“ผมชอบพี่”
ผมตัดสินใจพูดคำนี้ออกไปโดยที่ไม่กลัวเลยว่าจะได้รับคำพูดแบบใดตอบกลับมา ทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าคนที่ผมเพิ่งสารภาพความรู้สึกออกไปนั้น
ไร้หัวใจมากแค่ไหน...
อย่างที่คิดไว้เลย เขานิ่งมาก สีหน้าที่ราบเรียบราวกับไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้สึกใด ๆ เปิดเผยออกมาให้ผมได้เห็นและได้สัมผัส
“โห...กล้ามากไอ้น้อง พี่นับถือหัวใจน้องจริง ๆ” พี่เยวาเป็นคนพูดประโยคนี้ ผมรู้จักเขาแต่ก็ไม่มากเท่าคนที่ผมเพิ่งบอกชอบไป แน่ล่ะ ถ้าเราชอบใครเราก็มักจะอยากทำความรู้จักกับคนรอบตัวเขาไปด้วย
พี่เยวาเป็นผู้ชายที่เท่ห์และหล่อมากที่สุดคนหนึ่งในกลุ่มรองจากคนที่ผมเพิ่งบอกชอบไป เอาจริง ๆ ทุกคนในกลุ่มต่างก็หล่อและเท่ห์ไปคนละแบบ ถ้าจะให้จัดเรียงลำดับความหล่อและเท่ห์ก็คง...ยาก
เพราะทุกคนต่างเป็นตัวของตัวเอง ทว่าหากให้จัดลำดับความเย็นชาที่สุดในกลุ่ม ผมบอกเลยไม่มีใครในกลุ่มชนะเขา
พี่เลห์...
“หึ...สเปคน้องแย่มากเลยนะ”
พี่คีย์เอ่ยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะแฝง เขาเป็นคนที่ภายนอกค่อนข้างเย็นชาคล้าย ๆ พี่เลห์ แต่ก็ยังน้อยกว่าพี่เลห์อยู่ดี
ผมเม้มยิ้มให้พี่คีย์ ยังคงยืนตัวแข็งทื่อ ถ้าถามว่าอะไรทำให้ผมกล้าบ้าบิ่นมาบอกชอบผู้ชายคนที่ดูอันตรายที่สุดในกลุ่ม บอกเลยว่ามันคือ...ความฝัน
หัวเราะเลยครับ ใครจะว่าผมโง่ก็ได้ที่บ้าทำตามความฝัน แต่เอาจริง ๆ ทุกคนบนโลกนี้ต่างก็ทำตามความฝันกันไม่ใช่เหรอครับ ผมก็กำลังทำตามความฝัน แต่ฝันของผมต่างจากคนอื่นตรงที่ ผมฝันจริง ๆ หลับไปและมีภาพจากจิตใต้สำนึก หรือเป็นเทพนิมิตหรือปุพพนิมิตผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มาทำให้ผมกล้าที่จะเดินมาเผชิญหน้ากับพี่เลห์ และบอกชอบเขาไป
แต่พอเห็นหน้าพี่เลห์ที่มองมายังผมด้วยสายตาเย็นชาแล้วบอกเลยว่า...
ผมโคตรชอบ....
ชอบมาก ๆ
ชอบที่สุด
เรียกว่า...หลงรักก็ไม่ผิดนัก
พี่เลห์ตวัดสายตากลับไปมองหนังสือในมือตัวเอง และไม่ได้สนใจไยดีผมอีก ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว ผมพยายามสังเกตหนังสือที่เขากำลังอ่าน
หนังสือเรียน...
พี่เจโฮพส่ายหน้าเบา ๆ หลังจากละสายตาจากใบหน้าพี่เลห์มามองหน้าผมต่อ เขายิ้มนิด ๆ
“พี่ไม่รู้นะว่าอะไรทำให้น้องอยู่ ๆ มาบอกชอบเพื่อนพี่ แต่พี่ขอเตือนน้องด้วยความหวังดีจริง ๆ นะ ถ้าไม่อยากเสียเวลาชีวิต อย่าคิดจีบเพื่อนพี่เลย...มันไม่มีหัวใจแล้ว”
ใช่...ตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าชอบพี่เลห์ ผมก็พยายามสืบเรื่องราวของพี่เลห์ ว่าชอบกินอะไร ชอบอ่านหนังสืออะไร ชอบไปที่ไหน ชอบสีอะไร แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมามากเท่าไหร่ เพราะเรื่องของพี่เลห์ดูท่าจะต้องจ้างนักสืบมาสืบแบบจริงจังอ่ะถึงจะได้รู้ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมพอรู้จากปากของใครหลาย ๆ คนที่เขาพอรู้จักพี่เลห์แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
พี่เลห์...ไม่มีหัวใจแล้ว
พี่เลห์ไม่ใช่ผีนะครับ ไม่ใช่แวมไพร์ ไม่ใช่ซอมบี้ แต่ไม่มีหัวใจในที่นี้คงจะเป็นการนิยามตัวตนของพี่เลห์ในมุมมองที่ใคร ๆ มองเห็นกัน
“ไม่เป็นไรครับ...ไม่ได้เสียเวลาเลย ผมแค่รู้ตัวว่าชอบ...ต่อให้พี่เลห์ไม่ชอบผม ผมก็ยังชอบพี่เลห์อยู่ดี เพราะผมชอบพี่เลห์ที่เป็นแบบนี้...ผมไม่ได้ฝืนชอบ”
ผมพูดไปตามที่ใจรู้สึก และดูเหมือนเพื่อน ๆ ของพี่เลห์ต่างมองหน้ากันเองราวกับประหลาดใจปนยิ้ม ๆ และหลังจากผมพูดจบ พี่เลห์ก็ช้อนสายตาขึ้นจากหน้าหนังสือมามองหน้าผม
ต่อให้เป็นสายตาที่ไม่ได้แยแสอะไรกันเลย มันก็สามารถทำให้ผม...เขินอยู่ดีครับ
แค่พี่เลห์มองหน้าผม ผมก็รู้สึกว่ามันเยอะมากแล้ว และผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอยิ้มไปมากแค่ไหน ก็ตอนที่เพื่อน ๆ พี่เลห์มองมายังผมแล้วหัวเราะเบา ๆ
ผมพูดออกไปตั้งเยอะแยะ แต่พี่เลห์ก็ไม่ตอบสนองอะไรกลับมาอยู่ดี ไม่พูดไม่จาเลยสักคำ ไม่แสดงความรำคาญด้วย แต่ผมว่าผมดูออกว่าพี่เลห์หงุดหงิดผมนิด ๆ แหละ
“เห็นมั้ย...เงียบเป็นโคตรแม่ของป่าช้า” พี่เยวาเอ่ยแซวขึ้นมา พี่เลห์ตวัดสายตาไปมองแวบเดียว ก่อนจะตวัดกลับมามองหน้าหนังสือต่อ
“ถามจริง...น้องชอบอะไรในตัวมัน”
พี่วินเลจเอ่ยถามผม เขาเป็นคนที่ดูน่านับถือมากที่สุดแล้วในกลุ่ม ดูเรียบร้อย ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูเป็นคนอบอุ่น
“ผมไม่รู้หรอกครับ...แค่รู้ว่าชอบที่เป็นพี่เลห์แบบนี้”
“แล้วทำไมอยู่ ๆ มาบอกชอบมัน อะไรเข้าฝันเหรอ” พี่เยวาถาม
“พี่เลห์เข้าฝันครับ” ผมตอบไปตามตรง แต่พี่ ๆ เขากลับหัวเราะผม
แต่มันโคตรดีเลยที่ประโยคนั้นของผม เรียกความสนใจจากพี่เลห์ให้เงยหน้ามามองกันอีกครั้งได้ ผมเลยมองไปที่พี่เลห์ตรง ๆ โฟกัสแค่เขาคนเดียวจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ ของเขาอีกสี่คนด้วย
“พี่เลห์มาบอกผมในฝัน...ว่ารอผมอยู่นะ รออยู่นานมากแล้ว เมื่อไหร่จะมาหากันสักที”
คำพูดที่สอดคล้องกับสายตาส่งไปให้คนที่กำลังมองผมตอบกลับมา ทว่าก็มองด้วยแววตานิ่งเรียบไร้อารมณ์ยินดียินร้าย แต่แค่นั้นผมก็พอใจมากแล้ว เพราะสายตาเขาเหมือนกำลังตั้งใจฟังผม แม้ว่าไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ก้มลงอ่านหนังสือต่อ และทำราวกับว่าสิ่งที่ผมเพิ่งพ่นออกไปนั้นเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี
แต่ว่า...ผมกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเขาแม้แต่นิดเดียว
จริง ๆ นะ
บอกแล้วว่า...ผมชอบพี่เลห์ที่เป็นพี่เลห์คนนี้ พี่เลห์ที่เป็นแบบนี้จริง ๆ
“โอ้โห! ไอ้เลห์ วิญญาณมึงออกจากร่างไปเข้าฝันน้องเขาเหรอ” พี่เยวาแซวเสียงดัง พี่เลห์เลยตวัดสายตามองพี่เยวาโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาตรง ๆ จังหวะนั้นทำให้ผมอดขำไม่ได้ พี่เลห์เป็นแบบนี้เสมอ ชอบช้อนตามองคนที่เขาอยากดุโดยไม่เอ่ยปากด่า และแค่เขาใช้สายตามอง ฝ่ายตรงข้ามก็รับรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามให้เสียเวลา
“ถ้าทำแบบนั้นได้...มึงคนแรกที่จะได้เจอกูเยวา” ความเย็นชาที่ราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยรังสีสังหารแผ่ออกมาผ่านคำพูดของพี่เลห์ นี่เป็นประโยคแรกที่เขาพูดตั้งแต่ผมมายืนอยู่ตรงนี้
พี่คีย์กับพี่วินเลจยกมุมปากยิ้มนิด ๆ ส่ายหน้าเบา ๆ พี่เยวาทำเพียงยักไหล่ใส่พี่เลห์ ส่วนพี่เจโฮพก็ยิ้มแกมหัวเราะ
“จะไปไหนก็ไป...ชีวิตไม่มีสาระอะไรให้ทำแล้วหรือไง”
และเป็นอีกประโยคที่เอ่ยออกมา ทว่าทำให้หัวใจผมเต้นแรงมาก เพราะพี่เลห์กำลังสื่อถึงผม หันหน้ามามองผม ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ต่อว่าต่อขานกันก็ตาม
แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว แค่เขาพูดกับผมผมก็ดีใจสุด ๆ แล้ว
เพราะสิ่งที่ผมคาดหวังเอาไว้ก่อนจะเดินมาบอกชอบพี่เลห์คือ ขอให้เขาพูดกับผมสักนิด แค่คำเดียวก็ยังดี แต่นี่ได้รับมาหนึ่งประโยคเต็ม ๆ
มันเกินที่คาดหวังไว้...
“ครับ” ผมรับคำพี่เลห์ ก่อนจะยิ้มกว้างให้อย่างมีความสุข แล้วหันหลังเดินออกมาเลย โดยที่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังพี่ ๆ เขาจะพูดอะไรถึงผมกันบ้าง
ผมตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า...ผมจะลองสักตั้ง
จะลองเอาชนะใจพี่เลห์ดู
แม้ว่าสุดท้ายผมจะไม่ได้อะไรกลับมาก็ตาม ยิ่งกว่านั้นอาจจะได้รับความเจ็บปวดกลับมามากกว่าความสมหวัง แต่...แค่ผมได้ทำตามหัวใจตัวเองก็พอ
เพราะที่ผมกำลังทำ ก็ไม่ได้ทำเพื่อพี่เลห์ซะหน่อย ผมแค่ทำเพื่อหัวใจตัวเอง
เพื่อให้มันได้เติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองเรียกร้องอยู่เป็นเวลาเกือบสี่เดือนแล้ว…
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว