ระบายรักมาเฟียลับ-Intro 1 - ไล่ล่า

โดย  หมากเม่า

ระบายรักมาเฟียลับ

Intro 1 - ไล่ล่า

ตอนที่ 56 อยู่ที่นี่


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้หยางซื่อตกใจ แต่ยังทำให้ฉาซื่อตกใจไม่น้อย นางรีบมองไปที่ฉาจื่ออัน พลันเห็นมีเลือดไหลออกมาจริง ๆ ก็เสียความมั่นใจไปทันที นี่นางเป็นคนผลักรึ? ไม่ หากฉาจื่ออันไม่ขวางนางไว้ นางก็คงไม่ผลักหรอก


หลิงซานฉิงตกใจเล็กน้อย นางมองฉาจื่ออันที่กำลังนอนอยู่ที่พื้น เสียงร้องไห้ดังก้องอยู่ข้างหู เจี่ยนเจี่ยนกอดคอนางไว้แน่น ร่างเล็ก ๆ สั่นเทา ร้องไห้จนทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจ


ตอนนี้นางไม่สนใจที่จะตำหนิฉาซื่อแล้ว นางอุ้มเจี่ยนเจี่ยนเดินออกไป “เจี่ยนเจี่ยนเด็กดี พ่อเพียงแค่หัวกระแทก ไม่เป็นอะไรหรอก มีแม่อยู่ด้วย ไม่ร้องนะ ๆ”


นางปลอบขวัญเด็กชายตัวน้อยไปด้วย และตะโกนเรียนคนที่อยู่ในบ้านไปด้วย “อิงเอ๋อร์ ตั้งอ่างต้มน้ำร้อนมาให้ข้าที ฉาจื่ออันหัวแตก” น้ำเสียงของนางฟังดูปกติ แต่ในใจกลับอดรู้สึกทอดถอนใจออกมาไม่ได้


ถึงอย่างไรนี่ก็คือมารดาของฉาจื่ออัน แม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ฉาจื่ออันก็ไม่มีทางละเลยนางได้


หัวของฉาจื่ออันกระแทกจนเลือดไหลออกมา ฉาซื่อตะลึงทันใด และไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า เสียความคิดไปชั่วขณะ ลูกสะใภ้ทั้งสองของนางเอาแต่ก้าวถอยหลัง นางรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด เมื่อเห็นหลิงซานฉิงมองมาก็หลบสายตาอย่างประหม่าและก้มหน้าลง


สวีอิงเอ๋อร์เอาน้ำร้อนเข้ามา เมื่อเห็นสภาพของฉาจื่ออันก็ตกใจ แต่นางได้เห็นภาพเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว จึงไม่แตกตื่นมากนัก นางเดินเข้าไปช่วยหลิงซานฉิงทำความสะอาดบาดแผลของฉาจื่ออัน และพาคนเจ็บไปห้องหนังสือเพื่อทำแผล


ฉาซื่ออยากจะขวางเอาไว้ แต่ก็มักจะถูกสายตาดุจคมมีดจ้องมองกลับมา ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงมองดูสวีอิงเอ๋อร์พาลูกชายตัวเองเข้าไปในบ้าน


การตอบสนองของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่หลิงซานฉิงต้องการจะเห็น นางกวาดสายตาไปยังทั้งสามคนราวกับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตัดความสัมพันธ์ และเอ่ยออกมาเสียงต่ำ “นี่คือเรื่องดีที่พวกเจ้าทำรึ หากฉาจื่ออันเป็นอะไรไป พวกเราเจอกันที่ศาลาว่าการได้เลย หากยังฉลาดรู้จักเอาตัวรอดก็รีบไสหัวออกไปจากบ้านข้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”


แม้แต่การขับไล่ก็เป็นเรื่องที่ทำสำเร็จได้ง่ายในเวลานี้ หลิวซื่อกับหยางซื่อแทบจะอยากออกไปจากที่นี่ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ราวกับได้รับพระราชโองการ พวกนางรีบออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันมองสีหน้าของฉาซื่อว่าเป็นอย่างไร


เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนทิ้งนางไปอย่างไม่ลังเล ฉาซื่อก็โกรธจัด กำลังจะด่าพวกนางให้กลับมา แต่เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของหลิงซานฉิง นางก็ละความคิดนั้นทันที และเดินออกไปข้างนอกอย่างเงียบ ๆ


ในห้องหนังสือ


ฉาจื่ออันนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ บาดแผลบนหัวถูกพันด้วยผ้าขาว สีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีนัก และนั่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่านานเท่าใดแล้ว


วันนี้ในระหว่างที่มารดามาก่อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ แม้เขาจะล่วงเกินมารดามากเพียงใด แต่นางก็ยังเป็นมารดาเขาอยู่ดี เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ถึงเพียงนี้ แม้ไม่มีเจ้างามความดีใด ๆ มีแต่ความยากลำบาก หลิงซานฉิงทำกับมารดาเขามากเกินไปจริง ๆ


ทว่าสิ่งที่มารดาเขาทำกลับรุนแรงยิ่งกว่า แม้จะไม่พอใจหลิงซานฉิง แต่ก็ไม่ควรทำร้ายใคร การทุบตีและดุด่าคนอื่นเป็นเรื่องที่ผิด เมื่อคิดอย่างนี้ เขาก็รู้สึกว่าการกระทำของหลิงซานฉิงไม่ผิดเลย


ตอนนี้เขาจะเผชิญหน้ากับหลิงซานฉิงและขอโทษนางแทนมารดาได้อย่างไร? ไม่ เขาทำไม่ได้ หากไม่ขอโทษก็จะไม่สามารถให้คำอธิบายกับนางได้ คิดไปคิดมา ตอนนี้อย่าเจอกันเลยดีกว่า ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับนางอย่างไรดี


กำลังคิดว่าจะไม่เจอหน้า แต่ จู่ ๆ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นหลิงซานฉิงเดินเข้ามาคนเดียว เขาหลบสายตานางทันที และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน


หลิงซานฉิงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ มองดูหนังสือในมือเขา ก็เข้าใจในทันที และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “ฉาจื่ออัน อ่านหนังสือรึ?”


ฉาจื่ออันตอบกลับทันที “อืม ข้าอ่านหนังสืออยู่ เจ้ามีเรื่องอะไรหรือไม่?” หากนางไม่มีอะไรก็ออกไปเถอะ แค่ไม่เห็นหน้ากันก็พอแล้ว


แต่ไม่นึกเลยว่าหลิงซานฉิงจะหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง และชี้ไปที่หนังสือในมือเขา “เจ้าถือหนังสือกลับด้าน เจ้าเชี่ยวชาญในการอ่านหนังสือกลับด้านตั้งแต่เมื่อใดกัน?” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความหยอกล้อ


ฉาจื่ออันผงะเล็กน้อย ก้มมองหนังสือในมือตัวเองก็พบว่ามันกลับด้านอยู่จริง ๆ พลันหูก็แดงขึ้นมา และหยุดอ่านทันที “สรุปว่าเจ้ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ในเวลานี้เขาไม่อยากเจอนาง แต่นางก็ชอบมาปรากฏอยู่ในสายตาเขาอยู่เรื่อย


หลิงซานฉิงเห็นท่าทางเช่นนี้ก็รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด อ่านหนังสือมาก็มาก แต่ก็ยังซ่อนความรู้สึกที่อยู่ในใจไม่ได้ นางจึงหุบยิ้มและพูดว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าเรื่องของแม่เจ้า เจ้าไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ ข้ารู้จักขอบเขตดี เจ้าแค่อ่านหนังสืออย่างสงบจิตสงบใจก็พอ นี่คือสิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำ” นางพยักพเยิดหน้าไปที่หนังสือบนโต๊ะ


นางเข้าใจคนถึงเพียงนี้ แต่ฉาจื่ออันกลับสับสนเล็กน้อย “ซานฉิง เจ้าโกรธแม่ข้าถึงได้พูดคำเหล่านั้นออกมาไม่ใช่หรือ?” เขาอยู่ในห้องได้ยินคำพูดเหล่านั้นและรู้ว่ามันไม่น่าฟังเลย อีกอย่างตอนนั้นแม่ของเขากำลังโมโหอยู่ เมื่อได้ยินอย่างนั้นนางคงต้องโกรธมาก


“โกรธรึ?” คล้ายกับหลิงซานฉิงได้ยินเรื่องตลก “มีอะไรให้ข้าต้องโกรธกัน แม่ของเจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้แค่วันสองวันเสียหน่อย หากข้าโกรธนาง ข้าจะไม่โกรธจนตายรึ แต่ที่พูดทั้งหมดวันนี้ก็เพราะแม่เจ้าทำเกินไป บ้านก็แยกกันแล้วยังจะมาเอาเปรียบอีก แถมยังพาพี่สะใภ้เจ้ามาด้วย ข้าจะสอนทำพู่กันขนห่านได้อย่างไร”


คำพูดนี้ฟังดูแล้วเหมือนโกรธเคือง แต่กลับสุภาพและเยือกเย็น แถมยังพูดจนทำให้ฉาจื่ออันแปลกใจเล็กน้อย


เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะเข้าใจคนถึงเพียงนี้ เมื่อเทียบกับความคิดของเขาเมื่อครู่ ก็ช่างใจแคบเหลือเกิน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจเล็กน้อย


โชคดีที่หลิงซานฉิงไม่ได้สนใจ และพูดต่อว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้า เรื่องอื่น ๆ เจ้าไม่ต้องกังวล เรื่องที่เจ้าต้องกังวลมีเพียงแค่การอ่านหนังสือ เรื่องอื่น ๆ ข้าสามารถจัดการอย่างเหมาะสมได้ รวมถึงเรื่องของแม่เจ้าด้วย”


สีหน้าฉาจื่ออันเปลี่ยนไป “ซานฉิง เจ้าช่างเข้าใจคนมากจริง ๆ เมื่อก่อนเป็นข้าที่เข้าใจเจ้าผิด ข้าขอโทษแทนแม่ของข้าด้วย”


เดิมทีมันเป็นเพียงการคิดเองเออเองของฉาจื่ออัน ตอนนี้หลิงซานฉิมาเปิดอกพูดคุยเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่เหลือปัญหาดังกล่าวอีก


หลิงซานฉิงเหลือบมองเขา “เจ้าซื่อบื้อ ค่อย ๆ อ่านหนังสือไป ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีก” พูดจบ นางก็กวาดสายตามองหนังสือบนโต๊ะก่อนจะออกจากห้องไป


กำลังใจได้ก่อตัวขึ้นในก้นบึ้งสุดหัวใจของฉาจื่ออัน เขาหยิบหนังสือขึ้นมา และเริ่มต้นอ่านอย่างจริงจังมากขึ้น


หลังจากพวกฉาซื่อกลับไปก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ส่วนหลิวซื่อนอกจากจะไม่ได้เรียนทำพู่กันขนห่านในคราวนี้ นางก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอีกเลย ครั้นนางหันมองดูฉาซื่อก็เห็นว่าหญิงชรามีสีหน้าที่จริงจัง


นางเดินเข้าไปหาแม่สามี “ท่านแม่ หลิงซานฉิงทำเกินไปแล้ว นางไล่ท่านแม่ออกมาได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังไล่ต่อหน้าคนมากมายอีก นางไม่ไว้หน้าท่านแม่เลยสักนิด หากข้าเป็นท่านนะ ข้าจะให้เจ้าสามหย่ากับนาง ดูซิว่านางยังจะกำเริบเสิบสานอยู่อีกไหม”


ฉาซื่อไม่ชอบหลิงซานฉิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คำพูดนี้จึงเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ “นี่ยังต้องให้เจ้าพูดอยู่อีกรึ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความผิดของหลิงซานฉิงอยู่แล้ว และทำให้ลูกชายข้าต้องลำบาก หากไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นของผู้หญิงคนนั้น ลูกชายข้าคงหัวไม่แตกหรอก"


เมื่อเอ่ยถึงฉาจื่ออันหัวแตกเลือดไหล ฉาซื่อก็ถอนหายใจออกมา แม้หลิงซานฉิงนังผู้หญิงคนนั้นจะทำเกินไปไปหน่อย แต่ลูกชายนางก็คือลูกชายนาง และถูกนางผลักจนกลายเป็นเช่นนั้นด้วยตัวเอง นางจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย


ส่วนหลิวซื่อรู้สึกพึงพอใจ ตราบใดที่ฉาซื่อยังโทษหลิงซานฉิง เช่นนั้นนางก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ “ท่านแม่ หลิงซานฉิงรังแกคนอื่นมากเกินไป พู่กันขนห่านนั้นพวกเราก็ไม่ได้เรียน อะไรคือห้ามเผยแพร่ ข้าว่านางไม่อยากสอนเรามากกว่า”


ฉาซื่อคิดถึงอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของลูกชาย และรู้สึกเหมือนกับว่าครั้งนี้เสียเปรียบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ยิ่งคิดก็ยิ่หงุดหงิด “ไม่ได้ ข้าต้องกลับไปดูแลจื่ออัน” นางพูดไปด้วยพลางเดินเข้าห้องตัวเองไป


หลิวซื่อรู้สึกดีใจ นางรีบเดินเข้าไปร่วมด้วย “ท่านแม่ ข้าเห็นว่าท่านอายุมากแล้วไปคนเดียวก็ไม่มีใครดูแล ไม่สู้ให้ไปกับท่านจะได้ดูแลท่านได้”


หยางซื่อมองหลิวซื่อด้วยสายตาขบขัน นางคิดว่าเรื่องนี้คงไม่สำเร็จอีกเช่นเคย หากมีเรื่องอะไรดี ๆ ฉาซื่อจะแบ่งให้คนอื่นรึ? ฝันไปเถอะ


และเป็นไปตามที่หยางซื่อคิดไว้ สีหน้าฉาซื่อตึงขึ้นมาทันที “เจ้าจะไปทำไม? ข้าไปบ้านลูกชายข้า จะไม่มีใครดูแลข้ารึ เจ้าไม่ต้องไปทำเรื่องให้เสีย” พูดจบก็ไม่มองใคร ย่างสามขุมเข้าห้องไป หลังจากเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดแล้วออกมา ก็เห็นหลิวซื่อยังคงอยู่ในบ้านก็ยิ่งมีสีหน้าไม่พอใจมากขึ้น “พวกเจ้ามายืนบื้ออะไรอยู่ที่นี่ เหตุใดไม่รีบไปทำงาน!"


นางเดินออกไปด้วยพึมพำด่าไปด้วย “วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่กินกับนอน และชอบฝันกลางวัน”


หลิวซื่อรู้ว่าหญิงชรากำลังพูดถึงตัวเอง นางก็หน้าเสียทันที เมื่อหันกลับไปก็เห็นหยางซื่อกำลังมองนางอย่างเยาะเย้ย ราวกับกำลังหัวเราะเยาะตัวนาง นางถลึงตาใส่ก่อนจะกระแทกประตูแล้วเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง


ฉาซื่อกลับไปได้ไม่นานก็มาหาอีกครั้ง เจี่ยนเจี่ยนที่นั่งบนธรณีประตูอยู่ก็เห็นว่ามีคนมา เด็กน้อยเบะปากแล้ววิ่งเข้าไปในห้องงาน


ฉาซื่อจ้องเขม็งไปที่เด็กน้อย แล้วนึกได้ว่าตัวเองยังต้องอยู่ที่นี่ จึงไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมา นางเพียงตะโกนไปทางห้องที่เจี่ยนเจี่ยนวิ่งเข้าไป "หลิงซานฉิง ออกมาหน่อยสิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”


เสียงนี้ดังไปทั่วบ้าน ฉาจื่ออันที่อยู่ในห้องหนังสือได้ยินเสียงก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหลิงซานฉิง เขาก็อ่านหนังสือต่อ


หลิงซานฉิงเห็นปฏิกริยาของเจี่ยนเจี่ยนก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงชราไร้เหตุผลกลับมาสร้างปัญหาอีกแล้ว แต่เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ได้ด่าคน นางก็นึกชื่นชมเล็กน้อย


นางฝากสวีอิงเอ๋อร์ดูแลเจี่ยนเจี่ยนอยู่ในห้องงาน เมื่อนางออกไปก็พิงอยู่หน้าประตู "ทำไม ท่านผู้ใหญ่ยังมีเรื่องอะไรจะสั่งสอนข้าอีกรึ?” แต่เมื่อเห็นฉาซื่อแบกถุงมา นางก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น


ฉาซื่อกระแอมเบา ๆ “ข้าจะสั่งสอนเจ้าไปทำไม? ข้ามาดูแลลูกชายข้า และจะมาอยู่ที่บ้านเจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้ารีบไปหาที่พักให้ข้า นี่คือบ้านลูกชายข้า เจ้าอย่าได้คิดที่จะขับไล่ข้าไป!”


เมื่อก่อนเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ให้แม่สามีมาอยู่ด้วย แต่ไม่นึกเลยว่าหลิงซานฉิงจะส่งเสียงตอบรับเป็นอันเข้าใจกลับมา สายตาหลิงซานฉิงกวาดมองทุกห้องในบ้าน แล้วเอ่ยทันที “ก็ได้ ในเมื่อต้องการอยู่ที่นี่ก็อยู่ได้ แต่ตอนนี้มีห้องว่างเพียงห้องเดียว เจ้าจะยอมอยู่ไหม” นางชี้นิ้วไปยังห้องเปล่าที่เล็กที่สุด และตอนนี้ก็เหมาะสำหรับที่จะให้ฉาซื่ออยู่


ฉาซื่อมองไปตามมือนาง เมื่อเห็นว่าเป็นห้องเล็ก ๆ นางก็รู้สึกไม่พอใจทันที “เจ้าจะทำให้ข้าเป็นขอทานรึ? ข้าเป็นแม่ของฉาจื่ออัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรให้ข้าอยู่ในห้องเล็ก ๆ นั่น?”


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว