กายกินบัว
13
สงบศึก
“ไปรับลูกกัน”
หลังจากที่เราคุยกันรู้เรื่องดีแล้วกายก็พูดเสนอออกมาอย่ากระตือรือร้นพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างกับคนที่กำลังอารมณ์ดีอยู่
“วันนี้ยีนเป็นคนไปรีบนะ”
ฉันเอ่ยบอกไปแล้วหายก็ทำหน้าสลดลงไปทันทีเหมือนกับกำลังผิดหวังอะไรสักอย่างอยู่
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปส่งเธอที่บ้านก็ได้”
กายเสนอออกมาอีกครั้ง
“ฉันขับรถมาเองนะ”
ฉันบอกเพราะวันนี้ยีนเป็นคนไปรับนักรบที่โรงเรียนฉันเลยต้องกลับเอง เลยขับรถมาเรียนอย่างที่เห็นนั่นแหละ
“จอดไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
“แต่”
“มันไม่หายหรอก”
กายเอ่ยเพียงแค่นั้นเขาก็เคลื่อนรถของเขาออกไปทันที ให้ตายทำไมเขาถึงได้เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ด้วยนะ นี่ฉันคงต้องบอกที่อยู่ของตัวเองให้เขารู้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ เฮ้อ อุตส่าห์หลบเขามาตั้งเกือบสามปีก็ต้องมาพังเพราะไม่กี่วัน แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยกายเขาก็สำนึกผิดไปแล้ว ถ้าฉันจะให้โอกาสเขามันคงไม่เสียหายอะไรหรอกใช่ไหม
เวลาต่อมา
กายขับรถมาตามทางที่ฉันบอกโดยใช้เวลาไม่นานรถของเขาก็มาจอดอยู่ที่หน้ารั่วบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่เป็นบ้านฉันเองแหละ ตอนนี้คงยังไม่มีใครกลับมาฉันเลยรู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยก็ไม่มีใครเห็นกาย ถ้าเกิดยีนหรือเฮียเมฆามาเห็นว่าฉันอยู่กับกายตอนนี้มีหวังพวกเขาได้หาเรื่องกันแน่ ทางที่นี่ตอนนี้ฉันว่าให้กายรีบกลับบ้านของเขาไปน่าจะดีกว่า ก่อนที่สองคนนั้นจะมาถึง
“ขอบใจนะ นายรีบกลับไปเถอะ”
ฉันบอกหลังจากที่รถของกายจอดสนิทดีแล้ว
“ใครว่าฉันจะกลับ”
กายพูดเพียงแค่นั้นแล้วเขาก็เดินลงจากรถของเขาไปทันที ส่วนฉันก็รีบเดินลงแล้วเดินตามเขาไปทันที
“นี่นายคิดจะทำอะไร”
ฉันเดินไปค้าแขนของกายไว้เพื่อให้เขาหยุดเดิน ซึ่งตอนนี้คนตัวสูงอย่างกายก็กำลังจะเดินเข้าไปในรั่วบ้านของฉันอย่างถือวิสาสะ นี่เขาไม่กลัวอะไรเลยหรือไง รอยแผลที่อยู่บนหน้าของเขายังไม่หายเลยนี่เขาอยากจะเพิ่มรอยบนใบหน้าอีกเหรอ
“ไม่เอาน่าบัว อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้นสิ”
กายเอ่ยโดยไม่สนใจเลยว่าฉันจะรั้งเขาไว้ แต่ตอนนี้ร่างกายของกายเข้าไปสู่อาณาเขตบริเวณบ้านของฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขากำลังเดินสำรวจบ้านฉันอยู่อย่างกับว่าเป็นเจ้าของบ้านไปเองเสียแล้ว เฮ้อ ทำไมหมอนี่ถึงได้ดื้อด้านแบบนี้ด้วยเนี้ย ฉันเลยได้แต่เดินคอตกตามกายเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างหมดหวัง พร้อมกับภาวนาในใจว่าอย่างให้สองคนนั้นกลับมาตอนนี้เลย
“บ้านเธอน่าอยู่นะ”
ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในบ้านได้แล้วคนที่เดินเข้ามาก่อนฉันอย่ากายก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองภายในบ้านฉันด้วยใบหน้านิ่งๆ ของเขานั่นแหละ
“ดูแค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม ฉันว่านายน่าจะกลับก่อนดีกว่าไหม ก่อนที่เฮียเมฆาจะมาแล้วชกหน้านายอีก”
ฉันบอกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลกายเลยเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับยิ้มมุมปากออกมาบางๆ นี่เขาจะยิ้มอะไรของเขานี่ฉันกำลังซีเรียสนะ ไม่ได้พูดเล่นสักหน่อย
“นี่ห่วงฉันเหรอ”
กายเอ่ยถามพร้อมกับเอียงคอมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้สิ
“ใครว่าฉันไม่อยากให้มีคนตายที่บ้านฉันก็แค่นั้น”
ฉันตอบแล้วเบี่ยงหน้าหนีออกไปมองทางอื่น เพราะมองกายตรงๆ แบบนี้นานๆ มันทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย
“ปากแข็ง”
กายเอ่ยแล้วยิ้มออกมาแล้วเอื้อมมือของเขามาจับริมฝีปากของฉันเบาๆ เดี๋ยวนะ นี่กำลังจะทำอะไรของเขากันเนี้ย
บรื้น!!
เสียงรถที่ดังจากข้างนอกทำให้ฉันผละตัวออกห่างจากกายทันที ก่อนที่จะมองออกไปหน้าบ้านว่าใครมากันแน่ ส่วนกายก็มองไปตามทางที่ฉันมองอยู่เช่นกัน
“รบจะฟ้องม๊าบัวว่าลุงยีนแกล้งรบ”
เสียงเล็กของนักรบดังมาแต่ใกล้มันทำให้ใบหน้าของกายเปลี่ยนไปทันที ตอนนี้เขากำลังแสดงสีหน้าดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้เด็กแสบ ฉันไม่แกล้งแกสักหน่อย”
แต่เสียงที่ดังตามมามันทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นมาอยู่ไม่น้อย อย่าลืมไปสิว่ากายกับยีนไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้ายีนเข้ามาเจอว่ากายอยู่ที่นี่กับฉันตอนนี้หมอนั่นได้ปะทะกับกายแน่ๆ
“ไม่รู้แหละ แบร่”
“จับได้เมื่อไหร่จะจับตีตูดแน่คอยดู”
แล้วต่อมาร่างเล็กของนักรบก็วิ่งเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเร่งรีบเหมือนกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างมา แต่ทันทีที่ลูกชายตัวแสบของฉันเห็นว่าฉันยืนรออยู่ในบ้านอยู่ก่อนแล้วแกก็วิ่งเข้ามากอดฉันไว้ทันที
“ม๊าบัวช่วยรบด้วย ลุงยีนจะตีตูดรบ”
นักรบเอ่ยฟ้องฉันทันทีก่อนที่สายตาของแกจะไปปะทะเข้ากับร่างของกายที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ป๊ากาย”
นักรบผละออกจากฉันแล้ววิ่งไปกอดกายแทนด้วยท่าทางดีใจ ก่อนที่จะกายจะย่อตัวลงไปอุ้มนักรบขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง มันเป็นภาพที่น่ามองและดูอบอุ่นแต่มันติดตรงที่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวยอย่างที่คิด
“ว่าไง เด็กแสบของป๊า”
กายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร่าเริง แต่ต่อมาใบหน้าของกายก็กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิมเมื่อคนที่มาใหม่เดินเข้ามาในบ้านในสภาพที่แขนข้างหนึ่งสะพายกระเป๋าเด็กที่ไม่เข้ากับใบหน้าหล่อๆ ของเขาเอาไว้
“มึง ไอ้เหี้ยกาย”
กาย Talk
ตอนนี้ไอ้ยีนมันกำลังยืนชี้หน้าผมอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล ส่วนผมก็ไม่ได้เกรงกลัวท่าทีของมันเลยสักนิด ถ้าผมกลัวจริงผมคงไม่บุกมาถึงที่ของศัตรูแบบนี้หรอก จะเอาแม่เสือกับลูกเสือก็ต้องบุกถ้ำเสือจริงไหมล่ะ
“มึงมาที่บ้านกูได้ยังไง”
อ่า ไอ้ยีนอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ ตกลงบ้านหลังนี้อยู่กี่คนกันแน่วะ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเดี๋ยวอีกไม่นานผมก็รู้เองแหละ แต่ตอนนี้มาสนใจสถานการณ์ตอนนี้น่าจะดีกว่า
“ขับรถมา”
ผมตอบแล้วกระชับอ้อมแขนของตัวเองที่อุ้มร่างเล็กของลูกชายสุดที่รักอยู่ไปด้วย เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงไอ้ยีนมันขู่ลูกผมว่ามันจะจับตีก้นใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าท่านมามันก็แกล้งลูกผมมาโดยตลอดนะสิ แต่ตอนนี้มันคงไม่ได้ทำลูกผมแล้วเพราะผมยังอยู่ที่นี่ด้วย ใครหน้าไหนมันก็ไม่มีสิทธิ์
“มึงอย่ามากวนตีนกู”
“ลุงยีนอย่ามาแกล้งป๊าของรบนะ เดี๋ยวรบไม่รักหรอก”
ระหว่างที่ไอ้ยีนกำลังจะถลาเข้ามาถึงตัวผมเสียงเล็กๆ ของเด็กชายที่ผมกำลังอุ้มอยู่นั้นก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน มันเลยทำให้ไอ้ยีนชะงักฝีเท้าของมันไปก่อนที่มันจะส่งสายตาจิกกัดไปที่ลูกชายผม ส่วนนักรบก็มีท่าทีไม่แพ้กันกับไอ้ยีนซักเท่าไหร่ ตอนนี้ลูกชายตัวดีของผมกำลังต้องหน้าไอ้ยีนอย่าคาดโทษอยู่
“เมื่อกี้รบเรียกมันว่าอะไรนะ”
ไอ้ยีนที่ยังไม่ค่อนจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินซักเท่าไหร่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ป๊าไง รบมีป๊าแล้ว ลุงยีนอย่ามาทำร้ายป๊าของรบน่ะ”
นักรบไม่เพียงแค่พูดแต่แกเอาแขนป้อมๆ ของแกกอดรัดรอบคอผมไว้ด้วยท่าทางหวงแหน และมันก็ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจยังไงก็ไม่รู้
“มันไม่ใช่ป๊าของรบ”
เฮอะ ถ้าจะหลอกเด็กก็ช่วยดูด้วยว่าหลักฐานอยู่ต่อหน้ามันเป็นยังไง ผมหน้าตาเหมือนนักรบแบบนี้ไม่เห็นจำเป็นด้วยซ้ำที่จะต้องตรวจดีเอ็นเอให้ยุ่งยาก เพราะว่าดีเอ็นเอมันฉายอยู่บนหน้านักรบชัดขนาดนั้น ของแบบนี้หลอกเด็กไม่ได้หรอกไอ้ยีน
“ไม่รู้แหละ รบอยากให้ป๊ากายเป็นป๊าของรบนี่นา ต่อไปนี้ลุงยีนจะได้ไม่แกล้งรบอีก”
นักรบพูดแล้วก็หันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ยีนด้วยท่าทางกวนประสาทจนคนที่กำลังถูกเด็กล้อเลียนอยู่ได้แต่ทำหน้าเดือดดาลส่งมาให้ผม
“บัวเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
ไอ้ยีนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผมก็หันไปคาดคั้นกับคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างผมแทน
“เอ่อ ยีนแบบว่า...”
“เดี๋ยวฉันคุยกับมันเอง เธอดูลูกไปนะ”
ผมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะส่งนักรบให้บัวบูชาอุ้ม
“เดี๋ยวป๊ามา”
“ฮะ”
ผมเอ่ยกับนักรบก่อนที่จะหอมแก้มแกไปฟอดหนึ่งด้วยความชื่นใจก่อนที่จะเดินไปกระชากคอเสื้อไอ้ยีนให้มันเดินตามผมมาคุยกันข้างนอก เพราะระหว่างผมกับมันถ้าคุยกันต่อหน้าเด็กคงจะไม่ดีซักเท่าไหร่ อย่าลืมไปสิว่าผมกับมันเป็นศัตรูกันมานานแล้ว
“เอามือของมึงออกจากคอเสื้อกู”
หลังจากที่ผมลากไอ้ยีนมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านได้แล้วไอ้ยีนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะสะบัดตัวของมันให้หลุดออกจากการเกาะกุมของผม
“มึงกลับมายุ่งกับบัวอีกทำไม”
ไอ้ยีนถามผมพร้อมกับชี้หน้าผมไปด้วย น้ำเสียงของมันที่พูดกับผมมันเต็มไปด้วยความเดือดดาลพร้อมกับใบหน้าของมันที่ฉากความเกลียดชังที่มีต่อผมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้ บัวก็เมียกู”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอย่างไม่ค่อยจะเกรงกลัวกับท่าทีของไอ้ยีนเลยสักนิด ผมไม่ใช่คนประเภทที่เอาแต่โวยวายอย่างไอ้ยีนหรอกนะ ที่เอาแต่ใจร้อนแบบไม่ฟังเหี้ยอะไรเลยแบบมันนะ
“มึงข่มขืนบัว มึงยังจะกล้าเรียกบัวว่าเมียได้อีกเหรอ”
อ่า เรื่องนี้คงมีคนรู้เยอะแล้วสินะ แต่ช่างมันผมก็ไม่ได้แคร์อะไรหรอก ในเมื่อตอนนี้บัวยอมเปิดโอกาสให้ผมแล้วคนอื่นผมต้องแคร์ด้วยอย่างนั้นเหรอ
“เรื่องนี้บัวเป็นคนตัดสินเอง คนนอกอย่างมึงไม่เกี่ยว”
พรึบ
หลังจากที่ผมพูดจบไอ้ยีนก็ถลาเข้ามากระชากคอเสื้อผมทันที อ่า เรื่องใช้กำลังนี่ขอให้บอกเลย ไอ้ยีนนี่จัดได้ว่าก็เป็นคนที่เก่งเรื่องพวกนี้พอดี แต่...ก็ยังน้อยกว่าผมอยู่ดีวะ
“หึ มึงนะสิคนนอก”
มันเอ่ยพร้อมกันแค้นหัวเราะใส่ผมอย่างนึกสมเพช
“อันนั้นก็แล้วแต่มึงจะคิด”
ผมตอบกลับไปเสียงเรียบเหมือนเดิม แต่มือของผมก็แกะมือของไอ้ยีนออกจากคอเสื้อของผมไปด้วยท่าทางใจเย็น ก็เคยบอกไปแล้วว่าไอ้ยีนมันสู้ผมไม่ได้เรื่องแค่นี้มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมหรอก
“ตอนนี้กูขอสงบศึกกับมึงก่อน กูไม่อยากมีเรื่องกับมึงระหว่างที่กูจีบบัวอยู่แบบนี้”
ผมกล่าวต่อแล้วไอ้ยีนก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่ดูตกใจกับประโยคที่ผมพึ่งพูดออกไปให้มันได้ยินเมื่อกี้
“มึงว่าไงนะ”
“กูจีบบัวอยู่”
ผมตอบอย่างไม่ค่อยจะสนใจท่าทีของมันซักเท่าไหร่
“เฮอะ คนอย่างมมึงนี่นะจีบบัว”
“คนอย่างกูแล้วมันยังไงวะ”
ใช่คนอย่างผมจะจีบบัวไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ผมมันไม่ดีตรงไหนกัน
“มึงเลวเกินไปไม่เหมาะกับคนดีๆ อย่างบัวหรอก คนดีๆ ที่ไหนเขาขมขื่นผู้หญิงวะ”
จึก!
คำพูดของไอ้ยีนเหมือนกับมีดลงมาปักกลางอกผมจนผมรู้สึกเจ็บไปทั่วหัวใจ ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนผมมันไม่ดีจริง ที่กล้าทำเรื่องแบบนั้นกับบัวลงไป แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมดีพอที่จะคู่ควรกับบัวได้หรือเปล่า แต่นิสัยเมื่อก่อนที่ผมเคยทำผมเลิกทำมันหมดทุกอย่างแล้ว เรื่องผู้หญิงหรือเรื่องชกต่อยผมก็หยุดมันไปทุกอย่างแล้ว แบบนี้ผมยังสามารถจีบบัวได้อยู่อีกไหม
“ตอนนั้นกูเข้าใจผิด”
“ถึงมึงจะเข้าใจผิดมึงก็ไม่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปหรอก ถ้าไม่เลวจริง”
“แต่กุเลิกยุ่งกับบัวไม่ได้”
ผมเอ่ยย้ำอีกครั้งเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากสำหรับผมจริงๆ ถ้าให้ผมเลิกยุ่งกับบัว ให้ผมไปตายซะยังง่ายกว่าอีก
“มึงรักบัวอย่างนั้นเหรอ”
คำถามของไอ้ยีนทำให้ผมชะงักไปทันที มันถามว่าผมรักบัวไหมอย่างนั้นเหรอ ถ้าผมตอบว่ารักทุกคนจะเชื่อหรือเปล่า ว่าผู้ชายเลวๆ ไม่มีหัวใจอย่างผมจะรักผู้หญิงที่ตัวเองข่มขืนจนมีลูกไปแล้วแบบนี้ แต่ผมอยากบอกไปจริงๆ ว่าผมรักบัวบูชา รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ผมชอบเธอตั้งแต่ที่ผมยังไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกับไอ้ยีน พอผมมาเข้าใจผิดเองว่าบัวบูชาเป็นแฟนของไอ้ยีนมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องแย่งผู้หญิงคนนั้นมาจากมัน แต่ใครจะรู้ละว่าเธอจะหายตัวไปอย่างลึกลับแบบนั้น
“อืม กูรักบัว”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังหลังจากที่คิดไตร่ตรองกับตัวเองดีแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากปิดบังความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไปแล้ว อะไรที่พอทำได้ตอนนี้ผมก็จะทำก่อนที่มันจะสายไปเหมือนกับครั้งก่อน
“และกูก็รักมาโดยตลอด”
ผมเอ่ยต่อไอ้ยีนเลยมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ เพราะมันเองก็คงไม่คิดว่าคนอย่างผมจะรักใครเป็น แต่ขอโทษวะ ผมรักบัวจริงๆ ไม่ได้โกหกและรักมานานแล้วด้วย
“เฮ้อ ถ้ามึงเข้ามาแค่เล่นๆ บอกเลยว่ามึงไม่ได้โดยแค่กูยำแต่มึงจะโดนคนที่มีอำนาจสูงสุดของบ้านนี้ยำด้วยอย่าลืม”
ดูเหมือนว่าท่าทีของไอ้ยีนจะดูอ่อนลงไปจากเมื่อกี้มาก
“อืม กูรู้ กูไม่เคยเล่นๆ กับความรู้สึกของตัวเองหรอก”
ผมตอบไอ้ยีนเลยพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“อืม ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น เห็นแกนักรบกูสงบศึกก่อนก็ได้”
ไอ้ยีนตอบก่อนที่มันจะเบี่ยงหน้าของมันหนีไปทางอื่นด้วยท่าทางหยิ่งๆ ผมเลยยิ้มที่มุมปากของตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นท่าทีของไอ้ยีนที่อยู่ต่อหน้า ก่อนหน้านี้ที่ผมเห็นว่ามันแกล้งลูกชายผมมันก็คงแกล้งไปเพราะความเอ็นดูละมั้ง เพราะไม่อย่างนั้นคนอย่างไอ้ยีนมันคงไม่เปิดทางให้ผมแบบนี้หรอกถ้ามันไม่รักลูกผมจริง
“แล้วทำไมมึงถึงชอบแกล้งลูกกู”
ผมเอ่ยถามคำถามที่สงสัยออกไปทันที ไอ้ยีนเลยหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยหงุดหงิดแทน
“ก็เพราะว่าไอ้เด็กแสบนั่นหน้าเหมือนมึงไง กูเลยหมั่นไส้ แกล้งลูกมึงก็เท่ากับแกล้งมึงนั่นแหละ สะใจเหมือนกัน”
ไอ้นี่ นิสัยเด็กชะมัด มันเอาคืนผมไม่ได้ดันไปลงกับลุกผมซะอย่างงั้น แต่ช่างเถอะ ตอนนี้นักรบก็มีผมแล้วด้วย ผมไม่ยอมให้ไอ้ยีนแกล้งลูกผมได้อีกต่อไป
“ถึงนักรบจะหน้าเหมือนมึง แต่กูก็รักรบไม่ต่างกับมึงหรอก”
ไอ้ยีนพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเดินนำเข้าไปบ้านไป ถึงมันจะดูตึงๆ กวนๆ หน่อย แต่ถ้าลบเรื่องบาดหมางตอนอดีตออกไปได้ ผมว่าผมกับไอ้ยีนอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ ใครจะไปรู้
อ๊าย เฮียกายน่ารัก
ทางสะดวกแบบนี้เดินหน้าเต็มที่เลยเฮีย
หนูบัวกับกายจะเป็นยังไง
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว