เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน (นิยายแปล)-ตอนที่ 59 จิตไร้มลทิน

โดย  Novel Room

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน (นิยายแปล)

ตอนที่ 59 จิตไร้มลทิน

บทที่ 32 ฝากตัวเป็นศิษย์กับเจิ้งอวิ๋น


“คุณคือ...”


“หมอเจิ้งอวิ๋นเหรอครับ?”


หานชิงอวี่มองไปที่ชายชราที่อยู่ถัดจากจ้าวชิงซงตรงหน้าแล้วพูดอย่างลังเล


เมื่อได้ยินอย่างนั้น จ้าวชิงซงก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี พลางตบไหล่ชายชราที่อยู่ด้านข้าง


“ฮ่า ๆ ๆ เหล่าเจิ้ง ดูเหมือนว่าตอนนี้นายจะมีชื่อเสียงมากกว่าฉันอีกนะ”


“อัจฉริยะโรงพยาบาลเรามาถึงที่ของฉัน ยังไม่แม้แต่จะแนะนำให้รู้จักด้วยซ้ำ หรือต่อให้ฉันไม่เอ่ยแนะนำนายก่อน ชื่อเสียงของลูกนายก็มากอยู่นี่นา!”


“คราวนี้ตกลงกันได้แล้ว ได้มาเจอแบบตัวเป็น ๆ ขั้นตอนการผ่าตัดนายก็ได้เห็นแล้ว แถมคนก็ยังให้ความเคารพเขาอย่างมากทันทีที่เข้ามา เรื่องนี้ว่ายังไงล่ะ? นายจะต้องยอมรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์แล้วล่ะ!”


คำพูดของจ้าวชิงซง หานชิงอวี่ได้ยินทั้งหมด


แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีจุดที่ไม่เข้าใจอยู่


แม้ว่าเขาจะได้ยินคำพูดจนอยู่ในหัวหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น


อัจฉริยะ? รับเป็นศิษย์?


และคนตรงหน้าเขาคือหมอเจิ้งอวิ๋นจริง ๆ เหรอ? นั่นคือหนึ่งในแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดทั้งในประเทศและทั่วโลกเชียวนะ!


ตอนแรกที่เขามาโรงพยาบาลศูนย์ ก็คิดว่าหมอเจิ้งอวิ๋นยังดำรงตำแหน่งอยู่ที่นี่ แต่ก็ช่างโชคร้ายที่เพียงครึ่งเดือนก่อนหานชิงอวี่เข้าจะมาที่นี่ หมอเจิ้งอวิ๋นก็ถึงเวลาเกษียณซะแล้ว


แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ หมอเจิ้งอวิ๋นจะมาปรากฏตัวที่ห้องทำงานคณบดีของโรงพยาบาล


เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของหานชิงอวี่ จ้าวชิงซงก็หัวเราะอีกครั้ง


“หมอเจิ้งอวิ๋นไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของเราด้วย หลังจากที่ฉันถูกเชิญกลับมารับตำแหน่งในช่วงสองวันที่ผ่านมา ฉันก็ยุ่งอยู่กับเรื่องเชิญกลับมารับตำแหน่งของหมอเจิ้งอวิ๋นนี้แหละ”


“สำหรับเรื่องอาจารย์ หมอเจิ้งอยากจะรับลูกศิษย์คนสุดท้ายมาโดยตลอด และเสี่ยวหาน ทักษะของนายค่อนข้างดี ดังนั้นเราจึงเห็นพ้องต้องกันว่านายค่อนข้างเหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของหมอเจิ้ง”


“ยังไงฉันก็อยากถามความคิดเห็นของนายด้วยว่า นายอยากหรือไม่อยากเรียนกับหมอเจิ้ง”


หานชิงอวี่ตกตะลึง คำพูดของจ้าวชิงซงทำให้เขาสับสน


ถามตัวเองว่าอยากเป็นลูกศิษย์ของหมอเจิ้งอวิ๋นไหมเนี่ยนะ? ล้อเล่นกันหรือเปล่า!


รู้ไหมว่า หมอไม่ใช่แค่เป็นอะไรก็จ่ายยาตามเนื้อหาในหนังสือเท่านั้น สำหรับโรคทั่วไปหรือโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำตามวิธีนี้ได้


แต่ถ้าเป็นโรคร้ายแรงก็จำเป็นต้องวิเคราะห์เนื้อหาเฉพาะ แถมยังต้องอัปเดตตามอาการ พัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสมกับตัวเองอีก


ซึ่งหมอเจิ้งอวิ๋นก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้


เรียกเขาได้ว่าเป็นป้ายทองคำ*[1]ของโรงพยาบาลศูนย์เลยก็ได้ เมื่อก่อนมีคนไม่น้อยต้องการมาที่โรงพยาบาลศูนย์เพื่อตีสนิทกับหมอเจิ้งอวิ๋น แต่ก็ไม่ได้ผล แค่มองก็ดูออก เขาคงหมกมุ่นอยู่แค่กับวิชาการแน่


คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่หมอเจิ้งอวิ๋นถูกเชิญกลับมาทำงาน จะมีความคิดที่จะรับศิษย์อีกครั้ง!


อยาก เขาอยากแน่นอน !


หานชิงอวี่จึงเปิดปากพูดว่า “ผมอยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้แน่นอนครับ แต่ผมไม่รู้ว่าหมอเจิ้งอวิ๋นคิดอย่างไรบ้าง”


ขณะที่พูด เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหมอเจิ้งอวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่ง


ชายชราหัวล้านที่นั่งอยู่ข้างจ้าวชิงซง ในที่สุดเวลานี้ก็เผยยิ้มน้อย ๆ ออกมา


“ตอนผ่าตัดเมื่อกี้ ฉันดูวิดีโอผ่าตัดของนายแล้ว ความมั่นใจในฝีมือค่อนข้างดีทีเดียว”


“ฉันจะถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากถ้าได้เป็นอาจารย์ของนาย”


ในใจหานชิงอวี่รู้สึกตื่นเต้นทันที


ดูจากสีหน้าของหมอเจิ้งอวิ๋นตรงหน้า เขาน่าจะ… ตกลงแล้วใช่ไหม? !


เมื่อเห็นความตื่นเต้นที่ฉายชัดบนใบหน้าของหานชิงอวี่ ทั้งจ้าวชิงซงและเฉินกั๋วกวงก็ต่างเผยยิ้มออกมา


“ยินดีด้วยนะเสี่ยวหาน”


ในขณะนั้นเองที่ หานชิงอวี่ถึงเข้าใจขึ้นมาทันที


แสดงว่าที่หัวหน้าเฉินให้เขาทำการผ่าตัดเมื่อกี้นี้ เพราะหมอเจิ้งอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าอยากเห็นว่าเขาจะทำยังไงเมื่อต้องเผชิญกับการผ่าตัดสินะ


ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลล้วนมีกล้องติดอยู่ และการเชื่อมต่อสัญญาณกล้องมาที่ห้องทำงานนี้ไม่ใช่เรื่องยาก


เจิ้งอวิ๋นหยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะก้าวเดินมาหาหานชิงอวี่จนถึงที่นั่งถัดไปจากเขา และอธิบายเรื่องในแผนกที่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังจากฝากตัวเป็นศิษย์


สุดท้ายก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว งานทั่วไปก็จะได้ทำให้สำเร็จไปด้วยกัน


หลังจากที่เจิ้งอวิ๋นถูกเชิญกลับมาทำงานอีกครั้ง เขาก็ทำงานอยู่ในแผนกผู้ป่วยนอก ดังนั้นต่อไปนี้ หานชิงอวี่น่าจะถูกโยกย้ายไปยังแผนกผู้ป่วยนอกด้วย


...


เมื่อออกมาจากห้องทำงานของคณบดี ทั้งความตื่นเต้นเค้ากังวลและความตื่นเต้นแบบดีใจบนตัวหานชิงอวี่ยังคงไม่หายไป


ท้ายที่สุดแล้ว เจิ้งอวิ๋นคือหนึ่งในแพทย์ระดับแนวหน้าในแวดวงทางการแพทย์ในปัจจุบัน


ด้วยคำชี้แนะของอาจารย์เฒ่า บวกกับระบบของตัวเอง เชื่อว่าในอนาคตเขาจะต้องเหมือนเสือมีปีก*[2]แน่นอน


แต่เมื่อลงไปชั้นล่าง จู่ ๆ หานชิงอวี่ก็นึกเรื่องหนึ่งออก อารมณ์ที่เหมือนอยู่บนเมฆเมื่อกี้ก็ตกลงสู่ก้นเหวทันที


ไม่กี่นาทีต่อมา แพทย์หนุ่มอัจฉริยะก็ปรากฏตัวที่ออฟฟิศแผนกฉุกเฉินอีกครั้ง


แม้ว่าพรุ่งนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนที่ทำงาน แต่ตอนนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการด้วยตัวเองอย่างเร่งด่วน


เมื่อคิดได้อย่างนั้น หานชิงอวี่ก็เดินไปถึงข้างโต๊ะทำงานของไป๋ปิง ก่อนจะเคาะลงบนโต๊ะสองครั้งเบา ๆ


“หมอไป๋ เวลาว่างหลังเลิกงาน มากินข้าวที่บ้านผมหน่อยได้รึเปล่า...”


ไม่รอให้หานชิงอวี่พูดจบ ไป๋ปิงมองไปรอบ ๆ อย่างกังวลใจ


และไม่นานหลังจากนั้น เธอกดเสียงต่ำพูดพร้อมสายตาที่แน่วแน่ “ไม่มีทาง!”


ครั้งก่อนที่ไปกินอาหารเย็นที่โรงแรม ความขุ่นเคืองระหว่างเธอกับหานชิงอวี่ก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว คุณปู่คุณย่าที่คอยเฝ้าดูเธอเติบโต หลังจากที่เจอชายตรงหน้าแล้ว ก็มาเร่งเร้าให้เธอรีบแต่งงานอยู่นั่นแหละ


พูดตามตรง เมื่อได้พบกับหานชิงอวี่ครั้งแรก เธอมีความรู้สึกดีต่อเขาอยู่ไม่น้อย


ทว่าตั้งแต่เรื่องนี้เกิดขึ้น ความรู้สึกดีที่มีต่อชายคนนี้กลับลดลงเรื่อย ๆ


แม้ว่าเรื่องนี้หานชิงอวี่ดูเหมือนจะไม่ผิดอะไร แต่ไป๋ปิงในตอนนี้รู้สึกแค่อยากเคารพนับถือแต่ไม่ขออยู่ใกล้


หานชิงอวี่มองไปที่หญิงสาวตรงหน้า มีระลอกแห่งความไม่สบายใจเกิดขึ้นในจิตใจเขา


ท้ายที่สุดตัวเขาไม่ได้มองหาใครหรือยั่วยุใคร เห็น ๆ อยู่ว่าเพียงเพื่อทำภารกิจที่ครอบครัวกำหนดไว้ให้สำเร็จเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องทำให้ตัวเองอึดอัดใจเหมือนคนโรคจิตแบบนี้!


หลังจากครุ่นคิดสักครู่ หากไม่สามารถพาไป๋ปิงกลับบ้านเขาหลังเลิกงานได้ กลัวว่าจะไม่มีวันได้ใช่ชีวิตอย่างสงบสุขแน่ ๆ


แม้ว่าตอนนี้เขาจะอาศัยอยู่ในบ้านเช่าที่เพิ่งเช่าใหม่ แต่ด้วยวิธีของแม่ ไม่มีใครรู้หรอกว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะมาโรงพยาบาลเพื่อช่วยเขาลาออกจริง ๆ หรือเปล่า


เขาเพิ่งจะฝากตัวเป็นศิษย์ของเจิ้งอวิ๋น โอกาสที่ล้ำค่าแบบนี้เขาจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด


ดังนั้นเขาจึงกุมสองมือกลางอก มองไป๋ปิงตรงหน้าแล้วพูดว่า “นี่เป็นคำชวนจากพ่อแม่ผม ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ผมก็จะกลับบ้านและบอกความจริง”


“ผมจะบอกว่า ไป๋ปิงดูถูกครอบครัวเรา แต่ครอบครัวเราก็ยัง…”


ครั้งนี้หานชิงอวี่เพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ถูกไป๋ปิงขัดจังหวะ


คิ้วของเธอเลิกขึ้นเล็กน้อย พลางมองไปยังคนตรงหน้าและพูดเพียงประโยคเดียว


“ทุเรศ!”


เธอรับปากกับคุณปู่คุณย่าแล้วว่าครั้งนี้เธอจะไปนัดบอดจริง ๆ หากคำพูดที่หานชิงอวี่พูดเมื่อกี้ถึงปากของพวกเขา ไป๋ปิงก็ไม่กล้าที่จะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น


ดังนั้นหลังจากพูดสองคำนี้ออกไป


ไป๋ปิงจ้องมองหานชิงอวี่เขม็ง จากนั้นเดินไปที่บ้านของหานชิงอวี่พร้อมกับเขา


[1] ป้ายทองคำ อุปมาว่าโอ้อวด ส่วนมากจะหมายถึงโอ้อวดเกินจริง

[2] เสือมีปีก อุปมาว่ามีอำนาจเก่งกล้าอยู่แล้ว เสริมความสามารถให้มากขึ้น


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว