่วงก็นอนนะ เดี๋ยวถึงแล้วพี่จะปลุก”
ชื่นพธูไม่ตอบอะไรกลับไป แค่หลับตาอยู่อย่างนั้นราวกับว่าที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย และเขาก็สามารถไว้ใจได้
“หลับจริงเฉยเลย” ไตรทศพูดหลังรับรู้ถึงความสม่ำเสมอของลมหายใจ เขาหัวเราะน้อยๆ “อย่างกับเด็ก”
สองหนุ่มที่นั่งเบาะหน้าเตรียมตัวจะลงจากรถเมื่อมาถึงที่หมาย ทั้งคู่เหลียวไปมองด้านหลัง
หนุ่มแว่นว่า “เด็กใครคนนั้นก็รับผิดชอบเองแล้วกัน”
“กูได้เอ่ยปากขอร้องมึงหรือยังไอ้เมือง เดี๋ยวนี้ปากไม่มีหูรูดหรือยังไง พูดแต่ละอย่าง”
คนโดนค่อนขอดไหวไหล่เล็กน้อยแล้วลงจากรถ ทิ้งให้เพื่อนสนิทเป็นคนปลุกคนขี้เซา
เขาสะกิดต้นแขนเรียบเนียนอย่างเบามือ “หนูชื่น”
“...”
“หนูชื่นครับ ถึงแล้ว”
สาวเจ้าเริ่มส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างคนไม่สบอารมณ์ที่ถูกรบกวนเวลานอน “อื้อ”
“หนูชื่น ตื่นเร็ว ค่อยไปนอนต่อที่ห้อง”
เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของไตรทศคือสิ่งแรกที่ปรากฏในครรลองสายตา ลมหายใจอุ่นร้อนรดรินราวว่าเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ริมฝีปากหยักตีเป็นเส้นโค้งอย่างอ่อนโยน ก่อนกายหนาจะผละออกไปเพื่อเว้นระยะห่าง
“อิ่มแล้วหลับเลยน่ะรึ หนูนี่นะ”
ชื่นพธูจ้องมองชายหนุ่มนิ่งๆ ตาหวานปรือชนิดที่ว่าหนังตาพร้อมปิดอีกครั้ง
สาวเจ้าว่าเสียงยานคาง “หนูง่วง”
“พี่เชื่อครับ” เขาว่ายิ้มๆ “งั้นไปกันเถอะ”
ดวงหน้านวลพยักถี่แล้วลงไปด้านล่าง ถึงได้พบกับไมยราพและสดายุที่ยืนรออยู่ข้างรถ ทั้งสี่พากันตรงไปยังลิฟต์เพื่อให้เจ้ากล่องสี่เหลี่ยมส่งพวกตนทะยานไปสู่ชั้นสี่สิบ
คนตัวเล็กยืนโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ นัยน์ตาคมหลุบต่ำทอดสายตามองคนข้างกายอย่างนึกเอ็นดู ก่อนฝ่ามือหนาจะเอื้อมไปดันศีรษะทุยให้ซบไปกับต้นแขนแกร่ง โดยที่หญิงสาวก็หาได้ดื้อรั้น ยอมโอนอ่อนแต่โดยดีพลางหลับตาพริ้มทั้งที่ยืนอยู่
สองหนุ่มที่ต้องมารับบทชาวบ้านหนึ่งและชาวบ้านสองหันมามองหน้ากันโดยไร้คำพูดใดจะเอ่ย แต่กลับเข้าใจตรงกันทุกอย่าง
ครู่หนึ่งลิฟต์ก็พาคนทั้งสี่มาถึงชั้นที่หมาย ต่างก็พากันเดินออกไปด้านนอกโดยที่หญิงสาวคนเดียวยังมีท่าทีงัวเงียไม่หาย ตอนนี้หล่อนหลับตาเห็นแต่เตียงนอน แม้แต่น้ำยังไม่อยากอาบ
ทั้งหมดแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน ชื่นพธูที่เดินตามหลังไตรทศต้อยๆ ก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอน
ทว่าเสียงทุ้มดังขึ้นเพื่อรั้งไว้เสียก่อน “ไปเตรียมเสื้อผ้าแล้วออกมาอาบน้ำด้วยนะ”
หล่อนรับคำ แต่กลับเดินไปทิ้งตัวลงนอนคว่ำอยู่บนเตียงโดยไม่คิดจะทำตามคำพูดแกมสั่งของฝ่ายชาย
เกือบสิบนาทีเห็นจะได้ที่ไร้ความเคลื่อนไหวของผู้ร่วมอาศัย
มือใหญ่ถูกกำแล้วเคาะลงบนประตูห้อง “หนูชื่น”
ไร้เสียงตอบรับจากคนด้านใน
“นอนแล้วรึ”
“...”
“ออกมาอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อน อย่านอนทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำสิ”
ไตรทศรู้สึกราวว่าตัวเองกำลังเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่ไม่ใช่เด็กธรรมดา เป็นเด็กหัวรั้นและขี้เกียจ
เขากล่าวเสียงเข้ม “หนูชื่น ออกมาอาบน้ำ”
เกือบสองนาทีให้หลังบานประตูก็ถูกเปิดออกโดยคนตัวเล็กที่ตากลมโตแทบจะปิดอยู่รอมร่อ
ชายหนุ่มกวาดสายตามองดูผู้ร่วมอาศัยแล้วยกยิ้มด้วยท่าทีครึ้มใจ “ไปอาบน้ำก่อนนะ”
หล่อนว่าเสียงอ่อยคล้ายจะออดอ้อนไปในที “ค่อยอาบพรุ่งนี้ได้ไหมคะ”
เขาฉีกยิ้มให้เธอ “ไม่ได้ครับ”
ไตรทศรักความสะอาด อย่างไรก็ขอให้ได้อาบน้ำไม่อย่างนั้นจะนอนไม่หลับ คืนนั้นที่ได้นอนกับเธอที่ผับ หลังกลับเข้าไปในห้องก็ใช่ว่าจะนอนเลย ยังเข้าไปชำระล้างเนื้อตัวอยู่พักหนึ่ง ไม่เหมือนชื่นพธูที่น่าจะไม่ได้อาบน้ำแต่กลับนอนเลย และน่าจะขี้เซามาก เสียงอาบน้ำของเขามิอาจปลุกให้เธอรู้สึกตัวได้
หญิงสาวหน้างอ “แต่หนูง่วง”
คนตัวสูงสวน “อาบน้ำนอนสบาย” ผู้ชำนาญการลดเสียงลงหลายระดับ “นะครับคนเก่ง ไปอาบน้ำแล้วค่อยมานอน”
หญิงสาวได้แต่กะพริบตาปริบๆ
คนเก่ง...
เป็นสองพยางค์ที่มีอิทธิพลกับจังหวะการเต้นของหัวใจดวงน้อยอย่างน่าประหลาด
บานประตูปิดลงพร้อมร่างระหงที่หมุนตัวกลับไปหยิบสัมภาระเพื่อไปชำระร่างกาย ก่อนหอบผ้าผ่อนออกไปด้านนอกที่ไตรทศยังคงยืนรออยู่หน้าห้องไม่ผละไปไหน
เจ้าตัวส่งยิ้มละมุน ฝ่ามือหนาถูกยื่นมาวางบนศีรษะทุย
“เก่งมากครับ”
แล้วชายหนุ่มก็หมุนตัวเข้าไปในห้องนอนของตนเอง ทิ้งให้คนอกเดาะหมาดๆ ใจสั่นกับความอ่อนโยนอยู่คนเดียว
ถ้าชอบขึ้นมาแล้วล่ะก็...แย่แน่ๆ
♡⃛ ──────── ♡⃛
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว