66. ลูกหนี้เนื้อหวาน -1

โดย  เบนจี้/B.J./BENJE

66. ลูกหนี้เนื้อหวาน

1

มีนา พฤศจิกา นั่งบีบมือตัวเองไปตลอดเส้นทางที่นั่งรถไปยังไร่เมษายน เธอเรียนจบกลับมาพบว่าที่บ้านมีหนี้สินก้อนใหญ่ ด้วยความที่เป็นพี่คนโตเธอจึงต้องเดินทางมาที่นี่เพื่อไกล่เกลี่ยหนี้สินกับมารดาเลี้ยง

หลังจากมารดาของเธอเสียชีวิตบิดาก็สมรสใหม่กับสราญ รวมถึงให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนคือมนัส เธอไม่ค่อยสนิทกับมารดาเลี้ยงสักเท่าใดนัก แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับท่านจึงเคารพท่านเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นับถือคนหนึ่ง

“น้าสราญคะ นายหัวเมษใจดีไหมคะ” เธอเอ่ยถาม จริงๆ เธอไม่สมควรจะหาความใจดีจากเจ้าหนี้เลยสักนิด ดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบเช่นนี้มันผิดกฎหมายแต่คนหลายคนก็ยังจะกู้เงินเพื่อให้ได้ใช้จ่ายประคับประคองชีวิตครอบครัว

“ใจดีจ้ะ ตอนคุณเจิดเสียน้ามีปัญหาเรื่องการเงินก็กู้จากป้าของนายหัวเมษนี่แหละมาให้หนูใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน” สราญพูดแล้วยิ้มให้กำลังใจ นั่นยิ่งทำให้มีนารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมารดาเลี้ยงยิ่งนัก อาจเพราะว่าท่านคอยส่งเสียให้เธอเล่าเรียนหลังจากบิดาเสียและพบว่าบิดามีหนี้สินมากมาย

“ถึงแล้วจ้ะ นั่นไงไร่เมษายน” สราญรีบพูดก่อนจะลงจากรถตู้ เธอลงทุนเช่ารถเพื่อพาลูกเลี้ยงหน้าโง่มาส่งให้เมษถึงที่ไร่ นอกจากใช้หนี้เมษแล้ว ต่อไปเธอก็จะพายายลูกเลี้ยงซื่อบื้อนี่ไปเร่ขายให้เสี่ยกระเป๋าหนักอีกหลายคน อุตส่าห์ส่งให้เรียนยังไงก็ต้องถอนทุนคืน

ลองได้เสียตัวครั้งแรกไปแล้วครั้งต่อไปก็คงไม่กล้าหืออีก มีนาเดินตัวลีบเล็กเข้าไปในบ้านเรือนไทยหลังโอ่อ่า

“นี่นายหัวเมษจ้ะหนูมีน” พอมารดาเลี้ยงแนะนำเธอก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างอ่อนน้อมในทันที ได้สบตาคมกล้านั้นแล้วรู้สึกสะท้าน ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างไรชอบกล หญิงสาวจึงรีบหลบสายตาคมกริบนั้นเป็นพัลวัน

“มากันแล้วเหรอครับ ได้เวลารับประทานอาหารพอดี กินไปคุยไปจะได้ไม่เสียเวลานะครับ” เมษ เมษายนพูดขึ้น

เมษเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองที่ดูน่าเกรงขาม เขายังดูหนุ่มแน่นกว่าอายุจริงมากนัก ตอนเขาลุกไปไปสั่นกระดิ่งเรียกสาวใช้ ร่างกายของเขาแลดูสูงใหญ่แข็งแรง ช่วงขาเพรียว แขนขาแข็งแรง กล้ามเป็นมัดๆ ผิวเรียบตึงสีแทน ใบหน้าเรียวคมสัน ปากหยักหนา ผมหยักศกสีดำสนิทรับกับดวงตาคมดุคู่นั้น

มีนาเผลอมองเขาจนสะดุ้งเมื่อเขาหันขวับกลับมามองเมื่อรับรู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่

“เรียนจบอะไรครับ” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบขรึม

“จบบัญชีค่ะ ให้มาช่วยทำบัญชีในไร่นายหัวก็ได้นะคะ” สราญเป็นคนตอบเสียเอง

“ตามที่ตกลงกันเอาไว้นะครับ ทำตามนั้นแหละ” เขาตอบเสียงเรียบเรื่อย ไล่สายตามองเด็กสาววัยยี่สิบสองไม่วางตา

มีนาคิดว่าที่มารดาเลี้ยงตกลงกับเมษคงเป็นเรื่องให้เธอมาทำงานใช้หนี้ในไร่นั่นเอง เธอเองไม่ได้เกี่ยงงอนเพราะนอกจากใช้หนี้แล้วยังต้องส่งเสียน้องชายคนเดียวให้เรียนหนังสืออีก มารดาเลี้ยงส่งเธอเรียนจนจบแล้วเธอก็ควรที่จะส่งน้องชายให้เรียนจนจบด้วยเช่นกัน

“กระเป๋ามีแค่นั้นใช่ไหม” เมษเอ่ยถามเสียงขรึมตามนิสัย เหลือบสายตาไปมองกระเป๋าใบเล็กๆ ของหญิงสาวแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ใช่ค่ะ” สราญเป็นคนตอบทั้งหมดเพราะมีนาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ย เจ้าหนี้ของครอบครัวดูเคร่งขรึมหน้าเกรงขามไม่น้อย

“รับประทานอาหารกันเถอะครับ อาหารพร้อมแล้ว” หลังจากที่สาวใช้ยกอาหารมาจัดลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เมษก็เอ่ยชวนสองแม่ลูกรับประทานอาหาร แล้วเขาก็เงียบกริบ จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก

“เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง” เมษเอ่ยบอกมีนา ในขณะที่สราญต้องรีบกลับบ้านเพราะมีธุระอีกหลายอย่าง มีนารู้สึกใจหายที่มารดาเลี้ยงต้องรีบกลับแต่เข้าใจว่าท่านหวงบ้านไม่อยากทิ้งบ้านแล้วไหนจะน้องชายที่ต้องดูแลอีก

“น้าขอบใจหนูมีนมากนะจ๊ะ ความหวังทั้งหมดของครอบครัวน้าฝากเอาไว้กับหนูมีนนะจ๊ะ”

“น้าสราญเดินทางดีๆ นะคะ อยู่ที่นี่หนูจะตั้งใจทำงานค่ะ” มีนารับปากให้อีกฝ่ายคลายใจ

“น้าขอบใจหนูอีกครั้งนะจ๊ะ” สราญดึงร่างลูกเลี้ยงมากอด ยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะขึ้นรถตู้ที่รอรับอยู่ตรงหน้า หันมายิ้มให้ลูกเลี้ยงคล้ายให้กำลังใจอีกครั้ง

“ชอบห้องพักไหม” เสียงแข็งที่เอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งรีบหันกลับไปมอง เป็นเจ้าของบ้านหนุ่มและอีกสถานะหนึ่งคือเจ้าหนี้ของเธอนั่นเอง

“ชอบค่ะ”

“วันนี้เริ่มทำงานวันแรกนะ”

“ได้ค่ะ จะให้มีนทำอะไรสั่งมาได้เลยค่ะ” เธอรับคำเสียงสุภาพอย่างอ่อนน้อม

“ไปพักให้หายเหนื่อยอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน เดี๋ยวได้ทำแน่”


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว