“ข้าวอยากอาบน้ำแล้วค่ะ หิวข้าวแล้ว” เธอรีบบอกเขา พยายามหาทางเอาตัวรอดอีกครั้งในสถานการณ์วาบหวามเช่นนี้
“งั้นพี่อุ้มไปอาบน้ำนะ”
“ค่ะ” ตอบรับเขาอย่างอายๆ เพราะต้องเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาอีกแล้ว กลางคืนมันไม่สว่างเท่าตอนกลางวันแบบนี้
“ทำอะไรคะพี่กริช” เธอโดนเขาจับขึ้นนั่งบนตัก ให้หันหน้าเข้าหากัน
“พี่จะอุ้มพาไปอาบน้ำไง” เขากุมสะโพกงอนงามเอาไว้
“อุ้มอะไรท่านี้กันล่ะคะ” เธอว่าให้
“จับเอาไว้สิครับ” เขายกสะโพกของเธอขึ้น ชี้ชวนให้เธอกอบกุมแก่นกายของเขาเอาไว้ เธอทำตามอย่างงงๆ ก่อนจะครางเสียงสั่นๆ เมื่อเขากดสะโพกเธอให้โอบรัดแก่นชายตลอดกาย
“อ๊า... พี่กริช” เธอครางเสียงแหบโหยยามที่ได้หลอมรวมอีกครั้ง
เขาขยำสะโพกของเธอหนักหน่วง ทาบหน้าผากของเธอแล้วมองสบตาอย่างเอ็นดู
“ได้เดินขาถ่าง” เธออุบอิบบ่นกับเขาหน้าแดงจัด
“อะไรครับ” เขาถามเพราะได้ยินไม่ชัด
“ไม่มีอะไรค่ะ อ๊าย...” เธอร้องครางเมื่อเขาอุ้มแตงขึ้นพากระแทกกึกๆ เดินเข้าห้องน้ำ
อุ้งมือใหญ่ช้อนสะโพกผายของเธอวางบนเคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า เธอเกี่ยวขากับสะโพกสอบของเขา ซู้ดปากด้วยความเสียวซ่านเมื่อเขาเริ่มกระแทกจังหวะใหม่อีกครั้ง
“พี่กริช อ๊า...” เธอครางเสียงสั่นระริกแยกขาให้กว้างกว่าเดิม ให้เขานำพาความเสียวซ่านเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“รัดพี่แน่นเหลือเกิน” เขาครางเสียงแหบพร่ากระแทกกระทั้นเป็นจังหวะล้ำลึกไม่ยอมละห่าง เธอหวีดร้องยามที่เขาพาไปถึงสวรรค์อย่างรวดเร็วโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
“แปรงฟันกันก่อน” เขาจุ๊บปากน้อยเบาๆ จับเธอให้ยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่เมื่อต่างเสร็จสมอารมณ์หมาย หันไปจัดการบีบยาสีฟันให้เธออย่างใส่ใจ
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับแปรงสีฟันที่เขายื่นส่งมาให้แล้วกล่าวขอบคุณเบาๆเธอหน้าแดงขณะแปรงฟันแล้วเผลอสบตาเขาในกระจก
“มองพี่เหมือนจะกลืนกินอีกแล้ว” ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ เธอมองเขาด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง เขามองสบตาของเธอแล้วรู้สึกได้ถึงความรู้สึกมากมายที่ถ่ายทอดออกมาจากแววตาคู่หวานนั้น
“จริงเหรอคะ” เธอเอ่ยถาม ขณะที่บ้วนปากและเริ่มล้างหน้า
“จริงครับ” เขาดึงฝักบัวมาถือเอาไว้หลังปรับน้ำให้อุ่นพอประมาณ ราดรดไปบนเรือนร่างของเขาและเธอ ก่อนจะจัดการฟอกสบู่กลิ่นหอมกรุ่น ไปตามผิวกายเรียบตึง
“อืม... พี่กริช” เธอครางเมื่อเขากอดรัดมาจากทางเบื้องหลัง มือหนากอบกุมอกอวบอิ่มเอาไว้ ลูบไล้ไปมาเพื่อฟอกสบู่ให้เธอ ฟองสบู่ทำให้เขาสัมผัสเคล้นคลึงได้ลื่นมือนัก เธอครางแผ่วๆ สีหน้ามีความสุขเมื่อเขานวดเคล้นความอวบอิ่มทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม
“อื้อ...” ใบข้าวครางเมื่อเขาสะกิดยอดถันระรัวจนมันแข็งเป็นไตสู้มือของเขา ความเป็นชายกำลังเสียดสีอยู่ร่องก้น สายน้ำที่ราดรดมาบนเรือนร่างชำระล้างร่างกายของเธอกับเขา พร้อมด้วยความแข็งแกร่งที่คืบคลานเข้ามาในร่องสวาทอย่างไม่รีบร้อน
“พี่กริช” เธอร้องเมื่อเขาจับเธอหันไปตรงกระจกเงาบานใหญ่ ฝังท่อนกายมุดเข้ามาจนหมดสิ้น เธอมองเบื้องล่างแล้วหน้าแดง เขาสอดมือเข้ามาใต้รักแร้ดึงรั้งเธอมาหาแล้วกระแทก กระแทกไปเรื่อยๆ จนเธอร้องครางไม่เป็นส่ำ เข่าน้อยๆ งอไปด้านหน้าเพราะแรงรักร้อนแรงของเขา
“พี่เซ็กซ์จัดเพราะข้าวยั่วพี่”
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย อ๊า...” เธอว่าไม่เกี่ยวแต่เขาอยากให้เกี่ยวนี่สิ
“เกี่ยวสิครับ”
“เกี่ยวยังไงคะ” เอ่ยถามแล้วกัดปากตัวเอง เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“พี่กริชไม่ป้องกันเลย”
“ป้องกันทำไมครับ”
“ก็พี่กริชบอกว่ายังไม่แน่ใจในการคบกันของเรา”
“เราเข้ากันได้ดีแค่ไหน ข้าวก็เห็นนี่ครับ” เขาตอบเสียงหอบๆ เธอหลับตาซี้ดปากยามสัมผัสได้ถึงท่อนกายที่บดบี้เข้ามาหาในร่องสาวอย่างล้ำลึก
เขาคำราม ขยับมือไปกอบกุมปทุมถันอวบอิ่มเอาไว้ ก่อนจะครางยาวหลังจากที่เธอหวีดร้องเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาอย่างท่วมท้น
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็ลงไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกับเขาด้านล่าง เขาบอกว่าจะพาเธอไปเยี่ยมแก้วกัลยา แต่ไม่ยอมพูดอะไรอีก เธอจึงไม่กล้าถามเซ้าซี้อะไรนัก
“อาการของคนป่วยจะกลับมาเป็นปกติไหมครับพี่หมอ” คเชนทร์เอ่ยถามเดชเดชา รุ่นพี่ซึ่งเป็นหมอร่วมสถาบันเดียวกัน
“คงต้องใช้เวลาสักพัก ต้องกินยาร่วมด้วย ในระหว่างนี้ก็ดูแลเขาให้ดีๆ นะ” เดชเดชาบอกรุ่นน้องที่สนิทกันมาหลายปี
“ครับพี่” คเชนทร์ทอดสายตามองร่างบอบบางของคู่หมั้นสาวสวย แก้วกัลยาเป็นคู่หมั้นวัยเด็กของเขา เธอไม่อยากแต่งงานกับเขา... เขารู้ดี เพราะเขาไปหาทีไร เธอก็หลบหน้าหลบตา หนีไปเรียนกรุงเทพฯ อยู่หลายปี ในขณะที่เขาได้ทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอก หลังจากจบหลักสูตรที่เมืองไทยและเป็นหมออยู่หลายปี
เธอประสบอุบัติเหตุ มีคนพามาส่งโรงพยาบาล และเขาก็ได้เจอเธออีกครั้ง เขาแจ้งเรื่องนี้ให้พี่ชายของเธอได้รับรู้แล้ว อีกฝ่ายมาเยี่ยมแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาพูดคุยอะไรด้วย เพราะแก้วกัลยาความจำเสื่อมจากการสมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
เป็นสิ่งที่เขาอยากขอจากพี่ชายของเธอ คือขอให้เขาได้ดูแลเธอ ตอนแรกกริชไม่เห็นด้วย แต่เขาก็คุกเข่าขอร้อง กริชเห็นความรักและความตั้งใจจริงของเขามาโดยตลอดจึงเอ่ยอนุญาตให้เขาดูแลเธอ และช่วงนี้ก็ทำคะแนนไปด้วย เพราะเธอไม่เคยอยากเจอเขาเลยตลอดหลายปี
“แก้วเป็นยังไงบ้าง” เสียงของกริชเอ่ยถามขึ้น มองคนบนเตียงที่ยังนอนหลับอยู่ด้วยสายตาห่วงใย
“แก้วความจำเสื่อมครับ” กริชมองน้องสาวด้วยสายตาห่วงใย แต่สายตาอ้อนวอนของคเชนทร์ก็ทำให้เขาใจอ่อนเหมือนกัน คเชนทร์อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี อีกฝ่ายจึงเรียกเขาว่าพี่
ครอบครัวของคเชนทร์นั้นบิดามารดาเสียชีวิตหมดแล้วเช่นกัน แต่ได้หมั้นหมายลูกสาวและลูกชายกันเอาไว้ ตอนแรกจะให้เขาหมั้น แต่เพราะคเชนทร์เป็นชาย การหมั้นจึงไปตกอยู่กับแก้วกัลยาแทน เพราะแก้วกัลยาเป็นหญิง แถมบิดามารดาของคเชนทร์เคยช่วยชีวิตมารดาของเขาเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
“พี่ฝากด้วยนะ หวังว่าเชนจะดูแลน้องสาวของพี่ให้ดีเหมือนที่รับปากเอาไว้” เขาทนความตื๊อของคเชนทร์ไม่ไหว อีกทั้งก็มั่นใจว่าคเชนทร์เป็นคนดี เขาเลยใจอ่อน ยินยอมให้อีกฝ่ายได้ดูแลแก้วกัลยาตามที่ร้องขอ
“ผมสัญญาครับ รับปากว่าจะดูแลแก้วกัลยาให้ดีด้วยชีวิตของผมเลยครับ” คุณหมอหนุ่มรับปากด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี
“งั้นพี่กลับก่อนนะ ที่เหลือนายก็จัดการเองแล้วกัน” กริชตบบ่าว่าที่น้องเขยเบาๆ แม้จะหวงและห่วงน้องสาวแค่ไหน แต่หากแก้วกัลยามีคนดีๆ คอยดูแล เขาก็น่าจะหายห่วงมากกว่า เขาเข้าใจพื้นฐานของมนุษย์ว่าทุกคนต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง นอกจากคนที่ปฏิญาณตนว่าจะอยู่เป็นโสดจริงๆ จึงถือว่าเป็นข้อยกเว้น แม้แต่ตัวของเขาเองก็อยากมีครอบครัว มีภรรยาที่ดีมีลูกน้อยที่น่ารักไว้สืบทอดวงศ์ตระกูลและดูแลทรัพย์สินสืบไป
“ครับ ผมจะพาแก้วกัลยาไปพักฟื้นในที่อากาศดีๆ ครับ ในระหว่างนี้ต้องกินยาร่วมด้วย ไม่นานความทรงจำของเธอก็จะกลับมาครับ ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด ความทรงจำของเธอกลับมา เธอก็จะหนีผมเหมือนในอดีตอีก”
“เอาเถอะๆ พี่เข้าใจ” กริชตบบ่าว่าที่น้องเขยเบาๆ อีกครั้ง เอ่ยอนุญาตเพราะไว้ใจ ก่อนจะขอตัวลากลับ กริชจุมพิตหน้าผากของน้องสาวเบาๆ
“หายเร็วๆ นะ แล้วเราค่อยเจอกัน” เขาพูดกับน้องสาวที่ยังหลับลึกอยู่เบาๆ ด้วยความรักความห่วงใย ถึงแก้วกัลยาฟื้นขึ้นมาตอนนี้ก็จำเขาไม่ได้ กริชจึงต้องตัดใจ
“พี่กริชฝากแก้วไว้กับคนอื่น ไว้ใจได้หรือคะ” เพราะเป็นห่วงเพื่อน ใบข้าวจึงเอ่ยถาม
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว