พลังของเขาในตอนนี้ถูกปิดผนึกไว้ไปอย่างมากมายไม่มีใครรู้นอกจากเขาและระดับที่เขาอยู่คือ "ขอบเขตปราณก่อกำเนิด" เป็นขอบเขตแรกสุดที่ต้องอยู่ในเส้นทางการฝึกฝนเป็นเทพเซียน แน่นอนว่าขอบเขตนี้มันห่างจากขอบเขตที่เฟิงหลี่ฝึกไปถึงไม่รู้ตั้งกี่ล้านเท่า
เฟิงหลี่เอาถุงจักรวาลจากตำหนักของจักรพรรดิปราญช์เซียนมาเก็บของใส่แน่นอนเขาเอาไปทุกอย่างสำหรับของที่มาจากต่างโลกของเขาโชคดีที่มีแบตเตอรี่สำรองที่ชาร์จได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ดังนั้นเขาจึงใช้มันได้
แน่นอนว่าคลื่นสัญญานโทรศัพท์ไม่มีเพราะที่นี้มันต่างโลกแต่ของที่อยู่ในโทรศัพท์อย่างพวกเกมออฟไลน์ หรือกระทั่งนิยาย E-Book ที่เขาซื้อดองไว้กว่า 100 เรื่องนับไม่หมด ยังมีพวกข้อมูลต่างๆเยอะแยะ ตู้ข้อมูลเดินได้ดีๆนี้เอง ยังสามารถบันทึกภาพ.. อัดเสียง... ถ่ายภาพ ในโลกนี้น่าจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก
แน่นอนว่าในโลกนี้มีทั้งการบันทึกภาพ อัดเสียง ได้แน่นอนโดยใช้หินวิเศษกับใส่อักษรเซียนเข้าไปแต่มันเป็นของที่หายากในทวีปแห่งนี้มันหาได้เฉพาะกับพวกนิกายใหญ่ทั้งสาม.. แน่นอนว่าตำหนักปราญช์เซียนแห่งนี้ก็มีของแบบนั้น แต่เฟิงหลี่อยากจะใช้โทรศัพท์นี้หว่า! เขาแต่งกายเป็นชุดเรียบง่ายไม่หรูหราจนเกินไป เหมือนกับชุดจากบ้านธรรมดา เป็นชุดจีนโบราณ
“เอาล่ะ.. ได้เวลาเดินทางแล้ว!”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานกว่าล้านปีดังนั้นความรู้ที่เขามีในหัวเขาจึงไม่ทราบว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในความรู้ในหัวเขาไม่มีอาวุธส่วนตัวนอกจากชุดและถุงจักรวาลที่เก็บไว้ข้างเอวก็ไม่มีอะไรอีกเลย
เขาเดินออกจากตำหนัดทองซึ้งด้านหน้าเป็นทางเดินที่เหมือนกับถ่ำไม่มีปลายทางแต่เฟิงหลี่รู้ว่าเดินไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอทางออกเขาเดินออกไปอย่างรวดเร็วก้าวขาเพียงครั้งเดียวเขาก็เคลื่อนไหวจนถึงทางออกก่อนที่หินด้านหน้าจะเลื่อนออกโดยเฟิงหลี่กระตุ้นด้วยลมปราณ... อันที่จริงแม้จะอยู่ปราณก่อกำเนิดแต่ความแข็งแกร่งของปราณก่อกำเนิดอย่างน้อยๆก็ทำลายภูเขาได้หลายลูก ดังนั้นความเร็วจึงมองเห็นราวกับเฟิงหลี่เทเลพอร์ต
เบื้องหน้าเปิดออกอย่างช้าๆเสียงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาใส่ตาจนทำให้ตาพร่ามัวเขาเหมือนกับเป็นมนุษย์ถ่ำที่เพิ่งเคยออกมาเจอกับแสงสว่าง อันที่จริงแม้เขาอยู่ในตำหนักโดยไม่รับแสงเลยก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย แต่ว่าการผลัดเปลี่ยนกระดูกเส้นเอ็นบ่อยครั้งจึงทำให้เขาหล่อเหลา ยังเป็นเพราะระดับพลังของเขาด้วย
“อ่าา นี้สินะแสงอาทิตย์”
เขาบ่นพึมพำออกมาอย่างสุขใจก่อนที่จะทำตาให้ชิยกับแสงสว่างก่อนจะก้าวเดินออกมาจากปากถ่ำและปากถ่ำก็ปิดลงทันทีเขายืดเส้นยืดสายก่อนที่จะออกเดินทางแต่ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายพลันมีร่างของหมูป่าสัตว์อสูรชั้นนักสู้ระดับ 3 ลอยมาหาเขา
ดูเหมือนว่าจะกระเด็นมาจากในป่าเบื้องหน้าเพราะแรงกระแทกแต่ทันใดปฏิกิริยาตอบสนองของเฟิงหลี่รวดเร็วประดุจแสงเขายืนมือซ้ายไปเบื้องหน้าก่อนจะปล่อยปราณก่อกำเนิดใส่หมูป่าอย่างรวดเร็ว เขาหวังจะทำให้มันกระเด็นกลับไปแต่ทว่าทันใดนั้น
"วืดดดด ปุ!"
เสียงลมกรรโชกอย่างรุนแรงก่อนที่จะตามมาด้วยเสียง "ปุ" และร่างของมันแหลกออกกลายเป็นหมอกสีเลือดเฟิงหลี่ยังคงเงียบสงบแต่ในใจตกตะลึงอย่างยิ่งดีใจไปด้วยแม้จะไม่ได้กล่าวแต่ในใจเขากำลังร้องอย่างดีใจ “คุณพระคุณเจ้าช่วย! ตูแค่ปล่อยพลังใส่นิดหน่อยเองนะ.. ก็นะสมเป็นตู ฮึ่ม..” อันที่จริงเขาลืมตระหนักว่าเจ้าหมูป่ามันอ่อนแอกว่าในความรู้ของเขา และตัวเขาเองก็อยู่ปราณก่อกำเนิด
“ว๊ากกกกก หมูป่าอาหารสุดอร่อยของข้า เจ้าทำอะไรเนี้ยยยย”
มีเสียงของเด็กผู้หญิงวัย 15 ดังขึ้นมาและวิ่งมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับแหกปากด่าทอเฟิงหลี่อย่างเกรี้ยวกราดอันที่จริงเฟิงหลี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามันสะหน่อยมันระเบิดคามือเขาเองนิหว่า แค่เคลื่อนลมปราณเชยๆนะเนี้ย ไม่ต้องพูดถึงโจมตีเลย
“อ๊ะ โทษที”
แม้จะนั่งฝึกมาล้านปีแต่นิสัยไม่เข้าสังคมของเขาไม่ได้หายไปสักเท่าไหร่เขาจึงขอโทษออกมาอย่างช่วยไม่ได้เฟิงหลี่สัมผัสได้ว่ายัยนี้เป็นแค่นักสู้ระดับ 4 เท่านั้นเองดูอ่อนแออย่างมากในสายตาเฟิงหลี่... นักสู้มีทั้งหมด 9 ระดับ เป็นระดับก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ขั้น นักรบและขั้นนี้ก็มี 9 ระดับ
นี้ไม่ใช่ระดับพลังปราณแต่เป็นระดับคล้ายกับระดับปราณมันคือระดับของวิชายุทธและทักษะการต่อสู้สามารถรับรู้อย่างไรอันที่จริงเพราะเขามี 'เนตรเทวา' จึงสามารถระบุระดับพลังของอีกฝ่ายได้... ส่วนระดับปราณของเธอเป็นแค่ นักสู้ระดับ 1 เท่านั้น ระดับลมปราณนักสู้มี 9 ระดับก่อนจะก้าวเข้าสู่ขั้นปราณก่อกำเนิด
“เจ้าไม่ต้องมาขอโทษเลยชดใช้ข้ามาเดี่ยวนี้”
นางกล่าวขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดขีดความจริงนางไม่เคยเห็นหน้าบุรุษคนนี้จะเป็นใครก็ตามแข็งแกร่งขนาดไหนแต่นางก็ต้องการของตอบแทน... เฟิงหลี่ไม่รู้จะทำยังไงเขาก็ไม่อยากทุบตีสตรีเสียด้วยอันที่จริงล้วนเป็นข้ออ้าง เขาเป็นคนผิดเองดังนั้นจึงต้องชดใช้
นางผู้นี้มีส่วนสูงราวๆ 150 กว่าเซนติเมตรมีผมสีดำเงางามริมฝีปากชมพูดูน่ารักสวมชุดนักสู้ตามปกติแม้จะใส่ชุดนักสู้แต่นางก็งดงามจริงเกือบจะทำให้เฟิงหลี่เคลิ้มถ้าเขาไม่ฝึกตนคงหลงรักนางไปเสียแล้ว
“อ่าๆ ข้าเข้าใจแล้วน่าหมูป่าใช่มั้ย”
“ข้าต้องการที่ดีกว่าหมูป่าที่เจ้าเพิ่งฆ่าไปด้วย”
นางไม่ได้ทำตัวเหมือนพงกรีดไถแต่นางเป็นเหมือนพวกอ่อนต่อโลกสะมากกว่าถ้าเฟิงหลี่ล่อลวงโลลินางนี้.. นางคงเสร็จพ่อเจ้าปัญญาอย่างเฟิงหลี่แน่ เขาอ่านนิยายรักโรแมนติกมาเยอะพอสมควรเขาจึงรู้วิธีจีบสาว ถ้าไม่ติดที่ว่าเข้าสังคมไม่เก่งเขาคงมีฮาเร็มไปนานแล้ว อันที่จริงนี้แค่มุมคิดของเฟิงหลี่คนเดียว
เฟิงหลี่หน้ากระตุกนิดหน่อยเหมือนว่ายัยนี้ได้คืบจะเอาศอกแต่เขาก็ไม่ได้มากความเพราะยัยคนนี้ไม่เหมือนพวกรีดไถในนิยายกำลังภายในแต่นางแค่ต้องการของๆนางคืนแค่นั้นถึงจะโลภมากไปหน่อยก็เถอะ เฟิงหลี่ตบถุงจักรวาลข้างเอวก่อนจะมีบางอย่างปรากฏขึ้นข้างๆเฟิงหลี่
เป็นหมูป่าเขาสว่าน หมูป่าตัวนี้สีแทงขนาดใหญ่พอสมควรเขาของมันไม่เหมือนหมูป่าทั่วไปแต่เป็นเกลียวๆเหมือนสว่านมันเป็นสัตว์อสูรนักสู้ระดับ 6 แกร่งอยู่พอสมควร ถ้ายัยนี้สู้ด้วยคงตายแน่นอน 100%
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกมาข้างนอกแต่มันมีหุ่นกลที่เหมือนกับเมดและพ่อบ้านอยู่ในตำหนักมันรับหน้าที่ทำความสะอาดแต่หลังจากนั้นมันก็โดนเฟิงหลี่จับมาวิเคราะห์ เอาไปเป็นต้นแบบในการสร้างหุ่นกลที่สามารถ ฆ่าสัตว์อสูร และทำอาหารให้เขากินได้ ดังนั้นเขาจึงมีหมูป่านี้จากหุ่นกลที่ไปล่ามา
ความจริงไม่ได้มาล่าในทวีปแห่งนี้หรอกเป็นอีกมิติที่ปราญช์เซียนสร้างไว้เรียกว่าโลกใบเล็กมันมีสัตว์ต่างๆนาๆชนิดมากมาย อันที่จริงหุ่นกลเขาสร้างขึ้นมันตบมังกรตายได้ชิลๆเลยล่ะ แน่นอนในถุงจักรวาลมีศพมังกรอยู่สองสามตัว แต่เฟิงหลี่พอจะเข้าใจจากประสบการณ์อ่านนิยาย ในโลกไหนมังกรก็ค่อนข้างเทพ เขาจะไม่เอามาโชว์ให้ใครเห็นเด็ดขาด... แต่เนื้อมังกรสำหรับเฟิงหลี่เหมือนอาหารชั้นเลิศที่สุดอร่อย
ตั้งแต่เขามาโลกนี้เขาสบายมานอกจากทานอาหารแล้วก็ฝึกมันสบายตู๊ดชัดๆ แต่ที่เขาไม่รู้ว่าการฝึกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยไม่ต้องพูดถึงวิชายุทธต่างๆเลย
“อ่ะ อา.. นี้มันหมูป่าเขาสว่านนี้น่า เจ้าไปหามาจากไหน”
“ฆ่าเอาสิ เจ้าคิดว่ามันจะวิ่งมาอยู่ในถุงจักรวาลข้าเองละกระมั้ง”
“น..นั้นถุงจักรวาลงั้นหรอ จ... เจ้าหลอกข้าเล่นใช่มั้ยของแบบนั้นมันมีอยู่แค่ในตำนาน”
เหมือนนางจะตกใจมากเมื่อเห็นหมูป่าเขาสว่านแน่ล่ะนักสู้ระดับสามอย่างนาต้องร่วมมือกันสู้เป็นห้าสิบคนค่อยชนะมันได้..แต่ที่นางตกใจมากกว่าถุงจักรวาล.. แน่นอนว่าที่นี้มีถุงมิติ หรือแหวนมิติ แต่ถุงจักรวาลเป็นเรื่องราวในตำนานเท่านั้น ว่ากันว่าภายในถุงจักรวาลมีมิติเป็นเอกฉันท์ เวลาเป็นอนันต์ กล่าวคือมันแยกออกจากเวลาทั้งปวงและยังมีขนาดที่ไร้ขีดจำกัด... หรือก็คือหากเอาอาหารไว้ในนี้มันก็จะไม่มีทางเน่าเสีย ดีกว่าตู้เย็นเสียอีกโชครเายที่ไม่มีระบบให้ความเย็นเหมือนตู้เย็น...
เฟิงหลี่แปลกใจเล็กน้อย.. ความจริงถุงจักรวาลมันหายากก็จริงแต่แค่ระดับหายากเท่านั้น... จริงอยู่คนธรรมดาไม่สามารถครอบครองได้แต่ก็ไม่ถึงกับระดับตำนาน นี้ปฏิกิริยาของนางล้อกัเล่นรึป่าวเนี่ย.. อันที่จริงเฟิงหลี่ก็เรียนรู้วิธีพูดคุยมาจากนิยายเยอะพอสมควร ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีใช้คำวิธีพูดจา
“เออ อันที่จริงข้าล่อเล่น เป็นแค่ถุงมิติธรรมดาๆ”
“เจ้าทำให้ข้าจกใจนะเนี้ย”
นางมองเฟิงหลี่อย่างพินิจน์วิเคราะห์ก่อนจะตรวจดูระดับลมปราณที่ปล่อยออกมาจากร่างกายแต่นางไม่สามารถรับรู้ได้ก่อนจะมองไปยังเฟิงหลี่อีกรอบอย่างสงสัย...
“เจ้าไม่ใช่คนแถวนี้นิ... ดูเหมือนเจ้าจะแข็งแกร่งมากด้วย”
“แน่นอน”
เฟิงหลี่ไม่ลืมที่จะโอ้อวดแน่ล่ะเขาไม่ใช่พระเอกนิยายสายขรึมสักหน่อยแค่คนบังเอิญข้ามโลกมาก็เท่านั้นเอง
“ดูเหมือนเจ้าจะฝึกปราณด้วย เจ้าเป็นคนของสำนักเซียนใหญ่ทั้งสี่สำนักหรอ หรือเป็นคนของนิกาย”
แม้นางจะไม่สามารถตรวจสอบความแข็งแกร่งได้ว่าแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ทว่าเขาที่อยู่เบื้องหน้าต้องแข็งแกร่งแน่นอนดังนั้นนางจึงสงสัย อันที่จริงนางทำตัวไม่เหมือนเมื่อกี้ที่ไร้เดียงสาเลย จะว่าไร้เดียงสาก็ถูก แต่คำว่าสาวห้าว น่าจะเหมาะกว่าเมื่อนำมารวมกันน่ะนะ
“สำนักเซียน ?”
แน่ล่ะเขาก็ตกใจน่ะสิ สำนักเซียนคืออะไรฟร่ะที่เขารู้มีแต่นิกายใหญ่ทั้งสามและ 5 อาณาจักรในทวีปเซียนเซิ่ง แล้วสำนักเซียนมาแต่ไหนฟร่ะ...
“เจ้าไม่รู้จักงั้นเรอะ! หัวไปโดนไรมารึป่าว”
แม้อานุจะดูห่างกัน 5 ปีแต่แทบไม่มีคำว่าเคารพเลยแน่นอนว่าเฟิงหลี่ไม่ใส่ใจ.. สำหรับนาง.. นางมองเซย์จิเป็นคนสู้คนเก่งคนหนึ่งมีถุงมิติ มีหมูป่าเขาสว่าน ฆ่าหมูป่าระดับ 3 อย่างง่ายดาย แต่เมื่อนางรู้ว่าเฟิงหลี่ไม่รู้จักแม้กระทั่งสำนักเซียนนางจึงคิดแน่ๆว่า ไอ่นี้หัวสมองไปกระแทกอะไรรุนแรงๆมาแน่ๆ
หนึ่งเม้นหนึ่งแชร์ = หนึ่งกำลังใจให้นักเขียนนะจ้ะ ><
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว