เขย่ารักพญามาร-บทนำ (4)

โดย  วรรณิก/มาณีญา

เขย่ารักพญามาร

บทนำ (4)

…“มันยังเด็กอยู่นะครับคุณด็อกเตอร์” เสียงผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านที่ทำตัวเป็นกลางเอ่ยขึ้นเสียงดังกว่าใครเพื่อน เมื่อดูเหมือนตากับยายของทรายจะไม่ฟังเสียง ตั้งแต่ที่หลานหายหน้าหายตาไปทั้งวันทั้งคืนแล้ว และพอมาตามเอารุ่งสางก็พบว่าทรายอยู่ในห้องนอนกับคนร่างสูงในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว ตั้งแต่ที่เขาเปิดประตูมาแล้ว

“ผม ไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนี้” เจ้าของบ้านยังใจเย็นและยืนยันว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แม้ว่าหลักฐานจะมัดเขาไว้แน่น เพราะเด็กสาวตัวปัญหาดันกลัวความมืด ทำให้พอตื่นเช้ามา เธอก็รีบวิ่งแจ้นเข้าไปในห้องของเขา อย่างน้อยก็รู้สึกปลอดภัยมากกว่า เธอทนนอนข้างนอกด้วยน้ำตา กว่าจะหลับก็แทบแย่ แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าเธอต้องย่องเข้าห้องเขา อย่างน้อยในห้องนั้นก็มีคนตัวเป็นๆ ไม่ใช่ผีสางที่เด็กสาวอย่างเธอหวาดกลัวคิดวกวนจนนอนแทบไม่ได้

“อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ถ้าคุณด็อกเตอร์ไม่รับผิดชอบแต่งงานกับมันนะ ผมจะเอาขึ้นโรงพักจริงๆ” ตาแก่มีอายุท่าทางขึงขังเด็ดเดี่ยวที่สุดเอ่ยขึ้นอย่างมีอำนาจ

“ว่าไงนังทราย เอาแต่ร้องไห้ จะพูดอะไรก็พูดมา แกถูกข่มขืนหรือเปล่าฮะ!” ทรายเอาแต่ร้องไห้จริงๆ เธอกลัวเสียงดังแว้ดๆ และการบีบแขนอันเจ็บปวดจากยายของเธอ “บอกไปสิว่าแกถูกคุณด็อกเตอร์เอาทั้งคืน!” เสียงกัดฟันกระซิบเสี้ยมสอนอยู่ข้างหู พอเธอจะส่ายหน้า ลำแขนเล็กก็ถูกระชากสุดแรง จนหัวสั่นหัวคลอน “ยายหนูเจ็บ” เธอพูดเบาๆ พลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตา

“ถ้าไม่อยากจะเจ็บก็บอกไปตามที่ฉันสั่ง พูดไปสิ!”…


มือหนาใหญ่ตั้งใจเชยคางแหลมเล็กขึ้น เพื่อบังคับให้เธอมองสบตากับเขา ชายหนุ่มมองเห็นความสั่นไหวในดวงตากลมโตนั้น “ยังกลัวฉันอยู่หรือไง” เขาถามเสียงนุ่ม พิศมองดวงหน้าที่ไม่หวานไม่เปรี้ยวซะทีเดียว จะว่าไปทรายค่อนข้างจืดชืดด้วยซ้ำ

“ค่ะ” เธอตอบตามความจริง เธอกลัวเขามาก ไม่ว่าครั้งนั้นหรือครั้งนี้ เขากระตุกยิ้มพอใจกับความหวาดกลัวของเธอ สำหรับเขาแล้วมันสนุกสิ้นดี

“ก็ต้องกลัวสินะ ในเมื่อเธอทำให้ชีวิตโสดของฉันมันพังไม่เป็นท่า” มือหนาเริ่มบีบหนักๆ และเธอก็พยายามสะบัดใบหน้าหนีแต่มันไม่ได้ผลหรอก “กลัวฉันลนลานขนาดนี้ ถามจริงๆ เถอะว่าจะอยากมาเป็นเมียฉันทำไม”

“ด็อกเตอร์คะ คือเรื่องนี้เราต่างก็รู้ดี”​ เธอตอบเขาเสียงไม่ชัดเจนนัก เพราะถูกเขาบีบคางไว้อยู่อย่างนั้น น้ำใสๆ ของเธอมันเริ่มไหลรินลงมา แต่คนตัวใหญ่ที่เธอเคยหวาดกลัวก็มิได้เห็นใจกันเลย “รู้ดี?” มุมปากของเขากระตุกขึ้นมาอีก “อะไรคือรู้ดี ญาติของเธอน่ะเหรอที่ว่ารู้ดี”

หญิงสาวไม่ตอบคำถาม แต่ยังคงพยายามสลัดใบหน้าออกจากมือที่บีบหนักๆ มายังคางของเธอเช่นเดิม

“ทรายเจ็บค่ะ”

น้ำตาของเธอไหลรินลงมาตามพวงแก้ม เขานำมืออีกข้างยกขึ้นเช็ดออกให้เบาๆ “เธอใช้น้ำตาเรียกคะแนนสงสารได้ค่อนข้างดีทีเดียว ไม่มีแผนอื่นหรือไง”

เขายอมปล่อยให้ใบหน้าของเธอเป็นอิสระ และปล่อยให้เธอถอยกรูดไปไกลติดกับกำแพงอีกฟากหนึ่งของห้องนอนขนาดใหญ่ ชายหนุ่มเลื่อนมือไปกดล็อกประตูห้องนอน เพียงเท่านั้นทรายก็แทบจะทรุดลงไปต่อหน้าเขา

“ด็อกเตอร์จะทำอะไรคะ”

“จะอาบน้ำ” คนร่างสูงเดินเข้ามาหาเรื่อยๆ เธอหนีเขาไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว

“คนอาบน้ำมันต้องถอดเสื้อถอดผ้า ในเมื่อจะมาเป็นเมียฉัน ก็ต้องหัดทำ”

“ทำอะไรคะ”

“ถอดเสื้อให้ฉันไง เริ่มจากแกะกระดุมนี่แหละ”

ทรายกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก เธอยื่นมืออันสั่นเทาขึ้นแกะเอากระดุมของเขาออกทีละเม็ด ดวงตาสีนิลมองผ่านมัดกล้ามของคนรุ่นสามสิบกลางๆ แผงหน้าอกของเขามีให้เห็นอยู่รำไร ไม่มากเกินไปแต่ก็ไม่ได้จางจนจะมองไม่เห็น เส้นขนไล่ยาวจากอกหนามาตามร่องท้องที่มองเห็นซิกแพ็กเป็นรอนพองาม พลันเธอก็รู้สึกมวนท้อง ความวูบวาบพานทำให้ร่างกายร้อนผ่าวไปหมด จนเมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกเธอแกะให้สำเร็จ หญิงสาวก็รีบถอยกรูดไปอีก

“แกะกระดุมแค่นี้ก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียว ถามจริงๆ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้หรือยังไง” คำถามบ้าๆ ของ ดร.คนเก่งทำให้ทรายต้องแหงนเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาสีนิลของเธอส่อแววสงสัยไม่แจ่มชัดกับคำถามนั้นเอาซะเลย

“ฉันหมายถึง ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาจีบมาใกล้หรือไง”

“ไม่มีค่ะ” ดูท่าว่าเธอจะตอบได้ทันที โดยไม่ต้องให้เขารอคำตอบนานนัก “อืม เธอก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดนั้นสักหน่อยนะทราย มันจะเป็นไปได้เหรอว่าจะไม่มีใครมาสนใจเลย”

“ไม่มีจริงๆ ค่ะ ทรายมีด็อกเตอร์คนเดียว”

เขาหัวเราะหึเบาๆ จากนั้นก็จัดการถอดเอาเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก เผยกล้ามท้องและกล้ามแขนให้เธอเห็นอีก ร่างกายของเขาไม่ได้แค่สูงน่ามองเพียงเท่านั้น แต่รูปร่างของด็อกเตอร์ไอศูรย์นั้นมันทำให้เธอใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆ ที่เธอกลัวเขา แต่เธอกลับหวั่นไหวกับร่างกายหนาใหญ่และทรงเสน่ห์ของเขาไปเสียได้

“มันก็แน่สิ ถ้าเธอขืนไปชายตาให้คนอื่น คุณย่าจะได้จัดการเธอปะไร”

เหตุผลนั้นทุกคนรู้กันเป็นอย่างดี ทรายต้องอยู่แบบคนมีคู่หมั้น แม้แต่นิ้วนางของเธอก็ต้องมีแหวนสวมใส่ไว้ตลอดห้ามถอด เหมือนตอนนี้ที่เขาเห็นมันวาววับในดวงตาสีดำของเขาเอง ซึ่งเขาจำวินาทีที่สวมใส่แหวนวงนั้นบนนิ้วนางของเธอได้ พร้อมกับสักขีพยานจากทางฝ่ายญาติของเธอ ที่ต่างก็โห่ร้องเพราะความดีใจ ทำราวกับว่าการที่ทรายหมั้นหมายกับเขานั้น เธอกำลังได้พบเจอความสุขที่สุดในชีวิต

แต่เขานี่สิ ชีวิตโสดถูกปลิดทิ้งไม่เหลือซาก

“ด็อกเตอร์ไปอาบน้ำเถอะค่ะ จะให้ทรายหาเสื้อผ้าให้ไหมคะ”

“เสื้อผ้าอะไร”

“ก็ เสื้อผ้าที่ด็อกเตอร์ต้องใส่หลังอาบน้ำไงคะ” คำตอบประสาซื่อทำให้เขาเผลอหัวเราะออกมาอีกจนได้ก่อนจะส่ายหัวไปมาด้วยความระอา “ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าเวลานอน” เธอกลืนน้ำลายลงคอไปแล้วก็รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก

“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวทรายเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าให้นะคะ” เธอรีบเดินก้มหน้าตรงไปยังกระเป๋าใหญ่หลายใบ จากนั้นก็ลากมันไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ของเขา และจัดการกับเสื้อผ้าที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป

“ฉันจะไปอาบน้ำ อาบเสร็จก็จะลองนอนพักหรือขออยู่คนเดียว ถ้าหากว่าเธอทำไม่เสร็จคืนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้มาทำต่อก็ได้” เขาสั่งแล้วเดินจากไป ทำให้ทรายเริ่มผ่อนคลาย เป่าลมออกจากปากด้วยความรู้สึกเบาโล่ง การอยู่ใกล้เขามันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย เธอเกร็งเกินไป ประหม่าเกินไป และต่อให้ผ่านมาแล้วห้าปีแต่การอยู่ใกล้เขา อาการแบบนี้ของเธอก็ยังเป็นเช่นเดิม

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว