รัชนีไม่ชอบอาหารรสจัดกลิ่นเครื่องเทศฉุน เธอจึงได้กินแต่อาหารเลี่ยนๆ พวกนั้น
เธอต้องงดอาหารรสจัดกลิ่นรุนแรง ของฝากที่กันตามักส่งไปให้จึงเป็นของกินแม่ครัวเสียส่วนใหญ่ เธอได้แต่แอบกินกับสาวใช้ในครัวเพราะผู้เป็นย่าสั่งห้าม
“อยู่ที่โน่นไม่ได้กินหรือไง”
“ไม่เคยได้กินเลยค่ะ หรือนานๆ จะได้กินสักครั้งแต่น้อยมาก” เธอตอบตาวาว เลื่อนจานให้เขาตักข้าวสวยร้อนๆ ให้ก่อนจะหันไปตักใส่เจียวหมูสับใส่จานราดด้วยน้ำพริกกะปิ กลิ่นหอมของมะนาวทำให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ส่วนมากหญ้าหวานต้องไปงานเลี้ยงกับคุณย่าน่ะค่ะ” ญารินดาพูดออกตัวเพราะนึกได้ว่ากันตามักส่งของฝากพวกนี้ไปให้ แต่ผู้เป็นย่าไม่ชอบอาหารกลิ่นรุนแรงและรสจัดจึงไม่ให้ขึ้นโต๊ะ เธอกลัวเขาจะน้อยใจแทนน้องสาวจึงอ้างไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไรมากมายนัก
“นึกว่าจะชอบกลิ่นเมืองกรุงมากกว่าบ้านป่า” กริชไทไม่ซักไซ้หรือติดใจสงสัยอะไร เขากลับถามเรื่องที่เธอพูดก่อนหน้า
“ใครบอกล่ะคะ กลิ่นบ้านป่าสดชื่นค่ะ อากาศดี สูดหายใจเข้าเต็มปอด สงบเงียบ รับประทานอาหารก็อร่อยด้วย หญ้าหวานชอบที่นี่ที่สุดเลยค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้กริชไทหัวใจพองโต เขายังนึกหวั่นว่าเธอจะอยากอยู่เมืองกรุงมากกว่าบ้านป่าแบบนี้
“อืม... อร่อยมากๆ เลยค่ะ” เธอเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ก่อนจะเอ่ยชมเมื่อกลืนข้าวเรียบร้อยแล้ว
“อร่อยก็กินเยอะๆ นะ” เขายิ้มตามเมื่อเห็นเธอมีความสุข
“ต้องกินเยอะๆ อยู่แล้วค่ะ ก็พี่กระทิงสูบพลังหญ้าหวานเสียหมด”
“แค่กๆๆๆ” กริชไทสำลักเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
ญารินดาหัวเราะคิก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หยิบมะเขือกรอบๆ ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำวางลงในจานก่อนจะตักน้ำพริกราด เธอนึกชื่นชมในฝีมือทำอาหารของเขา กริชไทคงได้สูตรเด็ดมาจากรุ้งรติมาเพราะนางทำอาหารอร่อย จำได้ว่าเขาเข้าครัวช่วยมารดาตั้งแต่เด็ก
นอกจากจะทำอาหารอร่อยแล้ว เขายังช่างตกแต่งจานแลดูสวยงาม อาหารพื้นๆ แต่กลับดูมีระดับอย่างไม่น่าเชื่อ เธอหยิบใบบัวบกที่เขาม้วนกลมๆ มัดกับลำต้นมาจิ้มน้ำพริกและเคี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยและยังมีพืชผักพื้นบ้านสดๆ อีกหลายอย่างชวนให้น้ำลายไหล
“ปลาช่อนแดดเดียว ชิมดูสิ ไม่เค็มนะ”
“หอมมากเลยค่ะ อืม... แล้วก็อร่อยไม่เค็มด้วยค่ะ พี่กระทิงทำเองเหรอคะ”
“ทำเอง” เขาตอบแล้วตักไข่เจียวหมูสับให้เธออีก
“เก่งจังเลยค่ะ”
“กินเยอะๆ นะ นี่ถือว่าเป็นอาหารมื้อแรกที่พี่เลี้ยงต้อนรับหญ้าหวานด้วยตัวเอง”
“โห... อาหารเลี้ยงต้อนรับบ้านนอกมาก” เธอทำเสียงสูง
เขาหน้าหมองลงทันที ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“แต่อร่อยมากๆ เลยค่ะ อร่อยสุดๆ ไปเลย หญ้าหวานจะฟาดให้เกลี้ยงเลย” เธออมยิ้มเจ้าเล่ห์ ชอบใจที่ได้แกล้งเขา
“ทำไมชอบแกล้งพี่นักล่ะ” เขาเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“ก็พี่กระทิงน่าแกล้งนี่คะ ดูซื่อๆ ดี”
“พี่ดูโง่มากหรือไง” เขาถามหน้าตูม
“ก็นิดหน่อยค่ะ ว้าย! ฮ่าๆๆ” ญารินดาหัวเราะร่วนเมื่อเขาดึงเธอไปนั่งบนตัก เธอโอบกอดรอบคอหนาเอาไว้มองสบตาอย่างท้าทาย
“สนุกมากเหรอที่แกล้งยั่วพี่จนหัวหมุน จะฟันแล้วทิ้งใช่ไหม ได้แล้วไม่รับผิดชอบ ไม่ยอมแต่งงานกับพี่” เขาทำเสียงขึงขัง
จนเธอนึกเอ็นดู
“ผู้ชายอะไรขี้งอน ใครจะฟันแล้วทิ้งกัน หญ้าหวานไม่ทิ้งพี่กระทิงไปไหนหรอก มีแต่พี่กระทิงนั่นแหละที่หลบหญ้าหวาน ดูสิหนีมาอยู่ในสวนคนเดียว ถ้าหญ้าหวานไม่ตามมาจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไหมคะ”
“ก็กลัวเราไง กลัวหญ้าหวานมาป่วนแล้วพี่จะอดใจไม่ไหว”
“หือ...” ญารินดาที่ซบอกชายหนุ่มแต่แรกเงยหน้าขึ้นมอง จ้องตาแป๋วอย่างรอฟังคำตอบ
“ที่หนีมาไม่ใช่เพราะรำคาญ แต่กลัวจะอดใจไม่ไหวแบบนี้ไง” เขาสารภาพหน้าแดง บดจูบเธอเสียแทบปากช้ำ
ญารินดาหัวเราะคิก ซุกที่อกเขาอย่างออดอ้อน
“พี่กระทิงเป็นของหญ้าหวานตั้งนานแล้ว ไม่มีวันหนีหญ้าหวานพ้นหรอกค่ะ” เธอกระซิบอย่างผู้มีชัย
“พี่กลัวว่าพี่ไม่คู่ควร หญ้าหวานเป็นถึงหลานสาวคุณหญิง พี่เป็นแค่คนบ้านนอกคอกนา”
“แล้วสิ่งที่หญ้าหวานพิสูจน์ พี่กระทิงยังไม่เชื่ออีกเหรอคะ งั้นหญ้าหวานต้องพิสูจน์อีกแล้วใช่ไหม”
เธอบดเบียดสะโพกกับแก่นกายของเขา กริชไทร้องครางหน้าแดงจัดเมื่อตัวตนภายใต้กางเกงขาสั้นผงาดขึ้นมา เขาสวมเสื้อกล้ามสีครีมทำให้เธอสามารถสอดมือเข้าไปสัมผัสกับยอดอกสีเข้มได้อย่างถนัดถนี่ ร่องสะโพกเบียดชิดถูไถกับความเป็นชายที่กำลังตื่นตัว
“อ๊า... หญ้าหวานอย่าแกล้งพี่สิ พี่ทรมาน”
“หญ้าหวานจะทำให้หายทรมานนะคะ” ญารินดาแกล้งเบียดสะโพกถูไถบนหน้าขาของเขา แม้จะมีกางเกงกลางกั้นแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่ออารมณ์และความรู้สึกกระสันซ่านเลยแม้แต่น้อย
“พี่กระทิง แยกขาหน่อยสิคะ” ญารินดากระซิบบอกที่ริมหู เธอนั่งโหนกายกอดคอเขาเอาไว้ด้วยท่าทียั่วยวน
กริชไทแยกขาออก เธอเลื่อนมือจากยอดอกลงมาปลดซิบกางเกงขาสั้นของเขาแล้วลูบไล้แก่นกายใหญ่โตที่ห่อหุ้มด้วยกางเกงในสีเข้ม
“ใส่ทำไมไม่รู้ เห็นไหมว่าอึดอัดแล้วก็ถอดยาก” เธอบ่นงึมงำอยู่ข้างหูเขา นึกสงสารแก่นความเป็นชายที่ขดตัวอึดอัดอยู่ในกางเกงตัวน้อย
ญารินดาเลื่อนมือไปที่เอวหนาเกี้ยวเอาทั้งกางเกงและชั้นในชายลงไปด้านล่าง กริชไทยกสะโพกให้อย่างเต็มใจ ทำให้กางเกงทั้งสองตัวเลื่อนหลุดลงไปค้างอยู่ที่เข่า
“เดี๋ยวหญ้าหวานจะปลุกให้พี่ตื่นเองนะคะ” ญารินดาเลื่อนตัวลงไปคุกเข่าแทบเท้าชายหนุ่ม เธอใช้มือนิ่มเลื่อนกางเกงจากเข่าลงไปทางปลายขา พอถอดทิ้งไปแล้วก็ขึ้นมาถอดเสื้อกล้ามให้เขาดึงออกทางศีรษะก่อนที่มันจะปลิวไปที่พื้นอีกด้าน
ริมฝีปากจิ้มลิ้มละเลียดดูดกลืนส่วนปลายของความแข็งแกร่งสีแดงเรื่อ กริชไทคำรามลั่นเขาจิกมือกับขอบโต๊ะรับประทานอาหารด้วยความกระสัน แยกขาออกให้เธอกลืนกินเขาจนหมดเนื้อหมดตัว
“อ๊า... หญ้าหวาน” กริชไทร้องครางมือข้างหนึ่งละจากขอบโต๊ะสอดเสยเข้ามาในเรือนผมสลวยของเธอ เขาทรมานจนแทบขาดใจเพราะเธอทั้งดูดทั้งรูดไล้อย่างมีชั้นเชิง
“พี่กระทิงชอบไหมคะ หายทรมานแล้วหรือยัง”
“พี่ยิ่งทรมานต่างหาก โอ้ว...” กริชไทเกร็งตัวแต่เธอผละห่างจนเขาต้องประท้วง
“งั้นหญ้าหวานจะยิ่งทรมานพี่กระทิงดีไหมคะ” ญารินดายืนประจันหน้าชายหนุ่มในขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม มือบางช้อนทรวงอกอวบไปที่ปากของเขา
กริชไทไม่รอช้า เขารีบรวบดูดเข้าปากเสียทันทีด้วยความกระหาย
“อ๊ะ!” ญารินดาร้องครางเสียวซ่านจนขนลุกชันเมื่อถูกปากร้อนดูดอกจ๊วบจ๊าบไม่เบาแรงนัก เธอย่อตัวลงมาให้อกอิ่มตรงปากของเขาพอดี มือบางลูบไล้เรือนผมดกหนาของเขาไปมาด้วยความรัญจวนใจ
“อย่าดูดแรงสิคะ อื้อ...” เธอประท้วงน้อยๆ เมื่อเขาขม้ำดูดเธอจนเสียวปลาบไปทั้งร่าง ร่องรักของเธอกำลังฉ่ำเยิ้มด้วยหยาดน้ำหวานที่ไหลรินออกมาตามอารมณ์พิศวาสที่ถูกปลุกขึ้นมา
“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวหญ้าหวานจะช่วยพี่กระทิงเองนะคะ” ญารินดาลูบศีรษะของเขาไปมาก่อนจะดึงใบหน้าของเขาออกห่าง แล้วขยับขึ้นคร่อมหน้าขาของเขาเอาไว้
กริชไทมองภาพที่มือเล็กๆ เลื่อนไปกอบกุมแก่นกายชาย ประคองให้ตั้งขึ้นรอรับการสอดประสานจากกายสาว ญารินดากดกายฉ่ำเยิ้มของเธอลงไปหา ครอบครองเขาทีละนิดๆ ในจังหวะเนิบนาบ
สองร่างอ้าปากหอบ ร้องครางลั่นพร้อมกัน รู้สึกเสียวซ่านจับจิตจับใจ สะโพกผายกดพรวดลงไปมิดกายประสานเป็นหนึ่งพร้อมกับร่างทั้งคู่ที่กระตุกวูบผวากอดรัดกันกลมดิก เชื่อมประสานเป็นเนื้อเดียวกัน
เสียงหอบหายใจร้อนแรงเป่ารดกันถนัดถนี่ กริชไทบีบสะโพกผายจนมือเกร็งเส้นเลือดปูด กรามของเขากัดเข้าหากัน ใบหน้าเหยเก ริมฝีปากหยักหนาสีแดงจัดคำรามผสมกับเสียงหอบ
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว