“โอ๊ยอยากจะบ้าตาย!”
“เธอว่าอะไรนะ”
เมดิสันถามเพราะได้ยินไม่ถนัด หรือถ้าถนัดก็คงฟังไม่ออก เพราะมันไม่ใช่ภาษาสากล
“เปล่าค่ะ”
“ว่าแต่หลังเลิกงานรีบกลับบ้านหรือเปล่า พอดีจะชวนไป...”
เมดิสันไม่มีโอกาสได้พูดจนจบประโยค เมื่อถูกขัดจังหวะโดยคนสนิทของท่านประธาน
“คุณพายครับ”
ปีเตอร์เดินตรงมาหาด้วยรอยิ้มน้อยๆ และส่งเสียงเรียกเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้ว
“วันนี้ฉันได้ยินคุณเรียก คุณพายกี่รอบแล้วคะเนี่ย”
“ผมยินดีจะพูดทุกๆ วันเลยนะครับ แต่ว่าตอนนี้บอสให้เชิญคุณไปรอที่รถครับ”
“ทำไมคะ ยังไม่ได้เวลาเลิกงานเลยค่ะ”
“บอสสั่งมาน่ะครับ หรือถ้าใครมันมีปัญหาก็ให้ไปคุยกับบอสเองได้เลยครับ”
“เอ่อ...อะไรกันคะเนี่ย”
“ไปเถอะครับ อีกเดี๋ยวบอสก็ลงมาแล้ว”
แม้จะงงๆ แต่พิมพ์นาราก็ต้องทำตามคำสั่งนั้น และเพราะด้วยไม่อาจอยู่ตรงนี้ได้อีกจึงรีบเดินจากไป โดยทำเพียงเอ่ยลาและขอโทษให้เพื่อนร่วมอาชีพอย่างเมดิสันเท่านั้น
--------------------
“เป็นไงบ้าง วันนี้สนุกไหม”
“ค่ะ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ การตอบรับสั้นๆ และน้ำเสียงซึมๆ แบบนี้ดูไม่ใช่พิมพ์นาราเลย หรือเธอยังเครียดเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่
“วันนี้ผมจะพาไปที่บ้านนะ พอดีคุณแม่อยากรู้จักคุณน่ะ”
ฟีนิกซ์ไม่รู้เลยว่าการพูดแบบนั้นยิ่งสร้างความกังวลให้อีกฝ่ายขนาดไหน เขารู้เพียงแต่ว่าเขาดีใจที่ปีเตอร์แนะนำสาวไทยคนนี้ให้มารดาของเขาได้รู้จัก และท่านก็ดูจะสนใจเธออยู่มากเหมือนกันถึงได้เอ่ยปากชวนให้เขาพาเธอไปดินเนอร์ที่บ้าน
--------------------
ความใหญ่โตหรูหราอลังการของคฤหาสน์เคลเลอร์ไม่ได้อยู่ในความสนใจของพิมพ์นาราเลยสักนิด และฟีนิกซ์ก็สังเกตเห็น ความกังวลฉายชัดบนใบหน้างามที่ปริ่มๆ เหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลาพาให้สงสัยนัก
“พาย ทำไมทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันกลัวค่ะ กลัวจะเป็นคนไม่ดีในสายตาของทุกคนที่เคแอลบี และในสายตาของมาดามซิดนีย์ด้วย”
ระบายไปก็ร้องไห้ไปอย่างคนที่หมดปัญญาจะอดกลั้น ความร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ ทำให้ฟีนิกซ์ถึงกับหลุดยิ้มออกมา และมาดามซิดนีย์ที่แอบมองอยู่ตรงหน้าห้องรับแขกก็เห็นรอยยิ้มของลูกชาย อันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาสักพักใหญ่แล้ว
“ลูกชายฉันยิ้มแล้วหล่อจริงๆ ว่าแต่...ทำไมแม่หนูคนนี้ถึงได้กลัวอะไรมากมายขนาดนั้นนะ”
“ทำไม”
ฟีนิกซ์ถามต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความอ่อนโยน คนที่นั่งร้องไห้อยู่บนโซฟาตัวข้างๆ จึงพูดระบายต่อ
“ฮึก...คุณรู้ไหมว่าคนที่นั่นเขาซุบซิบอะไรกัน เขาหาว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ ฮึก เขาว่าทำไมฉันไม่แค่แต่งตัวสวยๆ รออยู่ห้อง จะมาทำงานให้เหนื่อยทำไม”
“แล้วกลัวอะไรเรื่องแม่ของผม”
“ก็...ก็คุณพีทบอกให้ฉันมารอรับมาดาม เขาบอกว่ามันเป็นกฎที่พนักงานทุกคนต้องถูกแนะนำกับมาดาม แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีกฎอะไรแบบนั้นสักหน่อย ฉันเลยกลัวว่าท่านจะหาว่าฉันเสนอหน้า เป็นพวกประจบประแจงอะไรแบบนั้นค่ะ ฮึก”
ชายหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ เป็นการรับรู้ ก่อนจะพูดบอกเสียงทุ้มนุ่มนวล เหมือนอยากให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาพูดความจริง ไม่ได้พูดแค่เพื่อให้เธอสบายใจเท่านั้น
“อย่างนี้นี่เอง แต่แม่ของผมไม่คิดอะไรอย่างนั้นหรอก เลิกคิดมากเถอะ นี่ท่านออกจะเอ็นดูคุณด้วยซ้ำนะ ถึงขั้นออกปากชวนมาบ้านเลยนะ แถมยังลงมือทำอาหารเองอีกต่างหาก”
“จริงหรือคะ”
สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น ความกังวลต่างๆ เริ่มมลายหายไป ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างสงสัยใคร่รู้ จนเขาเผลอมองตาค้าง ก่อนจะดึงสติแล้ววกกลับไปเรื่องก่อนหน้า
“แล้วเป็นผู้หญิงของผมมันไม่ดีตรงไหนล่ะ”
“เอ๊ะ! ก็ดีค่ะ ใครบ้างล่ะคะจะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของฟีนิกซ์ เคลเลอร์ แต่ฉันไม่ใช่นี่คะ”
“แล้วอยากเป็นไหมล่ะ”
“ค่ะ เอ๊ะ! เปล่าค่ะ ไม่ใช่นะคะ”
เมื่อรู้สึกตัว พิมพ์นาราก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มล้อเลียนที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่นแล้ว เธอก็รู้ตัวทันทีว่าโดนต้มจนเปื่อยเลยทีเดียว
ทำไมวันนี้มีแต่คนแกล้งเธอ?!
--------------------
มาดามซิดนีย์ เคลเลอร์เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องรับแขก และมันยิ่งทำให้เธออยากรู้จักพิมพ์นารามากขึ้นไปอีก เพราะดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะมีอิทธิพลต่อหัวใจที่ปิดตายของฟีนิกซ์ และถ้าสาวไทยคนนี้ผ่านการพิจารณาจากทุกๆ ด้านแล้ว เธอก็ยินดีที่จะต้อนรับพิมพ์นารามาเป็นสะใภ้!
เพราะมาดามเคลเลอร์อยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว!
--------------------
รักมาดามค่ะ รักว่าที่แม่สารมีแบบนี้จุง คิคิ
ขออนุญาตย้ำอีกครั้งนะคะ อีบุ๊กจัดโปรฯ 99.- เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วนะคะ
ฝากอุดหนุนให้กำลังใจด้วยนะค้าา ขอบคุณมากค่ะ