บทที่ 1 ขับไล่ออกจากตระกูลเฉียว (รีไรต์)
“เสิ่นชิง เธอนี่มันหน้าด้านจริง ๆ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงอายจนอยากฆ่าตัวตายไปแล้ว”
คฤหาสน์ตระกูลเฉียว เสิ่นชิงทรุดตัวลงกับพื้น ชายคนหนึ่งเหยียบลงบนนิ้วมือของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท่าทางของชายคนนั้นโกรธเกรี้ยวสุดขีด เขาเกลียดมากจนอยากบดขยี้หล่อนให้จมดิน
ความเจ็บปวดแล่นสู่ปลายนิ้วทำให้เสิ่นชิงสะดุ้งตื่น
เธอเพิ่งตระหนักได้ว่าถูกคนเหยียบแนบฝ่าเท้า รอบข้างมีคนกลุ่มหนึ่งยืนชมภาพตรงหน้าด้วยท่าทางยินดี
นึกออกแล้ว
คนพวกนี้มาแก้แค้นให้เฉียวอวี้เหอ
สัปดาห์ก่อน เรื่องราวลูกสาวที่แท้จริงและลูกสาวตัวปลอมของตระกูลเฉียวได้ถูกเปิดเผย
เมื่อ 20 ปีก่อนนั้น พี่เลี้ยงตระกูลเฉียวแอบสลับลูกสาวของตัวเอง กับคุณหนูตัวจริง
คุณหนูตัวจริงถูกทอดทิ้งให้เผชิญความยากลำบาก ขณะที่เธอ ‘เสิ่นชิง’ กลับได้ครอบครองกรงทอง*[1] เพลิดเพลินกับความร่ำรวยและชีวิตอันหรูหรา
แต่ตอนนี้ ความลับถูกเปิดเผย ทุกคนต่างเห็นใจเฉียวอวี้เหอ ขณะที่เสิ่นชิงกลายเป็นหนูในท่อที่ทุกคนต่างรุมประณาม
หญิงสาวส่ายหัว พลางคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ พวกเขากล้าหลงเชื่อคำโกหกโง่เง่าแบบนี้ได้ยังไง
พวกเศรษฐีไม่ใช่คนโง่ จะถูกพี่เลี้ยงหลอกจนหัวหมุนได้อย่างไร
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอได้สืบเรื่องจนรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
แท้จริง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของพ่อแม่บุญธรรมขี้โกหก!
ในตระกูลเฉียว คุณปู่เฉียวมีลูกหลานมากมาย แต่เดิมทรัพย์สมบัติไม่มีทางตกถึงมือหลานชายอย่างเฉียวเฟิงแน่ ๆ
แต่คุณปู่เฉียวป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง*[2] และจำเป็นต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ อีกทั้งยังมีเลือดกรุ๊ป Rh-*[3] ซึ่งหาได้ยาก การจะหาเลือดที่เข้ากันได้แต่ละครั้งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
หลังคู่สามีภรรยาเฉียวเฟิงรู้ว่ากรุ๊ปเลือดของเธอตรงกับคุณปู่เฉียว พวกเขาก็ใช้อิทธิพลในโรงพยาบาล สับเปลี่ยนตัวเธอมาเป็นลูกสาวของตัวเอง
อายุเพียงห้าขวบก็ต้องเริ่มบริจาคเลือดให้ผู้อาวุโสเฉียว นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว
เพราะการบริจาคเลือด ทำให้ผู้อาวุโสเฉียวเกิดความรักใคร่และรู้สึกผิดต่อเธอ ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อหลานชายและครอบครัวเสมือนเป็นครอบครัวของตัวเอง
และด้วยการบริจาคของเสิ่นชิง ทำให้คู่สามีภรรยาตระกูลเฉียวได้รับผลประโยชน์มากมาย และในที่สุดก็ได้รับส่วนแบ่งก้อนโตจากเฉียวกรุ๊ป
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สามีภรรยาตระกูลเฉียวแอบช่วยเหลือเฉียวอวี้เหออยู่ตลอด เฉียวอวี้เหอยังมีชีวิตที่ดีกว่าเธอเสียอีก
ทันทีที่ชายชราเสียชีวิต สามีภรรยาตระกูลเฉียวก็รีบเฉดหัวหญิงสาวออกจากบ้านทันที และรับลูกสาวตัวจริงกลับไป
“เสิ่นชิง ทำไมเธอยังหน้าด้านอยู่ในตระกูลเฉียวอยู่อีก? เธอไม่ละอายใจบ้างหรือไง?”
ชายคนนั้นเห็นเสิ่นชิงไม่ยอมพูดจา จึงเอื้อมมือไปบีบคางของหล่อน
คนคนนี้เป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลเฉียว ปกติมักจะประจบประแจงเสิ่นชิงอยู่เสมอ แต่ตอนนี้กำแพงของเสิ่นชิงพังทลาย ทุกคนต่างก็รุมเหยียบย่ำ แม้แต่ชายคนนี้ก็เช่นกัน
เสิ่นชิงเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสวยคมแฝงความเย็นชาและโกรธเคือง “คนที่ควรละอายใจคือพวกเขา ไม่ใช่ฉัน”
“นังสารเลว แกมันจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งตระกูลเฉียวยังกล้าดูถูก”
ในฐานะสุนัขรับใช้ตระกูลเฉียว ชายคนนั้นตบหน้าเสิ่นชิงอย่างไม่ลังเล
ทว่าหญิงสาวไหวตัวทัน นัยน์ตาเฉียบคม หลบไปด้านข้าง ก่อนจะพุ่งชนเขาอย่างแรง
ชายคนนั้นถูกชนล้มลงกะทันหัน เสิ่นชิงอาศัยจังหวะนั้นคุกเข่าลงกดแขนทั้งสองข้างไว้ จากนั้นก็คว้าถังขยะใกล้ตัวมาครอบปากเขา
“ปากเหม็นขนาดนี้ เอาขยะไปกินหน่อยเป็นไง!”
พูดจบ เสิ่นชิงก็หันขวับไปมองทุกคน นัยต์ตาของเธอฉายแววคุกรุ่น
“ฟังฉันให้ดี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสามีภรรยาเฉียวตั้งใจสลับลูก จับฉันมาเลี้ยงเป็นธนาคารเลือดของคุณปู่ แลกเลือดของฉันกับทรัพย์สินของตระกูลเฉียว พวกเขาต่างหากคือปีศาจที่ดูดไขกระดูกและไร้ความปรานี!”
พูดจบ เสิ่นชิงก็ดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยเข็มเขียวช้ำเป็นแถว
ทุกคนต่างตกตะลึง
อะไรนะ! เรื่องพลิก?
ตระกูลเฉียวสลับลูกงั้นเหรอ?
ก่อนที่ทุกคนจะตั้งสติ สามีภรรยาเฉียวก็รีบมาถึงพร้อมกับบอดี้การ์ด
เฉียวเฟิงขมวดคิ้วแน่นเอ่ยว่า “นี่แก! ไม่ยอมชดใช้เงินเจ็ดสิบล้านหยวนก็แล้วไป ทำไมยังจะมาใส่ร้ายป้ายสีในที่สาธารณะอีก? ทุกคนอย่าไปเชื่อนะ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก พ่อแม่ที่ไหนจะปล่อยลูกสาวตัวเองไว้ตามลำพัง แล้วไปเลี้ยงลูกคนอื่น?”
หญิงวัยกลางคนหยิบใบเสร็จออกมา มองเสิ่นชิงด้วยสายตาอ่อนโยน “ชิงชิงจ๊ะ นี่คือบิลค่าใช้จ่ายเจ็ดสิบล้านหยวน เป็นค่าใช้จ่ายของลูกในยี่สิบปีที่ผ่านมา แต่พวกเราไม่เอาคืนแล้ว เลี้ยงดูเธอมาหลายปี ก็ต้องผูกพันเป็นธรรมดา”
คุณนายเฉียวทั้งสง่างามและอ่อนโยน ดวงตาของเธอมองไปที่เสิ่นชิงด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เสิ่นชิงชำเลืองแวบหนึ่ง “ฮ่า ๆ หน้าตาก็เหมือนพระโพธิสัตว์ แต่ใจคอโหดยิ่งกว่างูพิษ คนที่เสนอให้สลับตัวตั้งแต่แรกก็คือคุณนั้นแหละ!”
ใบหน้าของคุณนายเฉียวพลันซีดเผือด ก่อนจะแสร้งทำเป็นร้องไห้น่าสงสาร “ชิงชิง พูดแบบนี้ได้ยังไง ลูกคือคนที่แม่รักและเอ็นดูที่สุด เงินค่าขนมแต่ละเดือนที่ให้ไปก็ตั้งหลายล้านหยวน”
หางตาเสิ่นชิงแดงก่ำ “ตลกสิ้นดี ฉันก็แค่หมากตัวหนึ่งที่พวกคุณใช้แย่งชิงทรัพย์สิน คิดว่าจะยอมเสียเงินเจ็ดสิบล้านให้ฉันจริง ๆ งั้นเหรอ? ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของฉัน คุณปู่เป็นคนจ่ายทั้งนั้น”
เฉียวเฟิงกับภรรยากลัวว่าเสิ่นชิงจะพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป จึงรีบสั่งให้บอดี้การ์ดลากตัวเธอออกไป “ชิงชิง รถที่จะไปรับหนูกลับบ้านมาถึงแล้ว ยายที่บ้านนอกก็รอหนูกลับไปหาอยู่เหมือนกัน”
คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ด้วยอำนาจของเฉียวเฟิง พวกเขาจึงเลือกปิดปากเงียบ
ส่วนเสิ่นชิงก็ไม่ได้ขัดขืน เธอรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
ตอนที่เดินผ่านเฉียวเฟิงและภรรยา เสิ่นชิงก็ยิ้มเยาะเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “คุณปู่เคยบอกฉันว่า ของที่ขโมยมา หลอกลวงมา สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับคืนเจ้าของ”
พอได้ยินดังนั้น เฉียวเฟิงและภรรยาก็อึ้งไป รู้สึกผิดในใจจนไม่กล้าสบตาเธอ “ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร”
มุมปากเสิ่นชิงยกยิ้มเย้ยหยัน “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกคุณก็รู้”
รถเริ่มเคลื่อนตัว ทิวทัศน์นอกหน้าต่างไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสิ่นชิงหันกลับไปมองคฤหาสน์ตระกูลเฉียวที่แสนคุ้นเคยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหลับตาลง
“เฉียวชิง เธอยอมออกมาง่าย ๆ แบบนี้ เธอไม่เกลียดพวกเขาหรือไง?”
คนขับรถที่สวมแว่นกันแดดอยู่ด้านหน้าเอ่ยถามขึ้นมา เสียงของเขาทุ้มต่ำหนักแน่น ฟังดูน่าเชื่อถือและปลอดภัย
“เกลียดสิ ทำไมจะไม่เกลียดล่ะ?”
เสิ่นชิงแค่นเสียงหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เธอยื่นกล่องใบหนึ่งไปไว้ที่เบาะหน้า
เมื่อเห็นกล่องใบนั้น สายตาของคนขับรถก็วูบไหว มือที่กำพวงมาลัยสั่นเทาเล็กน้อย “เฉียวชิง ขอบคุณมาก”
เสิ่นชิงหันไปมองนอกหน้าต่าง “อย่าเรียกฉันว่าเฉียวชิงเลย ตอนนี้ฉันแซ่เสิ่นแล้ว”
ภายในกล่องนั้นบรรจุตราประทับของเฉียวกรุ๊ป หากปราศจากตราประทับนี้ เฉียวเฟิงและภรรยาก็ไม่สามารถเข้าครอบครองบริษัทได้อย่างราบรื่น
มุมปากของเสิ่นชิงยกยิ้มอย่างพึงพอใจ พวกเขาดูเหมือนจะดีใจเร็วเกินไป การต่อสู้แย่งชิงมรดกของตระกูลเฉียว เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“เฉียวเทียนเอิน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อย่าเหลืออะไรไว้ให้พวกมันแม้แต่อิฐก้อนเดียว”
เฉียวเทียนเอินกำพวงมาลัยแน่น นิ่งไปครู่หนึ่ง “อันที่จริง ทรัพย์สินส่วนหนึ่งควรเป็นของเธอ คุณปู่ท่าน...”
เสิ่นชิงส่ายหัวและขัดจังหวะ “แค่พวกเขากันเองก็ทะเลาะกันจะตายอยู่แล้ว ถ้าฉันที่เป็นคนนอกเข้าไปยุ่งอีก ตระกูลเฉียวคงร่วมมือกันจัดการฉันก่อนจริงไหม?”
“ตอนนี้ฉันไม่มีใครคุ้มครองแล้ว ในหางโจวไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อยากเห็นฉันตาย ฉันไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก”
เมื่อเฉียวเทียนเอินได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ก็จริง ต่อไปนิสัยชอบทำให้คนอื่นขุ่นเคืองของเธอต้องแก้ไขแล้วนะ”
กริ๊ง... กริ๊ง...
โทรศัพท์ของเสิ่นชิงดังขึ้น ปลายสายคือหยางคัง ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
“เสิ่นชิง ทีมงานละครเรื่อง ‘รักแรก’ เปลี่ยนตัวนักแสดงแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังมีกระแสอยู่บ้าง ทางบริษัทเลยรับรายการถ่ายทอดสดมาให้น่ะ”
“รายการนี้จะถ่ายทอดสดชีวิตของคุณหลังจากกลับชนบท ถ่ายตอนคุณตักขี้หมูและหาบขี้วัวทุกวัน”
หลังจากได้ยิน เสิ่นชิงก็ขมวดคิ้ว สงสัยว่ารายการนี้จงใจกลั่นแกล้งเธอ
อดีตคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียว ผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองหางโจว ตอนนี้ต้องไปโกยขี้หมูในคอกอย่างนั้นเหรอ?
[1] ครอบครองกรงทอง หมายถึง คนที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี แต่ไม่มีอิสระที่จะทำตามใจตัวเอง
[2] โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง คือ การที่เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมามากเกินไป ทำให้มีภาวะเลือดออกง่ายกว่าปกติ
[3] เลือดกรุ๊ป Rh- เป็นกรุ๊ปเลือดที่รับได้เพียงชนิดอาร์เอชลบเท่านั้น
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว