จิตเทพอหังการ-ตอนที่ 5 หมัดแห่งจิตเทพ

โดย  Haruto Asakura

จิตเทพอหังการ

ตอนที่ 5 หมัดแห่งจิตเทพ

คำพูดของเฉิงเซียวดูมีเหตุมีผลในทุกๆ ประเด็น น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเย่หยู่นั่วกำลังสร้างเรื่องตบตาผู้คน

เย่หยู่นั่วอยากจะเถียงกลับไป แต่ท่าทางของเฉิงเซียวที่กำลังสร้างความกดดันอยู่นั้นทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ

ผู้คนโดยรอบเพิ่งจะได้สติ ต่างคนต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

“คิดว่าพวกเราโง่ยอมเป็นเครื่องมือของเธอหรือไง?”

“แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา โดนคัดออกก็แค่หางานใหม่ จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”

“จะทำอะไรก็ทุ่มเทไปเป็นเรื่องๆ สิ อย่าพยายามกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

“เอาสิ! ถ้าคุณอธิบายได้ พวกเราก็จะเชื่อ”

ท่ามกลางเสียงของผู้คนที่วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง เย่หยู่นั่วก็สะบัดหน้าเดินปึงปังออกไป


ตอนนี้คลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ลงบนอินเทอร์เน็ต และติดอันดับประเด็นร้อนของเว็บไซต์ดังอย่างรวดเร็ว

แต่สาเหตุที่ทำให้คลิปวิดีโอได้รับความสนใจนั้นไม่ใช่เพราะเย่หยู่นั่ว หรือเพราะประเด็นของการทะเลาะกัน ทว่าเรื่องนี้ดังเพราะหน้าตาและบุคลิกของเฉิงเซียวต่างหาก

กู้หนานถิงอ่านคอมเมนต์ในเว็บไซต์ มีแต่คนบอกว่า

[ผู้หญิงจากสายการบินไหนเนี่ย? ผมอยากนั่งเครื่องบินจังเลย เผื่อเราจะบังเอิญเจอกัน]

[ลูกสาวบ้านไหนกัน ทำไมถึงสวยและเท่ได้ขนาดนี้]

[ความจริงเธอสามารถใช้หน้าตาหากินได้แท้ๆ จะมาต่อปากต่อคำให้เสียเวลาทำไม]

กู้หนานถิงเคยเตือนเฉิงเซียวเรื่องคำพูด ส่วนเรื่องหน้าตาของเธอ... โชคดีที่เธอเป็นนักบิน ไม่เหมือนแอร์โฮสเตสที่ต้องใช้หน้าตาในการบริการ เขาไม่ค่อยพอใจกับการที่เฉิงเซียวกลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ ก่อนจะโทรติดต่อสายภายในและสั่งว่า “บอกให้เฉิงเซียวมาพบผมหน่อย”

ในตอนที่เฉิงเซียวเดินมาจากห้องทดลองปฏิบัติการก็เจอกับสายตามีเลศนัยของเซี่ยจื้อ

เฉิงเซียวยัดช็อกโกแลตในมือใส่ปากเธอ “เอานี่อุดปากเธอไว้ซะ”

เซี่ยจื้อหัวเราะจนสั่นไปทั้งตัว เฉิงเซียวไม่ได้สนใจเพื่อนรักอีก เธอเดินไปเคาะประตูห้องแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ หญิงสาวหันไปมองเซี่ยจื้อด้วยสายตามีคำถาม

เซี่ยจื้อจึงตอบว่า “เข้าไปเลยก็ได้ บอสไม่มีแขก”

เฉิงเซียวจึงผลักประตูเข้าไป ตั้งแต่เธอเข้าทำงานนี่นับเป็นการมาเยือนห้องทำงานของกู้หนานถิงครั้งแรก ห้องทำงานของเขากว้างขวางและสว่างไสว เรียบง่ายแต่มีสไตล์ที่สะท้อนความเป็นตัวเขาอย่างชัดเจน เฉิงเซียวมองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏบนผนังกระจก คิดถึงภาพเขาที่กำลังนั่งเครียดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน

ชายหนุ่มท่าทางเคร่งขรึมที่อยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบ ทุกครั้งเขาจะปรากฏกายด้วยภาพลักษณ์ที่ดูไฮโซเสมอ

คงเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู จู่ๆ ก็มีเสียงคนถามขึ้น“เฉิงเซียว นั่นคุณหรือเปล่า?”

เฉิงเซียวหันไปตามเสียงทางด้านซ้ายมือ เมื่อแน่ใจว่าเสียงดังมาจากห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องรับรอง เธอจึงตอบว่า “ค่ะฉันเอง” ในใจแอบคิดว่า ‘จะเข้าห้องน้ำก็เข้าไปสิ ฉันก็ไม่ได้เร่งอะไรสักหน่อยนี่แอบคิดอะไรไม่ดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย?’

แต่เธอกลับได้ยินเขาพูดว่า “มานี่หน่อยสิ”

‘ยังต้องไปหาอีกเหรอ?’ เฉิงเซียวไม่ยอมทำตาม เธอเดินไปนั่งรอที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา “ฉันรออยู่ข้างนอกแล้วกัน”

กู้หนานถิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น“เข้ามานี่หน่อย!”

เฉิงเซียวค้อนใส่เขา และพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณคิดจะทำอะไรน่ะ?”

กู้หนานถิงไม่ตอบ มีเพียงเสียงน้ำไหลออกจากก๊อกน้ำ

เฉิงเซียวยืนขึ้น ระหว่างที่เดินไปทางห้องน้ำก็เรียกเขาไปด้วย “กู้หนานถิง?” เมื่อเดินเข้ามาใกล้ถึงได้พบว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่ตอนนี้กู้หนานถิงยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ ส่วนน้ำในอ่างกลายเป็นสีแดงฉาน

“คุณเลือดกำเดาไหลเหรอ?” เฉิงเซียวรีบเดินเข้าไปหา มือหนึ่งจับคางของเขาไว้ อีกมือวักน้ำช่วยเขาล้างเลือด จากนั้นก็จัดการกดหัวของเขาที่กำลังแหงนขึ้นให้ก้มต่ำลง หญิงสาวดึงกระดาษทิชชูส่งให้เขา แล้วเอาน้ำเย็นแตะไปที่กระหม่อมและคอของเขา

กู้หนานถิงขมวดคิ้ว “หนาว!” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ร่างกายกลับยอมก้มต่ำอย่างว่าง่าย

“ลูกผู้ชายอกสามศอก จะกลัวอะไรกะอีแค่หนาว!” เฉิงเซียวดุ “ทำอย่างนี้ถึงจะห้ามเลือดได้”

กู้หนานถิงไม่เถียง มือหนึ่งค้ำอยู่ที่อ่างล้างหน้า ส่วนอีกมือประคองอยู่ที่เอวของเธอ

“ไปทำอะไรมาถึงได้เลือดกำเดาไหล นี่ไปดูอะไรที่ไม่ควรดูมาล่ะสิ?” เฉิงเซียวถามอย่างสงสัย

“เมื่อกี้เปิดโทรศัพท์แล้วเห็นคลิปที่คุณไปมีเรื่องกับเย่หยู่นั่วนั่นไง” กู้หนานถิงโวยวายกลับ

“เย่หยู่นั่วดูเร้าใจมากล่ะสิ?” เฉิงเซียวตอกกลับ

กู้หนานถิงค้อนเธอไปทีหนึ่ง “ถ้าเธอน่าเร้าใจจริง ผมก็คงไม่คัดเธอออกหรอก”

เฉิงเซียวถลึงตาใส่แล้วเอ่ยว่า “เพราะคุณจีบเธอไม่ติดล่ะสิถึงได้คัดออกแบบนี้”

กู้หนานถิงจี้เข้าไปที่เอวเธอครั้งหนึ่ง “นี่คุณเห็นผมเป็นพวกกินไม่เลือกเลยหรือไง?”

เฉิงเซียวตีหน้าผากเขาไปทีหนึ่ง “ชีวิตคนก็เหมือนละครตัดสินกันที่การแสดงเท่านั้น ไม่แน่ว่าแม้แต่คุณเองก็อาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้แบบไม่รู้ตัวก็ได้”

กู้หนานถิงหุบยิ้ม “ผมถูกความสวยของคุณจู่โจมเข้าต่างหากล่ะ พอใจรึยัง?”

เฉิงเซียวเลิกคิ้วอย่างไม่ถือสาหาความ “ยอมคารวะให้กับความสวยของฉันแล้วเหรอ?” เมื่ออาการของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว เธอก็ส่งผ้าขนหนูให้เขาเช็ดกระหม่อมและหน้าผาก “คงต้องอุดไว้อีกหน่อย” เธอพูดพลางหยิบกระดาษทิชชูสะอาดให้เขา

กู้หนานถิงรับกระดาษทิชชูมาอุดที่จมูกตัวเอง ก่อนจะตอบหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อืม”

เมื่อได้ยินคำตอบของเขา เฉิงเซียวจึงไม่พูดถึงประเด็นของเย่หยู่นั่วอีก เธอเพิ่งเห็นว่าเสื้อของเขาเปื้อนเลือดอยู่สองจุด “คุณมีเสื้อเชิ้ตสำรองไหม?”

กู้หนานถิงชี้ไปที่ห้องรับรอง “ช่วยหยิบให้ผมหน่อย ขอบคุณครับ”

เฉิงเซียวเดินตรงไปที่ห้องพักที่อยู่ภายในห้องทำงาน เธอเปิดตู้เสื้อผ้าออก ด้านในมีเสื้อที่แทบจะเหมือนกันแขวนเรียงกันอยู่รายละเอียดของเสื้อเชิ้ตแต่ละตัวก็ต่างกันไป เธอเลือกหยิบออกมาตัวหนึ่ง

กู้หนานถิงปลดกระดุมแขนเสื้อ และตามด้วยกระดุมปกเสื้อ เฉิงเซียวคิดว่าเขาคงจะหลบไปถอดเสื้อตรงอื่น หรือเธอควรจะหลบสายตาจากเขาสักหน่อย แต่ไม่ทันเสียแล้ว กู้หนานถิงถอดเสื้อเชิ้ตต่อหน้าต่อตาเธอ จากนั้นก็ยื่นมือมารับเสื้อเชิ้ตที่เธอถืออยู่

ชายหนุ่มรูปหล่อที่มีมัดกล้ามแน่นได้รูปสวยแทบจะทำให้ผู้หญิงทั้งโลกต้องกรีดร้อง แล้วเขายังเป็นเจ้านายของเธอ หล่อเสียจน... เฉิงเซียวรู้สึกว่าหากไม่ฉวยโอกาสมองสักครู่เธอคงจะโทษตัวเองไปอีกนาน

กู้หนานถิงสวมเสื้อเสร็จถึงได้รู้ตัว เขาพูดขึ้นว่า “จะไม่หลบสายตาสักหน่อยเหรอ?”

เฉิงเซียวพูดอย่างไร้ความขัดเขิน “คุณยังไม่ถือสาที่ฉันมองเลย แล้วฉันจะเสแสร้งไปทำไม?” ก่อนจะเอ่ยชมออกไปอย่างซื่อๆ ว่า“หุ่นดีนี่คุณ”

กู้หนานถิงแอบอมยิ้ม “เพิ่งเห็นแค่ครึ่งตัวก็ด่วนสรุปแล้วเหรอ?”

เฉิงเซียวอยากจะตบเขาสักฉาด “พูดอย่างนี้ก็อ่อยกันเกินไปแล้วค่ะบอส”

กู้หนานถิงแอบยิ้ม “ก็ถือซะว่าผมบอกชอบคุณก็แล้วกัน ผมไม่ถือหรอก”

เฉิงเซียวยิ้มแหยๆ “แต่ฉันไม่ได้ดีใจอะไรด้วยเลย”

กู้หนานถิงทำเพียงคลี่ยิ้ม แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้องทำงาน

เฉิงเซียวเหลือบมองเสื้อเปื้อนเลือดที่เขาถอดทิ้งไว้ในอ่างล้างมือ เธอตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาแล้วหย่อนลงในถังขยะ

ภายในห้องทำงาน

กู้หนานถิงนั่งอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟาตัวยาว ส่วนเฉิงเซียวนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่ห่างจากเขาไม่มากนัก

กู้หนานถิงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นสนทนา “การฝึกอบรมเพิ่มเติมของนักบินนั้นมีทั้งหมดสามขั้น ตอนนี้คุณได้ผ่านการอบรมด้านทฤษฏีและฝึกจำลองการบินแล้ว ต่อไปยังเหลือขั้นตอนการฝึกซ้อมพาเครื่องขึ้นและลงจอดติดต่อกันยี่สิบครั้ง เนื่องจากน่านฟ้าในประเทศและสนามบินมีข้อจำกัดหลายอย่าง บริษัทจึงต้องส่งคุณไปเข้าร่วมการฝึกกับนักบินของสายการบิน XR ประเทศ M เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน”

น่านฟ้าที่ต่างประเทศจะให้สิทธิ์ในการบินมากกว่า ยิ่งมีโอกาสขับเครื่องบินขึ้นฟ้ามากเท่าไหร่ก็จะสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วเท่านั้น เฉิงเซียวได้รับหนังสือแจ้งตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และเตรียมออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ กู้หนานถิงเป็นถึงรองประธานกรรมการบริหารอันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องเรียกเธอมาพบและแจ้งเรื่องนี้กับธอด้วยตัวเอง

เฉิงเซียวจึงถามว่า “บอสมีเรื่องอะไรจะแจ้งเพิ่มหรือเปล่าคะ?”

สำหรับเธอแล้วกู้หนานถิงมีเรื่องอยากจะแจ้งเพิ่มเติมจริงๆนั่นแหละ “ปกติแล้วคุณควรได้ขับเครื่องบินโดยสาร A320 แต่ผมอยากถามคุณว่าสนใจอยากลองขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 หรือเปล่า?”

โดยปกติแล้วจะมีการกำหนดประเภทเครื่องบินที่นักบินจะได้ขับเวลาทำงานจริง ดังนั้นการฝึกเพิ่มเติมของบริษัทจึงต้องมีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าจะให้นักบินฝึกเครื่องบินประเภทไหน เครื่องบินโดยสาร A320 เป็นเครื่องบินระบบสายเคเบิล ซึ่งจะช่วยลดแรงในการบังคับเครื่องบินของนักบินได้เป็นอย่างมาก แต่เครื่องบินโบอิ้ง 737 ใช้ระบบเครื่องกลไฮดรอลิก เมื่อไม่มีอุปกรณ์ผ่อนแรง การขยับคันบังคับจึงต้องใช้แรงอย่างมาก อย่าว่าแต่ผู้หญิงอย่างเฉิงเซียวเลย แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแรงก็ยังรู้สึกว่าต้องใช้แรงอย่างมาก แต่เขากลับถามเธอว่าอยากลองขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 ไหม

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว