กระสันสวาท-1

โดย  พันสิงห์

กระสันสวาท

1

“เฮ้ย!” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวหันไปมอง ได้ยินเสียงปืนดัง“เปรี้ยง” เธอไม่ทันได้ตั้งตัวทำได้แค่หลับตาแล้วก็รู้สึกว่าโดนกระชากอย่างแรงจนล้มกระแทกพื้น หญิงสาวมองเห็นชายหนุ่มอีกคนลุกวิ่งตามมือปืนไปแต่ไม่ทัน มือปืนขี่มอเตอร์ไซค์ไปเสียก่อน ชายหนุ่มมองตามไปหายใจหอบเหนื่อย ก่อนจะหันมาหาร่างบางที่เขาช่วยไว้ หญิงสาวมีผ้าคลุมใบหน้าแบบชาวสวนเนื้อตัวสั่นเทาแววตาหวาดกลัว

“คุณเป็นอะไรไหม?”
“ไม่เป็นไร ดีที่คุณมาช่วย” หญิงสาวรีบตอบเสียงสั่น สำรวจร่างกายรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ซ้าย เหลือบดูมีเลือดไหลซึมออกมา

“คุณโดนยิงแค่ถากๆ ไม่อันตราย ผมจะพาไปส่งโรงพยาบาล” ชายหนุ่มรีบเข้าไปดูแผลแล้วพยุงเธอขึ้นรถยนต์คันหรูไปโรงพยาบาล

หน้าห้องฉุกเฉิน
ชายหนุ่มนั่งเลื่อนโทรศัพท์เสื้อผ้าเปื้อนเลือด สักพักมีผู้หญิงคนหนึ่งมายืนหอบสีหน้าเป็นกังวล เขาปรายตามองเล็กน้อยแล้วเล่นโทรศัพท์ต่อ

“ญาติคุณนลินนาราค่ะ” พยาบาลออกมาเรียกชื่อญาติของคนเจ็บ

“ครับ”

“ฉันเองค่ะ” ชายหญิงสองคนพูดพร้อมกันก่อนจะหันมองหน้ากันงงๆ

“ทำแผลเสร็จเรียบร้อย ญาติชำระเงินและรับยาที่ช่องเจ็ดได้เลยค่ะ” พยาบาลเดินมาบอกกับคนทั้งสองแล้วเดินกลับไปยังห้องฉุกเฉิน

“คุณเป็นคนที่โทรหาฉันใช่ไหมคะ” เอมอรรีบหันมาถามชายหนุ่มข้างๆ

“ใช่ครับ เธอบอกให้ผมโทรหาคุณ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” พอรู้ว่ามีญาติคนไข้มาแล้วเขาเลยขอตัวกลับ

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยน้องฉันนะคะ คุณรออีกนิดได้ไหมนาราคงอยากขอบคุณเหมือนกัน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมมีธุระ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบนิ่งตัดบท แล้วเดินไปเขาแค่ผ่านมาเจอเหตุการณ์เลยช่วยผู้หญิงคนนั้นไว้ เขาแวะเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างคราบเลือด

เอมอรมองตามหนุ่มหล่อไปจนสุดสายตาอย่างเสียดาย ก่อนจะเดินไปชำระค่ารักษาแล้วเดินกลับมารับนลินนาราที่หน้าซีดเดินเซออกมาจากห้องฉุกเฉิน

“ไหวไหม คราวนี้พวกมันทำเกินไปแล้วจะไปแจ้งความกันเถอะ”

“ช่างเถอะพี่” นลินนาราตอบเนือย ๆ อ่อนเพลีย

“ครั้งที่แล้วขับรถเฉี่ยววันนี้ให้คนมายิงยังจะช่างอีกเหรอ ไอ้พวกบูรพจน์มันคุกคามเราต้องแจ้งความให้ติดคุกกันซะบ้าง” เอมอรประคองไปปากก็บ่นไปด้วยความโมโหไม่รู้จะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน

“แจ้งความไปก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้แล้วก็กลับมาทำเราอีก ไม่จบไม่สิ้นสักที”

“แต่ว่า...” เอมอรจะขัดแต่นลินนาราเปลี่ยนเรื่องคุย

“คนที่ช่วยนาราไว้ล่ะพี่” สายตาสวยมองหาชายหนุ่มที่มาช่วยเธอไว้

“เขามีธุระเลยกลับไปแล้ว”

“เสียดายจัง ยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย.....”

“พี่ขอบคุณแทนไปแล้ว ไม่รู้ว่าบังเอิญมาเจอกันได้ยังไงเนอะคนอะไรก็ไม่รู้หล่อมากสุภาพด้วย อยากได้เป็นสามี”

“เพ้อเจ้อ” นลินนารายิ้มอ่อนส่ายหน้าเบา ๆ เอมอรหัวเราะร่วนช่วยพยุงร่างบางไปเรียกรถแท็กซี่หน้าโรงพยาบาล อีกด้านหนึ่งของกำแพงภูวดลได้ยินการสนทนาของหญิงสาวทั้งสองคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเครียด ๆ

คฤหาสน์หรู ตระกูลบูรพจน์
รถหรูแล่นเข้ามายังคฤหาสน์ใจกลางเมือง ภูวดลเดินเข้าคฤหาสน์สีหน้าเคร่งขรึม เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกเห็นปิ่นมณีกับปานวาดสองแม่ลูกนั่งจิบไวน์พูดคุยหัวเราะกัน ทำให้เขาพอจะรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดมันต้องเป็นเรื่องจริง

“สั่งฆ่าคน ไม่กลัวติดคุกกันบ้างเหรอครับ” เสียงเข้มเริ่มเปิดการสนทนา ปิ่นมณีกับปานวาดชะงักมองตากันเลิกลักค่อย ๆ หันไปมองภูวดล

“พี่ภูพูดเรื่องอะไร” ปานวาดเก็บอาการกลบเกลื่อนความตกใจ

“เรื่องที่เธอสั่งคนไปยิงเมียน้อยไอ้ณุไง!” เสียงเข้มแข็งขึ้นใบหน้าขึงขัง เบื่อหน่ายที่ปานวาดเสแสร้งทำอย่างกับเขาเป็นคนโง่

“พวกเราไม่ได้ทำอะไรนะคะ” ปิ่นมณีแม่ของปานวาดและเป็นแม่เลี้ยงของภูวดลรีบพูดแทรกเสียงดัง

“แน่ใจเหรอ แล้วนลินนาราเป็นใคร?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสีหน้ายียวนอย่างรู้ทัน ปิ่นมณีชะงักหน้าเจื่อนพูดไม่ออก

“อีผู้หญิงหน้าด้านมันบอกอะไรพี่ มารยาเยอะใส่ร้ายคนอื่นเก่ง ผู้ชายที่นอนกับมันก็หลงหัวปักหัวปำทิ้งลูกทิ้งเมียไปหามัน อีนางร่าน อีสารเลว!” อยู่ ๆ ปานวาดก็ฟิวขาดลุกขึ้นมาตวาดพร้อมกับเดินปรี่เข้ามาหาภูวดล ด้วยแววตาแข็งกร้าวโกรธที่เขาพูดชื่อผู้หญิงที่แย่งสามีเธอ

“เขาไม่ได้ใส่ร้ายใคร มีแต่เราที่ทำร้ายเขา เลิกไปยุ่งกับเขาไม่อย่างนั้นพี่จะเป็นคนแจ้งตำรวจมาจับเธอ!”

“มันทำวาดก่อน มันพรากลูกพรากผัวไปจากวาด ๆ ต้องเจ็บปวดเจียนตาย แต่มันยังลอยหน้าลอยตามีความสุข แต่พี่ภูก็เข้าข้างมัน อีเมียน้อย อีสำส่อน กรี๊ด ๆ” ปานวาดกรีดร้องวาดอาละวาดอย่างหนักถลึงตาเกรี้ยวกราดจิกกระชากผมตัวเองดึงรั้งอย่างบ้าคลั่ง ภูวดลยืนอึ้งตาค้างไม่คิดว่าปานวาดจะอาการหนักขนาดนี้

“มีสติหน่อยวาด ฟังแม่สิลูก ใจเย็นๆ” ปิ่นมณีวิ่งมาโอบกอดปลอบลูกสาวหวังให้หยุดทำร้ายตัวเองแต่ไม่เป็นผล ปานวาดกรีดร้องโวยวายหนักขึ้นอย่างคนเสียสติ

“กรี๊ด วาดไม่ยอม ๆ กรี๊ด.........” สิ้นเสียงกรี๊ดปานวาดก็เป็นลมล้มพับร่วงลงพื้น ภูวดลพุ่งเข้าไปช่วยประคองร่างบางที่สลบใบหน้าสวยแดงก่ำชุ่มไปด้วยน้ำตา

“วาดเป็นขนาดนี้เลยเหรอครับ” สายตาคมสั่นไหวมองหญิงสาวที่เขาเคยรักในอ้อมกอดด้วยความเป็นห่วงเขาหนีไปอยู่ต่างประเทศนานเลยไม่เคยรู้เรื่องเธอ

“น้องโดนทำร้ายมาจิตใจหนักมาก แทนที่ภูจะต่อว่าควรเปลี่ยนมาช่วยน้อง”

“เกลียดยังไงก็ไม่ควรฆ่าใคร” เขาหันขวับเน้นคำพูดเตือนสติแม่เลี้ยง

“มันฆ่าวาดให้ตายทั้งเป็น ถ้ามันจะตายก็สมควร” ปิ่นมณีกัดริมฝีปากแน่นแววตาเลือดเย็น

“คุณป้ากำลังขาดสติ....”

“ถ้าคุณภูไม่ช่วยก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเถอะค่ะ ปล่อยให้พวกเราจัดการกันเอง” น้ำเสียงปิ่นมณีเยือกเย็นทำเขาใจหาย ความพยาบาทมันฝังลึกเข้าไปในหัวใจของสองแม่ลูก หน้าคมเคร่งเครียดเขาจะต้องทำยังไงเพื่อจะปกป้องคนในครอบครัวไม่ให้ทำผิดและผู้หญิงคนนั้นถึงเธอจะทำผิดกับคนอื่นแต่ก็ไม่สมควร “ตาย”




สามวันต่อมา

ร้านขนมหวาน

ร้านขนมหวานบุฟเฟ่ต์เปิดเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ มีบ้านทรงไทยสองชั้นอยู่ด้านหลัง ตัวร้านสร้างแยกออกมาตกแต่งแบบไทย มีการสาธิตทำขนมฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอดให้ลูกค้าได้ชมและร่วมทำเป็นกิจกรรมภายในร้าน ลูกค้ามาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก แทนที่จะมีผู้หญิงเยอะกลับกลายเป็นมีผู้ชายเยอะกว่า เพราะหนุ่มๆ มักจะมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับแม่ค้าร้านนี้โดยเฉพาะแม่ค้าหน้าหวานอย่างนลินนารา
“ถ้าไม่ไหวก็พักเถอะ เดี๋ยวพี่ทำเอง” เชยชมเอ่ยขึ้นเห็นนลินนาราทำท่างกๆ เงินๆ อยู่หน้ากระทะทองเหลืองสำหรับทำฝอยทอง

“ยังไหวอยู่จ้ะ” นลินนาราเสียงแจ๋วตั้งหน้าตั้งตาทำฝอยทองอย่างตั้งใจ เชยชมเลยเดินไปทำอย่างอื่นในร้าน

ช่วงสายลูกค้าทยอยเข้าร้าน บรรยากาศครึกครื้นเด็กๆ สนุกกับการทำขนมไทย ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก นลินนารานั่งประจำจุดทำฝอยทอง หญิงสาวหน้าหวานมัดมวยจุกเผยลำคอเรียว สวมเสื้อคอกระเช้าร่วมสมัยกับผ้าซิ่นเรียบร้อยแต่เห็นสัดส่วนเรือนร่างสวยงามได้รูป ผิวพรรณผุดผ่องเนียนละเอียดรอยยิ้มอ่อนหวานทำให้คนมองไม่อาจละสายตาได้ ลูกค้าชายไม่ว่าจะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างมองกรุ้มกริ่ม ไม่เว้นแม้แต่ภูวดลที่มาดูตัวต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องคลั่งก็ยังเผลอไผลไปกับความสวยงามตรงหน้า

“ค้างไปเลยเหรอไอ้ภู นี่แหละที่คนเขาลือกันว่าสวยหยาดเยิ้ม ข้าอยากมานั่งมองทุกวันเลย ถ้าได้เป็นเมียจะขังเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นแล้วก็...” เสนายิ้มเจ้าเล่ห์จินตนาการไปในทางลามก

“ข้างนอกสวยแต่ข้างในเน่าเฟะ” ภูวดลเบะปากสายตาเหยียดหยัน

“เฮ้ย! เขาเป็นแค่แม่หม้ายผัวสอง ไม่ใช่ความผิดเขาซะหน่อยใครมันจะอยากให้ผัวตายวะ” เสนาพูดต่อเสริมแล้วอมยิ้มมองร่างบางไม่วางตา ภูวดลเองก็มองหญิงสาวคนสวยอย่างครุ่นคิด นลินนาราเป็นคนสวยมากแต่ไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นเมียน้อยคนอื่น ในสายตาของเขาความสวยของเธอช่างไร้ค่าสิ้นดี

“แม่หม้ายผัวตายตั้งสองคนนายอยากเป็นคนที่สามหรือวะ” นิคมยกยิ้มเอ่ยแซวเพื่อนที่อยากได้ผู้หญิงกินผัว

“งั้นไม่เอาดีกว่าวะกลัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสนาหน้าตาเลิ่กลั่กแล้วหัวเราะขำกันกับเพื่อน ภูวดลยกยิ้มมุมปากตกขนมหวานเข้าปากพลางมองมาทางนลินนารา

ด้านเอมอรนั่งทำขนมสาธิตลูกค้าเงยหน้าขึ้นมาเห็นกลุ่มลูกค้าชายที่นั่งอยู่ในสวนลักษณะคุ้น ๆ จึงหรี่ตามองชัด ๆ

“ลูกค้าคนนั้นเหมือนคนที่ช่วยนาราตอนโดนยิงเลย”

“คนไหนจ๊ะ” นลินนาราหันขวับรีบวางมือจากการทำขนม เอมอรพยักพเยิดหน้าไปทางสวน เธอเลยหันมองตามเห็นชายหนุ่มหน้าคมเข้มหันมามองพอดีสายตาดุดันที่มองสบตากันในตอนนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขาคือคนเดียวกันกับที่ช่วยเธอวันนั้น เพราะเธอจำสายตาของเขาได้ ร่างบางรีบเขยิบตัวลุกเดินไปหาเขาทันทีด้วยความดีใจอยากขอบคุณผู้มีพระคุณสักครั้ง ด้านภูวดลกับเพื่อนนั่งงงอยู่ ๆ หญิงสาวที่เล็งไว้ก็เดินปรี่เข้ามาหา

“สวัสดีค่ะ คุณคือคนที่ช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ” เธอยิ้มน้อยๆ ใบหน้าหวานยิ่งหวานจับใจ ภูวดลนิ่งอึ้งกับความสวยตรงหน้าเหมือนหูดับไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร สวยจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้เห็นผิวขาวนวลเนียนรูปร่างหน้าหมดจดไร้ที่ติ ในวันนั้นเขาได้เจอเธอสวมเสื้อคลุมแขนยาวกางเกงขายาวหมวกสานใบใหญ่ผ้าปิดหน้าเหมือนชาวสวนชาวไร่ทั่วไปเขารู้แค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีดวงตาสวยหวาน ไม่คิดว่าภายใต้เสื้อผ้ามอซอนั้นจะปิดบังความงดงามของเธอไว้ และตอนที่ช่วยเธอตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร

“คุณคะ?” นลินนาราหน้าเจื่อนที่คุยด้วยแล้วเขาไม่ตอบ เสนากับนิคมรีบสะกิดแขนเพื่อนกันยิก ๆ จนเขาหลุดจากภวังค์

“ว่าไง”

“คุณคือคนที่ช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ”

“ใช่” หน้าคมเข้มบึ้งตึงน้ำเสียงนิ่ง เสนากับนิคมต่างหันมองหน้าด้วยสงสัยมากมาย

“ขอบคุณมากนะคะถ้าไม่ได้คุณวันนั้นฉันคงตายไปแล้ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยฉันยินดีที่จะ..” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณจากใจแววตาสั่นระริกคล้ายจะร้องไห้

“แค่ผ่านมาเจอก็เลยช่วยก็แค่นั้น ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีกผมไม่ต้องการรู้จักคุณ” ภูวดลตีหน้าเข้มน้ำเสียงดุดัน มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเหยียดๆ นลินนาราหน้าเหวออึกอักทำตัวไม่ถูกกับคำพูดรังเกียจและสายตาที่ดูถูก ร่างหนาลุกขึ้นยืนทันทีแต่ลืมไปว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าทำให้เกือบโดนตัวเธอภูวดลเหลือบมองลอบกลืนน้ำลายเมื่อใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวช่างเย้ายวนจนเขาใจสั่น เธอรีบก้าวเท้าเบี่ยงตัวหลบให้เขาได้เดินผ่านไปแล้วมองตามตาละห้อย

ภูวดลเดินไปที่รถหน้าตาขึงขังไม่สนใจเพื่อนที่มาด้วยกัน เมื่อขึ้นรถเขาก็มองเข้าไปในร้านเห็นเธอมองมาทางเขา

“อยากทำตัวสนิท ฮึ คิดว่ารู้ไม่ทันหรือไงอยากหว่านเสน่ห์ให้ติดกับดักเหมือนผู้ชายคนอื่นล่ะสิ มุกตื้น ๆ แบบนี้หลอกฉันไม่ได้หรอก” ใบหน้าคมแสยะยิ้มเหยียดหยันก่อนจะขับรถออกไป เพื่อนๆ ที่กำลังเดินตามมามองตามรถของเพื่อนที่ทิ้งกันไปดื้อ ๆ

“ทำไมเขาทำหน้าเหมือนไม่ชอบนาราเลย” เอมอรหันมองนลินนาราที่ยืนหน้าเศร้า

“ไม่รู้สิ อย่างน้อยก็ได้ขอบคุณแล้วเราไปทำงานหาเงินกันเถอะจ้ะ” หน้าสวยหันไปยิ้มเล็กน้อยแววตาเศร้ารู้ดีว่าที่เขารังเกียจก็คงเป็นเพราะฉายาดวงกินผัวของเธอที่ทำให้เป็นแม่หม้ายผัวสองไม่มีชายคนไหนอยากเข้าใกล้

คฤหาสน์หรู

“อีผู้หญิงหน้าด้าน มารยาเยอะ ผู้ชายที่นอนกับมันก็จะหลงหัวปักหัวปำทิ้งลูกทิ้งเมีย อีร่าน อีสารเลว!” เสียงปานวาดดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าของนลินนารายิ้มหวานสวยหยาดเยิ้มเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ

“ไม่มีทาง พี่ไม่มีทางหลงผู้หญิงคนนั้น!” ในขณะฝันเขาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับเห็นภาพเจ้าหล่อนเดินเข้ามาหาใกล้จนใจหวั่นไหว

“ไม่ ไม่!” ภูวดลร้องโวยวายสะดุ้งตื่น พบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงกว้าง ไม่น่าเชื่อว่าการเจอกันเพียงครั้งเดียวจะทำให้เขาเก็บมาฝันหรืออาจเป็นเพราะเขาคิดเรื่องผู้หญิงของเธอมากเกินไป

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว