ตำนานรักวิหคเพลิง-ตอนที่2 เจ้าของโซ่ตรวนทองคำ

โดย  Kob Matbuntho

ตำนานรักวิหคเพลิง

ตอนที่2 เจ้าของโซ่ตรวนทองคำ

การโจมตีของพวกเขาโดนอสูรตัวนั้นทั้งหมด แต่กลับสร้างความเสียหายให้มันไม่ได้แม้แต่น้อย


ในขณะที่ยังอึ้งกับผลลัพธ์ที่โจมตีไม่เข้า


เกราะศิลาบนตัวมันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหนามแหลมพุ่งทะลุร่างกายทั้งสี่คนจนเป็นรูพรุน


คนทั้งสี่ตัวกระตุกปล่อยอาวุธตกลงพื้น


มีหลายคนฉวยโอกาสยิงศรเข้าใส่ช่องว่างของเกราะที่แปลงเป็นหนามเข้าใส่เกล็ดของมันโดยตรง


แต่ศรยังไม่ถึงตัวเกล็ดตามตัวของมันก็ตีกระพือเหมือนปีกนก สร้างแรงลมเป่าจนลูกศรชะลอความเร็วลง จนร่วงลงไปบนพื้นเหมือนหมดพลัง


“บ้าอะไรเนี่ย! เกราะอย่างหนาโจมตียังไงก็ไม่เข้า!”

“เกล็ดก็มีลูกเล่นแปลกๆ อีก!”


กึง!


หนามศิลาคืนร่างกลับเป็นเกราะแข็งรอบตัวมันอีกครั้ง


อสูรตัวนั้นแสยะยิ้มแล้วกวักมือให้เข้ามา


ต่างคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีกล้าเข้าไปใกล้


“ยิงถล่มเข้าไป!”


พวกเขาได้สติจากคำสั่งของใครบางคน แล้วการกระหน่ำยิงก็เกิดขึ้น


สารพัดเวทย์และอาวุธยิง ขว้างก็เข้าถล่มใส่ไม่ยั้ง


อสูรตัวนั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด


“โอ้ววววว! เจ็บจุงเบยยยย! ข้าจะตายปลาบปลื้มวววววว!”


ร้องแบบที่คนตอแหลทำกัน


ไม่มีการโจมตีไหนทำเกราะศิลามันแตกได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยว


ตอนนั้นเองที่เวทย์ระเบิดเพลิงของนักเวทย์ระดับกลาง ระเบิดจนเกราะมันเปิดออก


ทุกคนเฮอย่างมีความหวัง


มีหลายคนฉวยโอกาสทันที พุ่งเข้าไปโจมตีใส่ เพราะคิดว่าลูกธนูของพวกระดับต่ำคงยิงไม่แรงพอจึงโดนลมของมันพัดตกลงมา


แล้วทุกคนก็ตระหนักรู้ว่าโดนมันหลอกเข้าเต็มๆ


ทั้งดาบ ขวาน หอกถูกแรงลมที่เกล็ดสร้าง หยุดไว้ได้ก่อนถึงตัวมัน


ราวกับฟันเข้าไปในกำแพงลมของนักเวทย์ระดับกลาง โจมตีไม่เข้า มีแต่เรี่ยวแรงของพวกเขาที่เสียไปเปล่าๆ จากการยื้อกับลม


แล้วเกราะก็เปลี่ยนเป็นหนามแหลมแทงทะลุร่างทุกคนรอบตัว


แม้แต่คนที่เอาโล่ไปเพื่อใช้กันหนามศิลาโดยเฉพาะก็ยังไม่รอด หนามของมันเล่นเลี้ยวโค้งอ้อมโล่มาแทงเขาจนพรุน


อสูรตัวนั้นหัวเราะคิดคักอย่างชอบใจ ก่อนเก็บหนามกลับเข้ามาเป็นเกราะศิลาอีกครั้ง


“เดี๋ยวข้าจะแสดงความแข็งแกร่งให้ดู”


พูดจบเกราะศิลาก็ร่วงกราวลงไปบนพื้นราวกับโดนเวทย์ละลายเกราะของนักเวทย์ชั้นสูง


ทุกคนที่กำลังดีใจนึกว่ามีนักเวทย์ระดับสูงมาช่วยก็เริ่มยิ้มไม่ออก


เมื่อเกล็ดทั้งตัวเริ่มกระพืออย่างรวดเร็ว สายลมเริ่มพัดเอาก้อนหินกับอาวุธรอบตัวลอยขึ้นจากพื้น


และในทันทีที่มันสะบัดมือออกไป ทั้งก้อนหินกับอาวุธก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา


ก้อนหินกับอาวุธทิ่มแทงเข้าไปในร่างก่อนจะชอนไชไปมาราวกับมีชีวิต ก่อนจะทะลวงร่างออกมาโจมตีคนถัดไปที่อยู่ใกล้


“มันควบคุมลมได้ด้วย!”

“บ้าไปแล้ว!”

“แบบนี้ใครจะสู้ได้วะ!”

“ขอฮีลเลอร์ตรงนี้ด่วนนน!”

“ตาม [แรงค์ B] มาช่วยที! เยอะๆเลย!”

“อ้ากกกกกก! ช่วยข้าด้วยยย! อ๊อก!”

“ไม่ไหว! ยังไงก็ไม่ไหว!”

“ยิง! ยิงเข้าไป!”

“หยุดยิงซะ! มันยึดอาวุธของพวกแกได้!”


*****


อสูรปลาเกล็ดวายุเกราะศิลา


อาหารล้มตายลงติดกันเป็นลูกโซ่


ร่างใหม่สุดยอด พลังใหม่ก็ช่างสุดยอด


ร่างกายเบาโหวงทั้งที่มีเกราะหนักปกป้องตลอดเวลา


เกราะศิลาที่คลุมตัวข้าแข็งยิ่งกว่าทุกเกล็ดที่ข้าเคยมี


ภายใต้เกราะศิลาก็ยังมีเกล็ดสร้างเวทย์ลมอีกชั้น


เท่านี้ก็ไม่มีใครหน้าไหนทำร้ายข้าได้อีก แม้แต่หินติดไฟลูกยักษ์นั่น


การวิวัฒนาการครั้งนี้ช่างสุดยอด


ข้าแข็งแกร่งแล้ว แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครหน้าไหน


ข้าไม่กลัวเจ้าแล้ว เจ้าอาหารชั้นสูง ฮ่าๆๆๆๆ


“สิ้นหวังกันรึยังล่ะ พวกอาหาร ฮิฮิฮิ เดี๋ยวจะทำให้สิ้นหวังยิ่งกว่านี้”


พวกอาหารชั้นต่ำถอยหนีอย่างไม่คิดชีวิต พวกอาหารชั้นกลางเริ่มรวมตัวกันแล้วโจมตีข้าอีกครั้ง


ครั้งแรกที่พวกอาหารโจมตีโดนเพราะข้าอยากทดสอบเกราะศิลาของตัวเอง แต่ครั้งนี้


ข้าควบคุมสายลมหยุดทุกการโจมตีรอบตัวให้ลอยค้างกลางอากาศ ก่อนผลักกลับไปหาพวกมัน


“สิ้นหวังกันรึยังล่ะ แต่ดูท่าจะยังสิ้นหวังกันไม่พอ”


พวกอาหารชั้นต่ำไปตามตัวพวกอาการชั้นกลางเข้ามาสมทบ


คราวนี้มีแทงค์สวมชุดเกราะทั้งตัวเข้ามาเพียบ หลังแทงค์ก็มีแต่พวกสายโจมตีหนักทั้งค้อน ขวาน ดาบใหญ่อีกสารพัด


พวกมันคิดจะสู้กับข้าในระยะประชิดแทนสินะ


เหมือนจะฉลาดจากการเรียนรู้ แต่ก็โง่อยู่ดี


“อาหารถึงเป็นอาหารสำหรับพวกข้าวันยังค่ำ”


ข้ากระพือเกล็ดปล่อยสายลมกระจายออกไปรอบตัว ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากหินติดไฟ


รอจนพวกมันเข้ามาเยอะขึ้นๆ เยอะจนแตะหลักครึ่งพัน


ข้าจึงควบคุมสายลมให้หมุนวนเป็นวงกลม แรงลมค่อยๆ หมุนแรงขึ้นจนพวกตัวบางเริ่มเซไปตามแรงลม


แต่พวกแทงค์แนวหน้ายังคงไม่สะทกสะท้านและยิ่งคึกเมื่อคิดว่าข้าทำได้แค่นี้


ไม่นานพวกมันก็เริ่มรู้ตัวและเริ่มสั่งให้หนีออกจากพื้นที่


“ถึงจะไม่ชอบแบบไหม้เกรียมก็เถอะนะ ฮิฮิฮิ”


สายลมพัดพาเปลวเพลิงทั้งหมดในสนามหมุนวนตามไปด้วย เปลวไฟยิ่งถูกพัดก็ยิ่งโหมแรงขึ้น


ฟู่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!


โดยมีพวกอาหารที่เกาะกลุ่มกันจนแน่นขนัดเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี


อาหารทุกตัวถูกย่างสดทั้งในวังวนทะเลเพลิง


พวกมันดิ้นทุรนทุราย กรีดร้องโหยหวน ชุดเกราะหนาเตอะและอาวุธทุกชนิดถูกหลอมละลายเป็นของเหลว


ผิวหนังพวกอาหารพุพองก่อนจะไหม้เป็นตอตะโก ร่างของพวกมันกลายเป็นซากที่จำเค้าเดิมไม่ได้


เป็นภาพที่ชวนหดหู่และน่าหวาดกลัวสำหรับพวกอาหาร


แต่สำหรับข้าที่เป็นเชฟควบคุมไฟอยู่ตรงกลางนั้น รู้สึกปลาบปลื้มและยินดีจนน้ำตาแห่งความสุขหลั่งออกมา


“จะกินให้อร่อย ก็ต้องใช้วัตถุดิบแบบสด ฮิฮิฮิ”


แต่มันยังไม่จบ ข้าต้องแก้แค้นให้เพื่อนต่างพันธุ์ของข้าสักเล็กน้อย


ข้าควบคุมสายลมพัดพาเปลวเพลิงรอบตัวให้หมุนวนเป็นพายุเพลิงขนาดใหญ่


ก่อนผลักมันออกไปทางประตูเมือง


แค่รัศมีความร้อนก็ทำพวกอาหารผิวไหม้แสบร้อนจนต้องหนีหางจุกตูด


ส่วนอะไรก็ตามที่ถูกพายุเพลิงดูดเข้าไปจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี


พวกอาหารพยายามยิงเวทย์น้ำเพื่อดับมันอย่างเปล่าประโยชน์


แม้แต่เวทย์ดินที่ก่อกำแพงเพื่อหยุดชะลอหรือเปลี่ยนเส้นทางก็ไร้ผล


พายุเพลิงไม่มีการชะลอตัว ไม่มีการอ่อนกำลัง เผาสิ้นทุกสิ่งอย่างที่มันผ่านทาง


พวกอาหารเริ่มหนีตายจากจุดที่คิดว่าพายุเพลิงจะผ่านไป


ยกเว้นพวกอาหารสวมชุดเกราะที่พยายามกันอย่างสุดความสามารถไม่ให้พายุเพลิงทำลายประตูเมือง


คำสั่งที่บ้าบิ่นที่สุดของอาหารชั้นต่ำแต่สวมชุดเกราะดีกว่าตัวอื่น คือ การสั่งให้พวกอาหารพลีชีพเพื่อลดความรุนแรงของพายุเพลิงลง


“ฮิฮิฮิฮิ ฮิฮิฮิ... ฮ่า ฮ่าๆ ... ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”


ข้าอดใจขำไม่ไหว พวกอาหารนี่มันโง่จนเกินเยียวยา สมควรแล้วที่เกิดมาเป็นอาหารให้เผ่าพันธุ์อสูรอย่างพวกข้า


“กระจอกสิ้นดีพวกเผ่าอาหาร!”


ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!


ข้าอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า เพราะจู่ๆ พายุเพลิงก็ถูกอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นผลักมันไปชนกับกำแพงเมือง


ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!


เปลวเพลิงถูกทับแบนราบไปกับกำแพง ถึงจะเผาจนตัวกำแพงเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แต่ไม่นานพายุเพลิงก็สิ้นฤทธิ์ สลายหายไป


เหลือเพียงแค่ควันเขม่าสีดำลอยขึ้นไปบนฟ้า


และตัวการที่ทำคืออาหารชั้นสูงอีกตัว


ข้าก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้สึกตัว สะดุดหินจนล้มก้นจ้ำเบ้า


แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเหลือเกิน


ทำไมกัน ทำไมข้าถึงยังแข็งแกร่งไม่เท่าพวกมัน


ไม่ได้การแล้ว ก่อนที่เจ้าอาหารชั้นสูงตัวนั้นจะหมดความอดทน


ข้ากวาดตามองหา เมื่อเจอเป้าหมายก็รีบพุ่งตัวไปสุดกำลัง


ตรงหน้าข้ามีอาหารขยะทั้งสองตัวถูกผลกระทบจากวังวนทะเลเพลิงเผาขาจนไหม้เกรียม


ยังดีที่พวกมันยังมีชีวิตรอด แค่นี้มันก็น่าจะเห็นหลักฐานว่าข้าเป็นคนกิน


ไม่สิ เหลือส่วนหัวไว้ดีกว่า มันจะได้เชื่อว่าข้ากินจริง


ข้าเลือกหยิบอาหารขยะก่อนอาหารสัตว์เพราะกินง่ายกว่า


“ปล่อยเอลด้านะ!”


ข้าถีบหน้าอาหารสัตว์กระแทกกับพื้นจนมันหัวแตก


ถึงจะทนเอาเรื่องแต่สภาพร่อแร่แบบนี้อีกไม่นานก็ตายแล้ว ยังมีหน้ามาห่วงอาหารตัวอื่นอีก


ข้าไม่สนใจอาหารสัตว์ที่ตะโกนทั้งน้ำตาและยื่นมือมาเพื่อจะคว้าอาหารตัวนี้คืน


ดูซะสิอาหารชั้นสูง ข้ากำลังจะกินตามที่แกสั่งแล้ว


วินาทีที่ข้าอ้าปาก ก็เกิดเสียงตะโกนที่ดังยิ่งกว่าเสียงใดที่เคยได้ยินมา


“อย่ามาแตะต้องน้องของชั้นนะ!!!!!”


ไม่ใช่แล้ว นี่มันเสียงคำราม


ในสนามรบที่เปลี่ยนจากสีขาวโพลนเป็นสีเทาหม่นหมอง


ขี้เถ้าลอยฟุ้งในอากาศจนเป็นหมอกหนา


เสียงคำรามเสียงนั้น พัดพาขี้เถ้าด้านหน้าตัวข้ากระจายออกไป จนข้าเห็นตัวตนมันได้ชัดเจน


ตัวประหลาดผมสีทองสวมหน้ากากไม้พังๆ ที่ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอาหารหรือเผ่าพันธุ์เดียวกันกับข้า


เธอกระโจนง้างหมัดพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว