ญาติเมีย

ตอนที่ 2 สา..อย่า

Trigger Warning

Physical abuse - มีการใช้ความรุนแรงทางร่างกาย

✧┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈✧

ตลอดมื้ออาหารชื่นพธูเอาแต่เงียบ อาหารรสเลิศไม่สร้างความประทับใจใดๆ ให้แก่เจ้าหล่อน ด้วยจิตใจไม่ค่อยสู้ดีราวกับว่าน้ำตามันท่วมใจแต่ก็ไม่ยอมไหลออกมา

เจ้าของชาเฮาส์นัดกับเพื่อนๆ มาทานข้าวที่ร้านนี้ ซึ่งเธอไม่ทราบมาก่อน เขากำลังจะพากันกลับแต่เธอดันเข้ามา หากว่ามาช้ากว่านี้อีกหน่อยชยินคงไม่เห็นภาพนี้ มีการทักทายกันสั้นๆ ตามประสาคนรู้จัก ก่อนออกจากร้านเขาสัพยอกเธอว่า ‘ร้ายนักนะ’ ด้วยท่าทีไม่จริงจัง อาจจะเพราะก่อนหน้านี้เพิ่งโกหกออกไปคำโต

ตอนนี้เธอไม่เหมือนคนที่บังเอิญไปทำบุญวัดเดียวกับไตรทศแล้วติดรถเขากลับเลยสักนิด ไม่เหมือนเลย

เกิดแต่กับเธอจริงๆ สินะจังหวะนรกพรรค์นี้

กระทั่งขึ้นมาบนรถคนตัวเล็กก็ยังมีทีท่าเอื่อยเฉื่อยไร้ชีวิตชีวา เธอเลือกนั่งข้างคนขับเพราะเขาบอกว่าให้นั่ง ผนวกกับคร้านจะต่อต้านเพราะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง นับจากนี้คงแถอะไรไม่ได้อีกแล้ว ชยินน่าจะเข้าใจไปเช่นนั้นโดยไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย ความรักของเธอที่เฝ้าถนอมมาตั้งหลายเดือนพังทลายลงต่อหน้าต่อตา

อกหักมันเจ็บอย่างนี้นี่เอง

“อาหารอร่อยไหม”

หล่อนปรายสายตาไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย เอ่ยเสียงแผ่ว “ค่ะ” แล้วจึงเบือนหน้าไปทางอื่น

เพราะอะไรกันนะเรื่องราวมันถึงดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ เพราะข้อความของเขาในวันนั้น เพราะการตัดสินใจเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์ของเขากับแฟนเก่า เพราะตกปากรับคำไปตามนัด หรือเพราะความเหงาและความอยากรู้อยากลองที่ทำให้เธอปล่อยใจไปตามอารมณ์

ทั้งหมดทั้งมวลหลอมรวมให้เหตุการณ์กลายเป็นอย่างนี้ ไม่รู้จะโทษใครเหมือนกัน ตัวเองก็มีส่วนผิด ส่วนไตรทศน่ะหรือ รายนั้นผิดมากกว่าใครทั้งหมดในสมการนี้ เพราะเขานั่นแลไม่ยอมจบสักทีถึงได้ยุ่งเหยิงยิ่งกว่าสายไฟ

“เป็นอะไรไปรึ”

ก่อนหน้านี้ชื่นพธูก็ดูไม่เต็มใจจะมากับเขา มีฮึดฮัดบ้างตามประสาเด็กหัวรั้น แต่ไม่ได้นิ่งงันอย่างที่เป็นอยู่

หล่อนไม่ตอบ เขาจึงถามย้ำ “หนูชื่น หนูไม่สบายหรือเปล่า”

“หนูสบายดีค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

ไหล่หนาไหวเล็กน้อยแล้วหันไปสนใจท้องถนนเบื้องหน้าแทน ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดเพื่อมาหยุดยังหน้าหอพักของหญิงสาว

เธอหันมาพนมมือแนบอกพลางค้อมศีรษะให้คนอายุมากกว่า “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ”

เจ้าของผมสั้นระลำคอจ้องมองคู่สนทนาโดยไม่คิดหลบสายตา “ตอนที่พี่ทักมาหาหนู วันนั้นหนูก็เต็มใจช่วยค่ะ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น ครางรับในลำคอ “หือ...อ่า”

“เพราะพี่เป็นคนรู้จัก ถึงไม่เคยคุยก็คุ้นหน้าค่าตา พี่เดือดร้อนแบบนั้นถ้าหนูพอจะช่วยได้ก็ยินดีช่วย แต่หนูคิดไม่ถึงเลยค่ะว่าการช่วยพี่ในวันนั้นมันจะนำพาเรื่องยุ่งเหยิงมาให้หนูขนาดนี้ หนูยอมรับกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นว่าตัวเองก็มีส่วนผิด หนูผิดที่ไม่หักห้ามใจจนเราเลยเถิด แต่หนูไม่โกรธพี่เลยสักนิด หนูแค่อยากให้มันจบ พี่ช่วยจบให้หนูได้ไหมคะ เห็นแก่ที่หนูเคยช่วยเป็นไม้กันหมาให้พี่ก็ได้ ต่อไปนี้อย่ามาให้หนูเห็นหน้าอีกเลย ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ”

สิ้นประโยคยาวเหยียดที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความสะกดกลั้นและอัดอั้น ชื่นพธูก็ลงจากรถพลางสืบเท้าเดินตรงดิ่งไปยังตัวอาคาร หัวใจของเธอแทบระเบิดออกอยู่รอมร่อ เธออยู่ของเธอดีๆ แต่แล้วเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน

สายตาคู่คมมองดูแผ่นหลังบอบบางไม่วางตา กระทั่งเจ้าหล่อนลับหายไปจากครรลองจักษุ ความรู้สึกหน่วงเริ่มกัดกินหัวใจราวมีมือที่มองไม่เห็นยื่นมาบีบรัดไว้ ทั้งที่เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอแต่กลับไม่ชอบใจที่เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดขี้หน้ากัน เขาพิสูจน์ได้แล้วว่าชื่นพธูไม่ได้ชอบพออะไรในตัวเขาสักนิด

ก็ใช่ว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยหลับนอนด้วย ในเมื่อเธอไม่ได้คิดสานสัมพันธ์กันก็ควรปล่อยไปตามทางของใครของมัน

นั่นไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับเขา ที่ผ่านมาก็ทำแบบนั้นมาตลอด ก็แค่ได้ประโยชน์ร่วมกันในคืนหนึ่งเท่านั้น แต่พอคิดว่าจะต้องปฏิบัติเช่นนั้นกับชื่นพธู ไม่รู้ทำไมถึงไม่สบายใจเอาเสียเลย มันกระวนกระวายใจจนอยากตามไปคุยให้รู้เรื่อง แต่ก็เหมือนมีอะไรมารั้งไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้น

สายตาของเธอบอกเขาว่าไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีกแล้ว

มือหนาเสยผมลวกๆ อย่างเครียดจัด ว้าวุ่นจนไม่หลงเหลือสมาธิ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรหรือเคลื่อนรถออกไปไหนก็มีสายเรียกเข้าจากมารดาดังขึ้นมาขัดเสียก่อน


ประตูหน้าหอถูกปิดลงพร้อมร่างแน่งน้อยที่เดินขึ้นชั้นสองราวคนหมดแรง แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความยากเย็น รู้สึกหนักอึ้งจนก้าวแทบไม่ออก

แต่มันไม่เป็นอะไรเลยหากเธอจะต้องรู้สึกเช่นนี้ถ้าแลกมาด้วยการที่ไตรทศเลิกยุ่งกับตนเอง

ชื่นพธูพาใจลอยๆ ไปถึงห้องพักของตนได้ในที่สุด มือบางล้วงเข้าไปหยิบกุญแจเพื่อไขเข้าไปในห้อง ทว่าจังหวะที่ดันประตูให้อ้าออกเพื่อสอดตัวเข้าไปด้านใน ร่างแน่งน้อยก็ถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากทางด้านหลังจนล้มลงไปที่พื้น ความเจ็บแล่นไปทั่วทุกอณูแม้แต่จะส่งเสียงร้องยังทำไม่ได้ มันจุกเสียดและงุนงงในเวลาเดียวกัน

กว่าจะทันได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นผมสั้นๆ ก็ถูกกำไว้แน่นก่อนออกแรงดึงให้เข้ามาด้านใน ประตูห้องถูกปิดดังปัง ชื่นพธูพยายามฝืนความเจ็บเพื่อเงยหน้าขึ้นมองว่าใครกันที่ประทุษร้ายตนเช่นนี้

หล่อนทันได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะถูกฝ่ามือหนาๆ ง้างขึ้นสูงแล้วฟาดลงมาที่แก้มนวล ทว่าชื่นพธูก้มหน้าหลบได้ทัน จากแก้มจึงเป็นหัวที่รับแรงนั้นไว้

เธอสับสน มึนงง รู้แค่ว่าตนเองกำลังถูกผู้ชายคนนั้นทำร้ายร่างกาย

ผู้ชายที่เคยมาที่ร้านแล้วถามว่าเธอเป็นแฟนของไตรทศใช่หรือไม่

“ปากดีนักนะมึง”

สาวเจ้ารวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายในการถามออกไปตามตรง พร้อมถดกายหนีจากชายร่างกายบึกบึนที่ยืนจังก้าด้วยใบหน้าถมึงทึง “พี่มาทำหนูทำไม หนูไปทำอะไรให้พี่”

“มึงไม่ต้องอยากรู้ รู้แค่ว่าปากอย่างมึงต้องโดนสั่งสอน”

“เราไม่รู้จักกัน พี่จะมาทำหนูทำไม”

ผู้บุกรุกสืบเท้าเข้ามาใกล้ๆ หวังทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อยก็ให้เอาเลือดหัวไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาล้างเท้าก็ยังดี แต่อีกก้าวก็จะประชิดตัวหล่อนได้แล้ว คนตัวเล็กกลับแผดเสียงดังลั่นไปทั่วชั้น

“กรี๊ด! ช่วยหนูด้วยค่ะ”

สิ้นคำนั้นฝ่ามือหยาบกระด้างก็ฟาดเข้าที่แก้มจนหน้าชาดิกไร้ความรู้สึก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากบ่งบอกว่าอีกฝ่ายได้ฝากรอยแผลไว้ให้ตนเอง

“อยากตายนักใช่ไหม”

ก่อนที่ชายวัยฉกรรจ์จะก้าวมาประชิดตัว ชื่นพธูก็ยกเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องไปเต็มรัก แต่น่าเสียดายที่แรงของเธอมันเบาราวขนนกจนไม่อาจสร้างความเจ็บปวดใดๆ ให้กับคู่กรณีได้เลย เธอเคยบอกกับไตรทศว่าหากมีคนมาหาเรื่องจะรับมือแบบเท่ๆ อย่างที่เขาทำ แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับทำอะไรไม่ได้ ซ้ำยังเจ็บตัวจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะสู้

ครั้นแหกปากตะโกนออกไปอีกครั้งก็ถูกตบจนฟุบลงไปกับพื้น

ไตรทศเคยบอกว่าถ้ามีคนมาหาเรื่องเธออีก เขาก็จะปกป้อง แต่ตอนนี้มีแค่เธอคนเดียวที่อยู่ตรงนี้

ช่างมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

ฝ่าเท้าถูกง้างก่อนจะประเคนมันลงมาที่ตัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แล้วประตูก็ถูกถีบเข้ามาเพื่อขัดจังหวะ ทำให้อีกฝ่ายต้องหยุดเท้าไว้กลางอากาศ

“เฮ้ย! มึงจะทำอะไรผู้หญิง”

แล้วใครต่อใครก็พากันเข้ามาจับผู้บุกรุกให้ออกห่างกับคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนพื้น เนื้อตัวมีร่องรอยการถูกทำร้าย ใบหน้ามีริ้วสีแดงเปื้อนเป็นรอยฝ่ามือ ชายคนหนึ่งปรี่เข้ามาช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้นนั่ง

ชื่นพธูไม่ร้องไห้ ปากสั่นงันงกแต่ก็พยายามขยับเพื่อพูดเมื่อพินิจดูแล้วพบว่าคนที่มาช่วยเป็นคนที่อาศัยในหอพักเดียวกัน “มัน...มันทำหนู มันมาได้ไงไม่รู้”

“ใจเย็นๆ นะน้อง ไม่เป็นอะไรแล้ว”

เธอเห็นว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเองก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในจุดเกิดเหตุ คุณลุงยามที่เธอคุยด้วยบ่อยๆ ถลามาจับตัวผู้บุกรุกไว้แทนลูกบ้าน พวกเขาได้ยินเสียงร้องเลยพากันวิ่งมาตามเสียงจึงช่วยได้ทัน

แต่แล้วใครบางคนก็ปรากฏอยู่ในครรลองสายตา

ความเข้มแข็งที่เคยมีมาทั้งหมดพลันพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี “พี่ตง ฮึก ช่วยหนูด้วย”

♡⃛ ──────── ♡⃛

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว