บทที่5
รีดไถ (2)
“โอ้ เกือบลืมบอกไป หากอยากได้ตัวชายแก่ผู้นี้และพี่น้องกลับไป จงเกณฑ์สาวงามในคณะระบำเร่ไปปรนนิบัตินายข้าที่คฤหาสน์ฟายิสซะ แล้วอย่าลืมเงินค่าไถ่ตัวด้วยล่ะ เผื่อนายข้าไม่พอใจในของกำนัลจากพวกเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
เหล่าบุรุษในชุดทหารจามอลจากไปพร้อมกับบารุนและพี่น้องในคณะระบำ แต่สิ่งที่คนพวกนี้เหลือทิ้งไว้มีเพียงรอยเท้าบนผืนทรายและรอยเท้าบนหัวใจที่เกิดจากการถูกย่ำยีเท่านั้น
นางระบำหลายคนพากันกอดคอร่ำไห้กับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น หากจักมีก็แต่เชเรญ่าเท่านั้น ที่ยังสงบนิ่งแลข่มอารมณ์โกรธของตนเองได้เป็นอย่างดี
แม้นมิเคยเป็นพันธมิตรกับจอมโจรจิ้งจอกทะเลทราย และมิเคยชื่นชอบการกระทำที่เอาแต่ใจของชีคคามินเลย แต่การกระทำอันเสื่อมเสียเกียรติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก็ทำให้เชเรญ่ารู้ว่าสัญญาณอันตรายได้เกิดขึ้นกับชาวจามอลนครแล้วล่ะ
เท่าที่นางเคยรู้มาเกี่ยวกับจอมโจรกลุ่มนี้ก็คือ ‘จิ้งจอกทะเลทรายมิเคยปล้นผู้ที่มีฐานะต่ำกว่า’ ที่สำคัญ ทุกครั้งก่อนทำการปล้นต้องมีสารแจ้งให้เหยื่อรู้ตัวก่อนที่จักลงมือจริง ซึ่งการกระทำเลวทรามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการสวมรอยแอบอ้างทั้งสิ้น!
“ท่านเจองานใหญ่เข้าแล้วล่ะ ชีคคามิน” เชเรญ่าพึมพำก่อนปรายตาไปยังบาเรียซึ่งเอาแต่โวยวายคร่ำครวญราวคนเสียสติ
“หากตัดสินใจไม่แวะนครแห่งนี้แต่แรก เรื่องบ้า ๆ แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แล้วนี่ข้าจักทำเช่นไรเมื่อยูโซฟที่รักถูกทหารเลวพวกนั้นจับตัวไปแล้ว ฮื้อ ๆ” นางผู้โศกเศร้าใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาออกจากวงหน้าที่แดงก่ำราวเด็กน้อย
“ที่เจ้าร่ำไห้จักเป็นจักตายเป็นเพราะชายคนรักถูกจับตัวไปหรอกหรือบาเรีย โถ ข้านึกว่าเจ้าเป็นห่วงท่านบารุนและพี่น้องของเราทุกคนซะอีก” นางระบำผิวหมึกสวมต่างหูห่วงโตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งกอดอกทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมิวายหันมาต่อว่าบาเรียอย่างเหลืออด
“ก็ด้วยกันนั่นล่ะ เพียงแต่ข้าห่วงยูโซฟมากกว่าใครเท่านั้น เจ้าไม่เห็นหรือว่ายูโซฟได้รับบาดเจ็บตอนถูกทหารลากตัวไป”
“ยูโซฟยังหนุ่มแน่น อีกทั้งเป็นวิชาดาบ ร่างกายก็แข็งแรง ได้รับบาดเจ็บเท่านี้ไม่เป็นอันใดมากหรอก ผิดกับท่านบารุนที่มีโรคประจำตัวต้องพบท่านหมออยู่เนือง ๆ เจ้าน่าจักห่วงท่านบารุนมากกว่านะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าข้าห่วงใยทั้งคู่ พูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร!” คราวนี้มิใช่คำยอกย้อนอย่างเดียว บาเรียยังลุกขึ้นเท้าสะเอวจักเอาเรื่องเพื่อนนางระบำผิวหมึกรายนี้ด้วย
“พูดรู้เรื่อง แต่ทำไมเจ้าต้องขึ้นเสียงกับข้าด้วยเล่า ข้าก็แค่เตือนสติเจ้าเท่านั้น”
“เจ้าต่างหากที่ขึ้นเสียงกับข้าก่อน!”
มีถ้อยคำถกเถียงอีกยาวเหยียดที่ทำให้ทุกคนต้องพากันส่ายหน้าถอนหายใจ ความเครียดที่มีอยู่กำลังงอกเงยขึ้นไปอีก แล้วเหมือนว่ามันจักไม่ยุติที่คำถกเถียง ทว่าจู่ ๆ ต่างหูเงินพวงระย้าได้ลอยแหวกอากาศเข้าที่หน้าของบาเรียซะก่อน นางจึงละความสนใจจากเพื่อนนางระบำผิวหมึกมายังมือดีที่ปาต่างหูใส่นางในทันที
“เจ้าปาต่างหูใส่ข้าทำไมเชเรญ่า?!” มิเพียงโวยวาย บาเรียยังปาต่างหูคู่เดิมกลับมา แต่เชเรญ่าก็สามารถเอียงศีรษะหลบได้
“เรียกสติและทำให้เจ้าหุบปากไง จักเถียงให้ได้ประโยชน์อันใดขึ้นมา แทนที่จักช่วยกันคิดหาวิธีช่วยเหลือคนของเรา แต่เจ้ากลับมาสร้างปัญหาให้เพิ่มขึ้นอีก” เชเรญ่าที่กอดอกยืนพิงเสากระโจมบอกเสียงเย็น ดวงตาของนางมีประกายบางอย่างฉายออกมา
และนั่นก็ทำให้บาเรียซึ่งตั้งใจจะเอาเรื่องกับเชเรญ่าให้ถึงที่สุดต้องทิ้งความตั้งใจนั่นลง แล้วแยกตัวมาทิ้งสะโพกกลมลงบนลังไม้ในท่านั่งชันเข่า กระนั้นยังมิวายตวัดสายตามิพอใจมายังเชเรญ่าอีก
“เป็นเพราะเจ้านั่นล่ะเชเรญ่า เป็นเพราะเจ้าคนเดียว หากเจ้าไม่มอบเงินจำนวนนั้นเป็นค่าผ่านประตูเมือง เรื่องแย่ ๆ แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับคณะระบำเร่ของเราหรอก”
“พูดอย่างนี้ก็ไม่งามสิบาเรีย เชเรญ่ามีน้ำใจกับพวกเรา เหตุใดถึงยกหตุสุดวิสัยนี้ให้เชเรญ่ารับคนเดียวด้วยเล่า หากจักโทษ เจ้าต้องไปโทษผู้ปกครองจามอลนั่นต่างหาก ที่ปล่อยปละละเลยให้โจรในเครื่องแบบออกมาเดินเพ่นพ่านรีดไถประชาชนตาดำ ๆ เช่นนี้”
คำชี้แจงพร้อมเหตุผลของนางระบำร่วมคณะทำให้บาเรียหุบปากเงียบในทันที นางกระทืบเท้าที่สวมสร้อยลูกกระพรวนเป็นการระบายอารมณ์ ก่อนล้มตัวลงนอนข้างหีบใบโตโดยไม่สนใจใครอีก
ส่วนเชเรญ่าได้แต่เบะปากไหวไหล่ให้กับกิริยาของสหายรัก
“อย่าถือสาบาเรียเลยเชเรญ่า บาเรียอาจกำลังวิตกเรื่องยูโซฟ ยังไงคืนนี้พวกเราที่เหลือมาช่วยคิดแผนการช่วยเหลือพี่น้องของเราดีกว่า”
เชเรญ่าพยักหน้ารับ จากนั้นจึงมานั่งล้อมวงระดมความคิด เพื่อ ‘เอาคืน’ กับทหารทางการที่บุกมารังแกพวกพ้องของนาง...
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว