แม่จ๋าน้องจ๋าอย่ากินผม

จับคุณแม่โยก

บทที่ 17 ตรวจสอบสินค้า


หลังจากได้ยินคำพูดของหัวหน้า ลูกน้องทั้งหมดก็หยิบกระสอบที่เตรียมมาแล้วเริ่มตรวจสินค้าทันที พวกเขาตรวจอย่างละเอียดแม้กระทั่งสินค้าที่อยู่ก้นกระสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิงของเจือปน


สิ่งนี้นี่ทำให้ลู่เซี่ยดีใจมาก เนื่องจากพวกเขาเทข้าวสารของเธอใส่กระสอบที่พวกเขานำมาโดยตรง ทำให้เธอได้เก็บกระสอบเดิมที่ใช้ใส่ข้าวสารไว้


ลู่เซี่ยดีใจมาก ก่อนหน้านี้เธอยังกังวลอยู่เลยว่าในช่องว่างมิติของเธอมีกระสอบป่านเพียงหนึ่งร้อยใบเท่านั้น เมื่อใช้หมดแล้วจะไปหาซื้อได้จากที่ไหน หากเป็นแบบนี้ก็จะประหยัดได้ไม่น้อยเลย


ทางด้านหัวหน้า หลังจากเห็นคุณภาพของข้าวสารถุงแรกแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


ข้าวแบบนี้หายากจริง ๆ เมื่อวานเขาได้ลองชิมดูแล้ว ปรากฏว่าคุณภาพดีจริง ๆ รสชาติก็ดี นำไปต้มเป็นโจ๊กก็ยังได้รสหวาน ดีกว่าข้าวที่ขายอยู่ในท้องตลาดตอนนี้หลายเท่า แม้แต่ข้าวของ*** ที่เขาเคยเห็นมาก่อนก็ยังสู้ไม่ได้


และที่เรียก*** ว่า*** ก็เพราะมันหายาก จึงเป็นข้าวที่จัดหาให้กับ*** โดยเฉพาะ


แต่ตอนนี้เธอสามารถหยิบยื่นข้าวที่ดีกว่าข้าว*** ให้เขาได้มากขนาดนี้ ทำให้เขาอดสงสัยที่มาของมันไม่ได้


แต่ก็ทำได้แค่สงสัยเท่านั้นแหละ เขาเป็นนักธุรกิจ จึงรู้ว่าอะไรควรถามอะไรไม่ควรถาม อีกอย่าง เมื่อครู่ยังได้ยินลู่เซี่ยพูดเหมือนว่ายังมีคนรอเธออยู่ คาดว่าน่าจะอยู่แถวนี้


ไม่อย่างนั้นคงไม่วางใจให้ผู้หญิงคนเดียวมาทำการค้าขาย และการที่สามารถหยิบยื่นของดีขนาดนี้ได้ครั้งละมาก ๆ คงต้องคนคอยหนุนหลังอยู่แน่ ๆ


ดังนั้น เขาจึงต้องการแค่ทำการค้าขายเท่านั้น เพราะอย่างไรข้าวชุดนี้ก็เป็นข้าวคุณภาพดีทั้งหมด คงจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว


คิดได้ดังนั้น หัวหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะลองหยั่งเชิงลู่เซี่ย “น้องสาวยังมีของอีกไหม?”


ได้ยินแบบนี้ สีหน้าลู่เซี่ยก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที “ไม่มีแล้ว ทำไมเหรอ?”


หัวหน้ารู้สึกผิดหวังไปชั่วขณะ “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่เห็นว่าสินค้าของน้องสาวมีคุณภาพดี หากมีอีกก็อย่าลืมมาหาฉันนะ ฉันชื่อ ‘จินหมิง’ รับผิดชอบตลาดมืดแถวนี้ทั้งหมด น้องสาววางใจได้ จะมีมากแค่ไหนฉันก็รับไว้ได้ทั้งหมด”


ลู่เซี่ยได้ฟังก็พยักหน้ารับ “ได้ค่ะ หากครั้งหน้ามีอีก ฉันจะมาหาคุณแน่นอน”


แม้จะพูดออกไปแบบนี้ แต่ในใจลู่เซี่ยกลับรู้ดีว่าอาจจะไม่มีครั้งหน้าแล้ว


ลู่เซี่ยคิดในใจว่าต่อไปอาจจะต้องขายข้าวสารที่มาจากช่องว่างมิติให้น้อยลง เพราะข้าวสารของเธอมีคุณภาพดีเกินไป อาจจะทำให้ผู้คนสังเกตุความแตกต่างได้ง่ายและอาจถูกจับตามองได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป


ไม่นานนัก คนของจินหมิงก็ตรวจสอบสินค้าเสร็จแล้ว


ไม่พบปัญหาอะไร จินหมิงพอใจมาก


ขณะตรวจสอบสินค้าเมื่อครู่ พวกเขาก็ได้ชั่งน้ำหนักไปด้วย ดังนั้นจึงคำนวณเงินออกมาตามราคาที่ลู่เซี่ยได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ข้าวสารราคาห้าเหมาต่อหนึ่งจิน แป้งสาลีราคาสี่เหมาต่อหนึ่งจิน ข้าวโพดราคาสามเหมาต่อหนึ่งจิน นับว่าเป็นราคาที่สูงกว่าในตลาดมืดพอสมควร แต่คุณภาพก็คุ้มค่ากับราคา ดังนั้นจินหมิงจึงจ่ายเงินโดยไม่ลังเล


รวมทั้งหมด หนึ่งพันหกร้อยห้าสิบหยวน ลู่เซี่ยไม่คิดว่าสินค้ามากมายขนาดนั้นจะทำเงินได้เพียงเท่านี้ เธอรู้สึกเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือก ในยุคที่คนงานได้ค่าแรงเดือนละไม่กี่สิบหยวน เงินจำนวนนี้ก็ถือเป็นเงินก้อนโตแล้ว


หลังจากลู่เซี่ยรับเงินแล้ว เธอก็แลกเปลี่ยนคูปองกับเขาพอประมาณจากนั้นก็สั่งซื้อของบางอย่างไว้และนัดมารับในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่เธอจะรีบหิ้วถุงจากไป


มองดูเงาร่างของลู่เซี่ยที่หายไปในตรอกอย่างรวดเร็ว จินหมิงมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ราวกับได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่กำลังจากไป สายตาของเขาเป็นประกาย เดาว่านั่นอาจจะเป็นพวกพ้องของเธอ เขาจึงโล่งใจที่ตัวเองไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับเธอ


จากนั้นจึงรีบสั่งให้ลูกน้องเริ่มขนสินค้าด้วยความระมัดระวัง


ลู่เซี่ยไม่รู้เลยว่าข้ออ้างที่เธอพูดออกไปเมื่อครู่ จะทำให้จินหมิงตกใจกลัว


หลังจากลู่เซี่ยรีบออกมาจากที่นั่นด้วยความรวดดเร็ว เธอก็ไปหาที่ลับตาและเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครตามมา เธอจึงรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องใช้หินจากช่องว่างมิติแล้ว


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว