ปริศนารอยสวาท

29

“แสดงว่าไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหมครับ ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน”

“ฉันมาจากกรุงเทพฯ น่ะค่ะ” เธอรีบบอก

“มีอะไรให้ผมช่วยหรืออยากไปเที่ยวไหนก็บอกผมได้นะครับ ผมยินดี” เขาให้เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้เธอติดต่อ

“ขอบคุณนะคะ”

“นี่เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านนะครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ก็บอกได้เลยนะครับ”

“แหม... รงชงรับใช้อะไรกันล่ะคะ”

“คุณมาพักกับเพื่อนคนไหนเหรอครับ เผื่อผมรู้จัก”

“มาพักที่รีสอร์ทของบัวบุษบาเค้าน่ะค่ะ”

“อ้อ... คุณบัวนั่นเอง”

“รู้จักกับน้องบัวด้วยเหรอคะ”

“รู้จักครับ แต่คุณบัวน่ะไม่ค่อยชอบพวกเราสักเท่าไหร่”

“ทำไมล่ะคะ”

“คือพี่ชายของคุณบัวเป็นหนี้เราน่ะครับ”

“อ้อ... แบบนั้นนั่นเอง” สารินรับคำ เพิ่งรู้ว่าเมฆเป็นพวกเจ้าหนี้ของบรรณ เธอพยักหน้ารับรู้และยิ้มให้อีกฝ่าย คิดในใจว่าคงรวยน่าดูสินะ

“ธรรมดาล่ะครับที่ลูกหนี้จะไม่ชอบเจ้าหนี้ คุณไม่ต้องบอกคุณบัวก็ได้นะครับว่าพบผม”

“ทำไมล่ะคะ”

“กลัวเขาจะห้ามคุณไม่ให้มาเจอกับผมน่ะสิครับ” เมฆแกล้งว่า สีหน้าแววตาเจ้าชู้ใส่สารินเต็มที่ หญิงสาวก็แกล้งทำเป็นเขินอายไปเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ก็ชอบอกชอบใจในตัวของเขาอยู่มาก

“ใครรับปากคุณเมฆกันล่ะคะว่าจะออกมาหาน่ะ”

“ไม่รู้ล่ะครับ ผมคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้ก่อนว่าสาวสวยอย่างคุณอาจจะเมตตาคนอย่างผมบ้าง”

“แหม... แล้วฉันจะโทรหานะคะ” เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นบัวบุษบาเดินมาทางที่เธอยืนคุยอยู่กับเมฆ เมฆเองก็เห็นแบบนั้น จึงเลี่ยงออกมา ไม่วายหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่ชม้ายชายตาให้เขาเช่นกัน



“นี่คุณ ตรงนี้ฉันจะเลี้ยวเข้ามาจอดไม่เห็นหรือไง” ชิดชมเห็นคนที่ปาดหน้ารถขึ้นมาจอดก็ลงมาต่อว่าด้วยความโมโห

“แต่ผมจอดก่อน ผมก็มีสิทธิ์ได้ที่จอดรถตรงนี้” พชรไม่สนใจ เขาจอดก่อน ที่จอดรถตรงนี้ก็ต้องเป็นของเขา เพราะตัวเองรีบ พี่ชายก็กำลังรออยู่ ที่จอดรถหายากเต็มที

“นี่นายอีกแล้วเหรอ”

“โลกกลมจริง สงสัยเราจะเป็นคู่กัน” พชรแหย่ วันนี้ไม่เห็นเงาแฟนของเธอ คงมาคนเดียว

“บ้าน่ะสิ” ชิดชมขึ้นรถตัวเอง ก่อนจะถอยไปจอดอีกด้าน เมื่อมีรถถอยออกจากที่จอดพอดี

“ว้าย! นี่คุณฉันตกใจหมดเลย” เธอร้องอย่างตกใจเมื่อเปิดประตูลงมาก็เจอกับเขาที่ยืนดักรออยู่ข้างรถ

“มาทำอะไรที่นี่” เขาเอ่ยถาม

“ฉันต้องตอบนายด้วยหรือไงห้ะ หลีกไป” เธอเดินหนี เขาก็ตามมาตอแย

“เป็นอะไรนักหนา เห็นหน้าผมแล้วไม่อยากคุยด้วย”

“ก็นายมันพวกกวนประสาท ใครจะอยากคุยด้วย”

“วันนี้แฟนคุณไม่มาด้วยเหรอ”

“แฟน...” เธอทวนคำของเขาแบบงงๆ ทำท่าคิดก่อนจะนึกออก

“มาสิ ทำไมจะไม่มา” เธอโกหกคำโต อยากให้เขาไปให้ไกลๆ จากเธอ ตอบแบบนั้นออกไป แทนที่เขาจะถอย กลับยังเดินตามมาอีก

“นี่คุณจะเดินตามมาทำไมนักหนา”

“ไม่ได้เดินตาม นี่มันทางเดินสาธารณะ ผมจะเดินทางนี้เหมือนกัน”

“เหลือเชื่อ!!!” เธอกรอกตาไปมา

“ผมจะเดินทางนี้คุณเดือดร้อนอะไร ที่หาเรื่องด่าผม หรือเพราะสนใจผมกันแน่ คนอื่นเดินกันให้ควัก ไม่เห็นคุณว่าใครสักคน”

“เอาอะไรมาคิด”

“คุณรับรู้อยู่ตลอดว่าผมมาทางเดียวกับคุณ ก็แสดงว่าคุณสนใจผมไง”

“ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว พวกหลงตัวเอง อย่าเดินตามมาอีกนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย บอกว่าโดนโรคจิตเดินตามเพื่อหวังลวนลาม” เธอชี้หน้าเขา พชรทำท่าจะพูดต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน ปรากฏว่าพี่ชายโทรมา เขาจึงกดรับ เธอจึงเดินหนีไปได้สำเร็จ

“ครับพี่พงศ์ ผมอยู่ตรงตลาดที่เรานัดกันแล้วครับ” พชรรีบเดินไปหาพี่ชายตรงที่นัดหมายทันที หันมองหญิงสาวก็เห็นว่าอีกฝ่ายเดินลิ่วหายไปเสียแล้ว เขาจึงเลิกสนใจเธออีก


“ผมเพิ่งรู้นะครับนี่ว่าพี่มาติดอกติดใจสาวที่นี่ซะแล้ว”

“เราก็พูดไป”

“กาแฟที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิม” พชรชวนพี่ชายคุยขณะที่รอบัวบุษบาซื้อของ มารดาจะเดินทางตามมาทีหลังเขาจึงล่วงหน้ามาก่อนเพราะท่านติดงานที่สมาคม

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ชิดชมเดินหาของที่ต้องการ ก่อนจะแวะดื่มกาแฟเย็น เธอถอยหลังมาชนเข้ากับพงศ์อินทร์โดยไม่ตั้งใจ ในขณะที่พชรเห็นเธอตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้าร้านมาแล้ว แต่เธอไม่ได้สนใจแขกในร้านจึงไม่เห็นเขา

“ไม่เป็นไรครับ” พงศ์อินท์กล่าวอย่างสุภาพ

“หล่อนแกล้งเดินชนพี่พงศ์” พชรพูดขึ้นเพราะอยากให้เธอหันมาสนใจเขาบ้าง เขานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ เธอยังไม่เห็นเขาอีก คนพูดกวนๆ ยกกาแฟขึ้นดื่ม ท่าทีทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ คำพูดลอยๆ ของอีกฝ่ายทำให้ชิดชมตาวาว แค่เห็นคู่ปรับของตัวเองก็ทำหน้าเมื่อย โลกช่างกลมอะไรเช่นนี้ ทำไมไปไหนมาไหนต้องเจอหมอนี่ตลอดเลยนะ

“นี่คุณ พูดให้ดีนะ ฉันมองไม่เห็นจริงๆ”เธอมัวแต่ถอยหลังเพราะอยากก้มมองรูปภาพเก่าๆ ของร้านก็เลยเผลอไปชนกับพงศ์อินทร์เข้า ไม่ได้ตั้งใจชนอย่างที่เขากล่าวหาเลยสักนิดเดียว

“กระผมพูดดีที่สุดแล้ว เห็นผู้หญิงที่ชอบเข้าหาผู้ชายก็แกล้งเดินมาชนแบบนี้ทุกทีสิน่า”

“ปากเสียจริงๆ เลย หาว่าฉันอ่อยเพื่อนของคุณหรือไง” เธออยากจะประทุษร้ายปากเขานัก นอกจากหลงตัวเองแล้ว ยังปากมอมปากเสียซะอีก เธอล่ะนึกเกลียดขี้หน้าเขาจับใจ

“เธอพูดเอง ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”

“เห็นอยู่ว่าคุณด่าฉัน”

“เธอร้อนตัวของเธอเอง” เขายักไหล่

“นี่คุณ คุณหาว่าฉัน...” เธออยากจะทำอะไรสักอย่าง เช่นตบเขาให้หน้าหัน กระทืบเท้าเขาให้เจ็บหนักๆ หรือยกกาแฟสาดหน้า เกลียดผู้ชายปากร้ายๆ แบบเขาเต็มทน

“อย่าทะเลาะกันเลยครับ ผมต้องขอโทษแทนน้องชายของผมด้วย”

“ไปขอโทษยายนี่ทำไมพี่พงศ์” พชรส่ายหน้าไปมาขณะมองชิดชมอย่างเพลียจิต เขาคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจเดินมาชนพี่ชายเขาเพื่ออ่อยแน่นอน

“นี่คุณ!!!”

“ผมขอเถอะครับ พดนายก็พอแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจเดินมาชนพี่หรอก”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจเดินชนคุณจริงๆ นะคะ เพราะมัวแต่ดูรูปเก่าๆ ในร้านเลยไม่เห็น คุณนี่ไม่น่ามีน้องชายแบบนี้เลยนะคะ ปากยิ่งกว่ากรรไกร นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องกัน ฉันไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด ฉันชื่อชิดชมค่ะเป็นคนที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอยื่นมือให้เขาจับเพราะอยากแกล้งอีกฝ่ายที่มองเธอเขม็ง คิดว่าเธออยากอ่อยพี่ชายเขาดีนัก เธอก็แกล้งทำแบบนั้นเสียเลย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พงศ์อินทร์ยื่นไปสัมผัสมือของอีกฝ่ายอย่างสุภาพ ดูจากรูปร่างหน้าตาและท่าทาง เธอคงจะไปเรียนเมืองนอกเมืองนามา จึงไม่ถือเรื่องการจับไม้จับมือหรือยกมือไหว้เขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น ซึ่งเขาก็เข้าใจในวัฒนธรรมตะวันตกแบบนี้เช่นกัน เพราะไปเรียนเมืองนอกเสียหลายปี

“อยากจับมือผู้ชาย ผู้หญิงอาร๊าย” พชรเสียงสูงใส่ชิดชม

“แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย”

“ไหนบอกไม่ได้อ่อยพี่ชายฉันไง” พชรพูดแดกดัน ชิดชมถลึงตาใส่เขา

“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีคนที่ผมรอมาแล้ว” พงศ์อินทร์รีบเอ่ยขอตัวเพราะจะได้ยุติการโต้เถียงของชิดชมกับน้องชายด้วย

ชิดชมมองตามสองพี่น้องออกจากร้าน แล้วส่ายหน้าไปมา นิสัยแตกต่างกันเหลือเกิน อีกคนสุภาพเรียบร้อย อีกคนปากเสีย ห่ามเสียจริง

“อ้าวพี่ชัย เป็นอะไร หน้าบึ้งเชียว”เธอหันมาเจอเข้ากับพี่ชายพอดิบพอดี พักหลังนี้เธอมาเยี่ยมมารดาแท้ๆ บ่อยขึ้นเพราะท่านบ่นคิดถึง

“โมโหคนน่ะ” แม้จะหงุดหงิดโมโหขนาดนั้น แต่สำหรับน้องสาวคนเดียว ชิดชัยจะไม่เกรี้ยวกราดใส่เพราะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องและค่อนข้างจะรักและตามใจน้องสาวเอามากๆแม้จะไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่หากรู้ว่าน้องสาวต้องการอะไร เขาจะหาให้ในทันที หรือรู้ว่าน้องสาวมีปัญหาอะไร เขาจะไปหาทันทีเช่นกัน

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว