รีวิวหัวโจก-รีวิวหัวโจก

โดย  โป๊ยเซียนเขียนรีวิว

รีวิวหัวโจก

รีวิวหัวโจก

เมื่อคืน... มันดี มันดีมากกกกกกกก

ประสบการณ์ใหม่ในวัยยี่สิบเจ็ดปีที่ไม่เคยเจอมาก่อน

เหมือนมีคนมาชวนร้องเพลง A whole new world

มันทั้ง Shining, shimmering, splendid

ต่อให้เมาหัวราน้ำแค่ไหน ก็บอกเลยว่าฟินจนลืมไม่ลง

ลลิตยา หรือ ลิตา บอกกับตัวเองหลังจากตื่นนอนมาแต่เช้าตรู่ด้วยความมึนงงและอาการปวดศีรษะโจมตีอย่างรุนแรง แต่สมองยังทำงานได้ดี และยังประมวลภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนได้อย่างแม่นยำ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวิ่งเข้ามาในหัวราวกับแฟลชแบ็ค ต่อให้พยายามหลอกตัวเองว่าจำไม่ได้ แต่ก็เหมือนมีคนเอามาปาใส่หน้าให้เธอจำได้อยู่ดี

วันนี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ ย้อนกลับไป 5 นาทีที่แล้ว เธอโดนปลุกในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคยด้วยกลิ่นหอมประหลาด

มันหอม... หอมอะไรสักอย่าง ที่ยิ่งได้กลิ่นยิ่งอยากดม

น้ำหอมผู้ชายราคาแพง ลึกลับ ดุดัน

มีความดิบเถื่อนแบบผู้ชายแมนๆ แต่ก็เซ็กซี่ด้วย

หลังจากฝืนลุกขึ้นนั่ง แต่เปลือกตามันหนักจนลืมตาไม่ขึ้น พยายามขยี้ตาไล่ความง่วงงุน ผมที่ปกติยาวสวยดูยุ่งเหยิง นิ้วมือที่ขยี้ตาเมื่อครู่มีคราบสีดำของมาสคาร่าติดที่ข้อนิ้วบ่งบอกว่าเมื่อคืนเธอหลับไปทั้งๆที่ไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออก กับลมหายใจมีกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจน เป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่าไม่ได้แปรงฟันก่อนเข้านอนอีกต่างหาก

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น... ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ก่อนดี?

หลังจากนึกทุกอย่างออกแล้ว หญิงสาวเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆบนเตียงนอนที่ไม่ใช่เตียงของตัวเอง และแน่นอนว่าพักโรงแรมย่านทองหล่อนี่ก็ไม่ใช่ห้องเธอด้วย

เมื่อคืนเมาเหมือนหมา...

เพราะนังเพื่อนตัวดีรวมหัวกันกรอกเหล้าไม่หยุด บอกว่าให้เหล้ามันฆ่าเชื้อแผลที่ใจ

ก็คงจะจริงที่เพื่อนๆว่า สงสัยเพราะอกหักทำพิษ พอเจอผู้ชายหล่อตรงสเปกเข้ามาหาหน่อย จากที่เมื่อก่อนเคยปฏิเสธทุกคนเพราะยกใจให้ใครคนหนึ่งไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะหล่อเลิศแค่ไหนก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้ลึกๆในใจจะคันยุบยิบ อยากลองของพรีเมียมบ้างก็ต้องสงวนท่าทีไว้

แต่ในเมื่อรักมันขม ก็โยนอุดมการณ์บูชาความรักที่มาตลอดทิ้งไปเสีย อะไรที่เคยต้องเก็บกดไว้นานหลายปีก็ระเบิดออกมาแบบหยุดตัวเองไม่ได้ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เขาเดินมาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยก็ไม่ปฏิเสธ ลากไปเต้นด้วยก็ไม่ได้ขัด ขนาดโดนจู่โจมรวบเอวไปนั่งตักก็ทำใจกล้าเอามือโอบคอเขาไว้อีก

เพื่อนสาวของเธอแต่ละคนนอกจากจะไม่ห้ามแล้วยังยุส่งอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นมันจะไปเหลืออะไรกับการใกล้ชิดผู้ชายครั้งแรก กอดแรก จูบแรก... รวมถึงเสียตัวครั้งแรกด้วย...

แหม... ว่าไม่ได้ มันก็เลิศอยู่นะ

ความเจ็บอยู่ไม่นาน แต่ความสนุกสนานอยู่ยาวทั้งคืน

ยอมรับกับตัวเองอย่างหน้าไม่อายว่าแม้เซ็กซ์ครั้งแรกจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้รัก แต่มันไม่ได้เลวร้าย แถมยังรู้สึกดีชนิดที่เกือบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองอกหักอยู่… อย่าว่าแต่รักเลย เธอไม่รู้จักเขามาก่อนด้วยซ้ำ

“เพิ่งจะ6โมงเอง ยังเช้าอยู่เลย คุณนอนต่อได้นะ”

เสียงทุ้มแหบพร่า พ่อหนุ่มฮอตคนเดียวกับเมื่อคืนนี้พลิกหน้ามาถาม แม้จะยังนอนคว่ำหน้า ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากหมอน แต่ซีกหน้าที่พอได้เห็นก็รู้ว่าหน้าตาดีไม่เบา ตรงบ่ามีรอยสักเล็กๆเป็นตัวหนังสือเรียงกันเป็นประโยคสั้นๆ แต่ลิตาก็ไม่กล้าก้มไปอ่านดูใกล้ๆว่าเขียนว่าอะไร

หล่อจัง เมื่อคืนตอนมืดๆว่าหล่อแล้ว พอสว่างเห็นชัดแบบนี้ยิ่งดูดีกว่าเดิม

ลิตาชอบผู้ชายผิวขาว ตาโต จมูกโด่ง อันที่จริงแล้วชีวิตนี้เธอตกหลุมรักผู้ชายอยู่แค่เพียงคนเดียวซึ่งอาจจะเป็นต้นฉบับของความชอบนี้ ถึงทั้งสองคนอาจจะไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้นด้วยนิสัยและคาแรคเตอร์ แต่ภาพของเขาคนนั้นก็ทับซ้อนขึ้นมากับคนตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่นอนแล้ว แต่อยากเข้าห้องน้ำค่ะ”

นาทีนี้ที่สติกลับมาเต็มร้อยก็ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากชำระล้างร่างกายให้สะอาดแล้วรีบเผ่นไปจากที่นี่

“ตามสบายครับ แต่ก่อนกลับกินข้าวด้วยกันก่อนนะ เดี๋ยวผมไปส่ง... ห้ามปฏิเสธ”

รีบดักคอทันทีที่เห็นอีกฝ่ายอ้าปากทำท่าจะปฏิเสธตอนที่อาสาไปส่ง.. ในที่สุด เขาก็ยอมพลิกตัวขึ้นมาสบตาแล้วสินะ แต่อาจจะดีกว่าถ้ากลับไปนอนคว่ำหน้าเหมือนเดิม

ความกระอักกระอ่วน ขัดเขินมันพุ่งขึ้นมาแบบห้ามไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลิตาได้ใกล้ชิดผู้ชายคนอื่นนอกจากพี่ชายของตัวเองมากขนาดนี้ ยิ่งพอผ่านความร้อนแรงด้วยกันมาค่อนคืนก็รู้สึกมือไม้มันเกะกะไปหมด ไม่รู้จะต้องพูดอะไร จนอยากรู้ว่าปกติคนที่มี One night stand ด้วยกัน เวลาที่ต้องตื่นมาเผชิญหน้ากันในตอนเช้าเขาทำตัวกันอย่างไร

เธอรีบพยักหน้าแล้วลากสองขาพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำอย่างงงๆ แต่ก็ขอบคุณเพื่อนร่วมเตียงที่ยังใจดีใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ที่เขาใส่มาเมื่อคืนไว้ให้ตั้งแต่ก่อนเธอตื่น(ตอนไหนก็ไม่รู้) อย่างน้อยตื่นเช้ามาก็ไม่ต้องเขินไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ตัดภาพมาอีกที ลิตาและชายแปลกหน้าก็มานั่งอยู่ที่ร้านโจ๊กในตึกแถวไม่ไกลจากโรงแรมที่เพิ่งไปค้างคืนมา

หลังจากผ่านการล้างหน้าแปรงฟันและอาบน้ำแบบติดสปีด ชายหนุ่มตรงหน้าก็ลากเธอมาทานข้าวเช้าอย่างที่ได้บอกไว้ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเช้าเกินกว่าที่ห้องอาหารของโรงแรมจะเปิดให้เข้าไปทานได้

ภาพของเขาในตอนนี้แปลกตาจากเมื่อคืนที่ลิตาจำได้พอสมควร เมื่อคืนนี้มาในลุคหนุ่มฮิปฮอปเพลย์บอย แต่เช้าวันนี้มาแบบเด็กเนิร์ดทั้งที่ใส่ชุดเดิม เพียงแค่ผมที่ไม่ได้เซ็ตปรกลงมาที่หน้าผาก ใส่แว่นสายตาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ามองลงลด ใต้เสื้อยืดตัวใหญ่นั่นเธอพิสูจน์มาแล้วว่ามีของดียิ่งกว่าสินค้าส่งออกประจำตำบลซ่อนเอาไว้

ฮอตเนิร์ดสินะ

“เมฆ”

“คะ?”

สะดุ้งโหยงเหมือนถูกจับได้ว่ากำลังคิดไม่ดีด้วยการใช้สายตาสแกนทะลุเสื้อผ้า เพราะจู่ๆอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีเกริ่นนำอะไรมาก่อน

“ผมชื่อเมฆ คุณชื่ออะไร?” ชายหนุ่มขยายความให้อีกที

“เอ่อ.. ลิตาค่ะ”

คิดถูกหรือเปล่านะที่บอกชื่อไปกับคนที่เพิ่งรู้จัก… แต่แค่ชื่อเล่นคงไม่เป็นไร คนแปลกหน้าที่ตอนนี้รู้แล้วว่าชื่อเมฆพยักหน้ารับรู้

“ลิตา... ชื่อน่ารักดี”

เอาอีกแล้ว.. เขาทำให้เธอทำตัวไม่ถูกอีกรอบ หลังจากที่เมื่อเช้าเดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำแบบไม่อายสายตาคนที่เพิ่งจะหัดบริโภคอาหารพรีเมียมครั้งแรก

“ผมขอเบอร์ติดต่อคุณได้ไหม?”

นั่นไง ไม่ทันขาดคำ... ทำไมถึงชอบให้คนอื่นไปไม่เป็นแบบนี้นะ

แล้วเราควรจะให้เบอร์กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้คืนเดียวไหม?

...แต่เมื่อคืนก็ทำความรู้จักกันแบบทะลุปรุโปร่งมาแล้ว

ถ้าให้เบอร์เลยจะดูใจง่ายไปหรือเปล่า?

...แต่เมื่อคืนก็ง่ายไปหลายรอบอยู่

เพื่อนๆบอกว่าเธอควรต้องเปิดใจรับคนใหม่เข้ามาบ้าง

...เปิดผ้านำไปแล้ว ต้องนานแค่ไหนถึงจะเปิดใจต่อ

เหมือนมีสองเสียงตีกันในหัว ใจหนึ่งก็ยังรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป ความเจ็บของเดิมยังไม่ทันจางหาย แผลยังสดใหม่อยู่เลยด้วยซ้ำ อยากทำตามความตั้งใจเดิมคือให้มันจบแค่คืนเดียว

แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลองอะไรใหม่ๆ หรือถ้าเอาความจริงคือเคยลองแล้วรู้สึกติดใจเลยอยากลองอีกครั้ง

“ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ บอกตรงๆว่าผมรู้สึกดีกับคุณ... ผมว่าเราเข้ากันได้ดี”

เขาพูดแล้วยิ้มโดยไม่รอคำตอบจากเธอ ทำเอาลิตาหน้าร้อนฉ่า รู้ดีว่าความ’เข้ากันได้ดี’ที่เมฆบอกคือเรื่องไหน

ชายหนุ่มเห็นท่าทีเลิกลั่กแล้วก็พอเข้าใจความอึดอัดของอีกฝ่าย จึงหยิบกระดาษจดออเดอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา กดปากกาลงเขียนข้อความแล้วส่งกระดาษแผ่นนั้นให้เธอ

“อันนี้เบอร์โทรผม ไลน์ก็เบอร์นี้เลย.. ผมจะรอ”

ยิ้มอีกแล้ว... เขาเป็นผู้ชายที่ยิ้มสวย มีเสน่ห์ แววตาหลังเลนส์แว่นเป็นประกายวิบวับอย่างมั่นใจในตัวเอง ยิ่งดูเซ็กซี่ไปอีก

ใจสั่นเฉยเลย.. ใจแตกครั้งเดียวนี่ถึงกับคุมตัวเองไม่ค่อยจะได้

หลังจบมื้อเช้า ลลิตยาให้เมฆส่งแค่ที่ลานจอดรถของคอนโดเพื่อนสาวที่เธอมาฝากจอดทิ้งไว้เมื่อคืนก่อนจะออกไปตามนัด ชายหนุ่มมีท่าทีสบายๆฟังเพลงมาตลอดทาง ลิตาโล่งใจที่เขาไม่ได้เอ่ยปากขอตามไปจนถึงที่พักส่วนตัวของตัวเอง

“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก”

เขายิ้มให้ด้วยมุมปาก ชวนให้คนที่ไม่เคยตั้งใจมองผู้ชายคนไหนจริงจัง ใจย้วยยวบยาบไม่ต่างจากตอนยิ้มกว้าง ในใจระริกระรี้อยากจะยื่นเบอร์ตัวเองให้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านข้าวแล้วหลายครั้ง

แต่ต้องพยายามปรามตัวเองในใจไว้ให้สมกับที่พยายามเป็นคนเรียบร้อยมาตลอดชีวิต บวกกับรู้ตัวดีว่าสภาพความรู้สึกของตัวเองยังไม่ค่อยนิ่ง ได้แค่แอบเอากระดาษแผ่นนั้นซุกใส่กระเป๋าเงินไว้ก่อน

เผื่อเปลี่ยนใจแหละนะ...

อารมณ์ที่ยังสับสนพาลให้ทำตัวไม่ถูก ก็เลยได้แต่ยิ้มแห้งทิ้งท้ายให้ฮอตเนิร์ดสุดหล่อ ก่อนจะขึ้นไปนั่งในรถตัวเองแล้วเตรียมออกรถ แต่เมฆก็เดินมาเคาะกระจกก่อน

“ถ้าเจอกันรอบหน้า ผมไม่ให้คุณหนีแบบวันนี้แล้วนะ... หวังว่าจะให้โอกาสเราได้เจอกันอีกครับ”

ลิตาสตาร์ทรถแล้วขับออกมาช้าๆ เธอมองผ่านกระจกหลังเห็นเมฆยังคงยืนอยู่ที่เดิมสักพัก ก่อนจะหันหลังกลับไปขึ้นรถตัวเอง

ตลอดทางที่ขับรถกลับมาถึงหอพักใกล้มหาวิทยาลัย จนไขกุญแจเข้าห้องพัก ถอดรองเท้า วางกระเป๋า พอทรุดตัวนั่งลงบนเตียงตามลำพัง ลลิตยาก็เหมือนเพิ่งจะได้ให้เวลากับตัวเอง

ความฟินที่ได้กินของแซ่บเป็นครั้งแรกหายไป น้ำตาไหลออกมาแบบห้ามไม่ได้ เหลือแต่ความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ถาโถมซัดเข้ามาแบบไม่ยั้ง

เสียใจเรื่องที่เสียตัวให้คนแปลกหน้าหรอ?

ไม่เลย... มันดีจะตาย บอกแล้วว่า Whole new world

ความเจ็บ ความเสียใจแบบที่เคยอ่านเจอในนิยาย ไม่มีเลยสักนิด

ที่เจ็บคือ... คำพูดของเต้ต่างหาก


เตชินทร์ หรือ เต้ คือเพื่อนผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตของลิตา ผู้ใหญ่ครอบครัวทั้งสองคนสนิทสนมกันมากเพราะเมื่อก่อนบ้านของเธอและเตชินทร์อยู่ใกล้กัน

ทั้งคู่เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยมก็ยังสอบติดโรงเรียนเดียวกัน จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย เตชินทร์สอบติดคณะแพทย์ เหมือนกับเฮียลี พี่ชายของลิตา

ลีนวัต หรือที่ลิตาเรียกจนติดปากว่า เฮียลี พี่ชายคนเดียวของเธอ เป็นพี่ชายที่แสนดี ใจดี รักน้องสาวมาก ด้วยวัยที่ห่างกันถึงสิบสองปีทำให้ต้องรับบทเป็นคนดูแลลิตากับเตชินทร์มาตลอด

ลีนวัตเป็นคนหัวดี เรียนเก่ง เตชินทร์ชื่นชมเขามากจนยกให้ลีนวัตเป็นไอดอลเลยก็ว่าได้ ตอบสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยเข้าคณะแพทย์ตามแบบพี่ชายของเธอไป

ยิ่งเวลาผ่านไปลิตาและเตชินทร์ยิ่งสนิทกันมากขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทั้งเรียนพิเศษ ดูหนัง หรือเที่ยวช็อปปิ้ง เป็นภาพติดตาว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตลอด โดยมีลีนวัตเป็นพี่ใหญ่คอยตามรับส่ง หรือถ้าว่างก็จะไปเป็นเพื่อนด้วยเพื่อดูแลน้อง

ความสนิทและใกล้ชิดตั้งแต่เด็กจึงไม่แปลกที่ลิตาจะรู้สึกรักและผูกพันกับเตชินทร์ เขาเป็นทั้งเพื่อนสนิท เป็นผู้ชายที่เธอรัก เป็นรักครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงตอนนี้

ตอนเข้ามหาวิทยาลัยเธอพยายามอย่างมากที่จะเข้าเรียนคณะแพทย์ให้ได้เพื่อจะได้เรียนด้วยกัน แม้จะรู้ว่าตัวเองอาจจะมีความหวังน้อย แต่อย่างน้อยความรักก็ผลักดันลิตาให้พาตัวเองมาเข้าเรียนคณะเภสัชศาสตร์ ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเตชินทร์จนได้

จนถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่เรียนจบเรียบร้อย เตชินทร์ใช้ทุนจนครบสามปีแล้วกำลังเรียนต่อเฉพาะทาง ลิตาก็มาทำงานเป็นอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันกับโรงพยาบาลที่เตชินทร์ทำงานและเรียนต่ออยู่ทันทีหลังจากที่เธอเรียนต่อปริญญาโท แม้ว่าจะเป็นคนละมหาวิทยาลัยกับที่ทั้งคู่เรียนจบมา

อย่างที่บอก... มีเตชินทร์ที่ไหน ลิตาจะตามไปที่นั่น

ตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่รู้จักกันมาจนเกิดเป็นความรัก ลิตาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเตชินทร์เองนั้นก็ไม่ได้มีใครอื่นนอกจากเธอ แต่ความสัมพันธ์นี้มันอาจจะผิดพลาดตรงที่ไม่ได้ชัดเจนตั้งแต่แรก

เตชินทร์ไม่เคยขอเธอเป็นแฟน

เตชินทร์ไม่เคยบอกรัก

ไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน โอบไหล่หรือแสดงความรัก

จริงๆแล้วลิตาเองก็ไม่ใช่คนโง่ เธอพยายามที่จะหาโอกาสถามเขาเพื่อความชัดเจนในความสัมพันธ์นี้มาสักระยะแล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะให้ได้คุยอย่างจริงจัง

จนกระทั่งวันนั้น...


หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า

บ้านของลลิตยาและลีนวัตเป็นอาคารพาณิชย์ความกว้างสามคูหา ชั้นล่างสุดเป็นร้านอาหารจีนซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัว ซึ่งตอนนี้มีพ่อแม่ของเธอเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง

วันนี้ครอบครัวของเตชินทร์แวะมาเยี่ยมเยียน ทางบ้านจึงให้ทั้งเธอและพี่ชายกลับมาทานข้าวเย็นที่ร้านหนึ่งวัน แต่เนื่องจากลิตาเลิกงานช้าเพราะมีคาบสอนสอนนักศึกษานอกตาราง ลีนวัตจึงกลับบ้านมาก่อน ปล่อยให้หน้าที่ขับรถพาลิตากลับบ้านเป็นของเตชินทร์แทน

“มาแล้วหมอเต้ มานั่งเลยลูก ไม่ได้เจอนานผอมลงไปเยอะเลย… วันนี้กินเยอะๆนะลูก”

“แหม ลูกสาวก็มาพร้อมกัน แต่ทำไมทักเต้ก่อนหนูล่ะม้า”

แซวด้วยความหมั่นไส้เมื่อเห็นผู้เป็นแม่เอ่ยปากทักคนข้างๆทันทีที่ทั้งคู่เข้ามาในร้านก่อนลูกสาวอย่างตน

“ก็เมื่อเช้าม้าโทรหาเราแล้วไง”

แล้วก็รีบหมุนโต๊ะเลื่อนเมนูกระเพาะปลาน้ำแดงปู ของโปรดเตชินทร์มาตรงหน้าแล้วตักใส่ถ้วยเสิร์ฟให้

“ขอบคุณครับคุณป้าหลิน... เฮียลีกับลิตาเอาอะไรไหม? เดี๋ยวเราตักให้”

หันมาถามลีกับลิตา หลังจากเอ่ยขอบคุณหม่าม้าหลินของทั้งคู่ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนป้าหลินก็ยังคงให้ความเอ็นดูเตชินทร์มาตลอด

“เฮียกินมาสักพักแล้ว ดูแลลิตาเถอะ” ลีนวัตบอก

เตชินทร์จึงหันไปตักกุ้งราดซอสเสฉวนให้โดยที่ลิตาไม่ต้องบอก เพราะเตชินทร์รู้ดีว่าเธอชอบอะไร ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเห็นแล้วลอบยิ้มให้กันกับภาพที่เห็นจนชินตา

“คู่นี้เมื่อไหร่จะตกลงกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ที่จริงเรียนจบมานานแล้ว พ่อกับแม่อยากให้เต้คิดเรื่องอนาคตได้แล้วนะ”

จู่ๆพ่อของเตชินทร์ก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา เป็นคำถามที่ลิตาเองก็พยายามหาจังหวะจะถามเขามาสักพักแล้ว ทุกคนในโต๊ะดูไม่แปลกใจยกเว้นคนถูกถาม

“เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว จะให้ตกลงอะไรล่ะครับพ่อ?” เตชินทร์ตอบหน้ายิ้ม แม้แววตาจะเริ่มเปลี่ยน

“พ่อเขาหมายถึงว่าเมื่อไหร่ลูกจะเป็นแฟนกันสักที พ่อแม่เหนื่อยจะลุ้นแล้วลูก”

แม่ของชายหนุ่มช่วยขยายความ ลิตานั่งตัวเกร็ง ทั้งตกใจที่พ่อแม่อีกฝ่ายเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวของเธอที่นั่งฟังอยู่ด้วย อีกทั้งยังลุ้นไปกับคำตอบของเขาด้วย

มันเป็นคำตอบที่ตัวเธอเองก็อยากรู้มานานแล้วแต่ไม่เคยกล้าเอ่ยถามด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตลอดจนเคยชิน บวกกับมั่นใจว่าเตชินทร์เองก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับใครนอกจากเธอ

แต่ความที่เขาไม่เคยแสดงออกไปมากกว่าการดูแลเอาใจใส่ทั่วไป และไม่เคยแสดงความรักกับลิตาในรูปแบบคู่รักเลย ทำให้บางครั้งหญิงสาวเองก็เริ่มไม่มั่นใจ

“ผมกับลิตาเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไม่ต้องลุ้นหรอกครับ”

เตชินทร์ตอบเสียงเรียบ ก้มหน้ากินอาหารต่อ ไม่สบตาใครในโต๊ะ ลิตาที่คาดหวังคำตอบอีกแบบหน้าเสียไปเรียบร้อย ลีนวัตที่นั่งอีกข้างของลิตาจึงรีบแก้สถานการณ์

“ฮ่าๆ น้องอาจจะเขินเลยตอบแบบดารา ของแบบนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆเขาตกลงกันเองเถอะครับ... แหม อิจฉาความรักคนหนุ่มสาวจังเลย คนแก่แบบเฮียทำงานนานไปจนลืมหาแฟนเลยเนี่ย สงสัยต้องให้ป๊ากับม้าช่วยหาให้แล้วมั้ง”

“ไม่ได้ตอบแบบดาราครับเฮีย แค่เพื่อนครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แล้วผมไม่คิดจะมีแฟนตอนนี้ด้วย”

เตชินทร์สวนขึ้นทันควัน เขาไม่ปล่อยผ่านกับคำพูดของลีนวัต แม้สีหน้าจะเรียบเฉย แต่น้ำเสียงบ่งบอกความกรุ่นของอารมณ์ในระดับเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี

ลีนวัตหน้าเสียตามน้องสาวที่เงียบไปแล้ว ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน รีบเปลี่ยนบทสนทนา บรรดาผู้ใหญ่ทั้งสี่คน โดยเฉพาะพ่อแม่ของเตชินทร์แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับคำตอบของลูกชายแต่เมื่อเห็นสีหน้าของลิตาแล้ว ทุกคนจึงพร้อมใจกันเงียบ ปล่อยผ่านบทสนทนาเมื่อครู่ละไม่พูดถึงอีก

ลีนวัตหันไปมองลิตาด้วยความกังวล แม้จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ดวงตาเรียวสวยแดงก่ำ ฝ่ามือใหญ่ใต้โต๊ะเอื้อมไปกุมมือบางนั้นไว้ บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ

ใครบ้างจะดูไม่ออกว่าลิตาหลงรักเต้มาตลอด

ลลิตยาเองก็รู้สึกกรุ่นในใจ พาลให้ทานอะไรไม่ลง บอกไม่ถูกว่าตอนนี้เธอโกรธอะไร

โกรธคุณลุงที่ถามขึ้นมา.. โกรธเฮียลีที่ไปขยี้จุดซ้ำ.. โกรธคำตอบของเตชินทร์.. หรือโกรธตัวเองที่สุดท้ายแล้วทุกอย่างเกิดจากเธอคิดไปฝ่ายเดียว

ความอึดอัดบนโต๊ะอาหารลากยาวมาจนถึงบนรถที่ทั้งคู่นั่งกลับมาด้วยกัน ที่เปลี่ยนไปจากตอนขามาคือบรรยากาศภายในรถเงียบกริบ

ลิตาต้องกลับไปนอนหอพักที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย เนื่องจากวันพรุ่งนี้มีสอนคาบเช้า ส่วนเตชินทร์เองก็ต้องกลับไปที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเช่นกัน

ในใจอยากได้เวลาสงบสติอารมณ์ตามลำพัง แต่ในเมื่อมาขนาดนี้แล้ว ลิตาจึงตัดสินใจทำลายความเงียบนั้น

“เต้...”

เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ หญิงสาวไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรต่อ ตั้งสติ สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเรียบเรียงคำพูดที่ต้องการในหัวอีกครั้ง

“ที่เต้พูดวันนี้...”

“เราหมายความตามนั้นลิตา”

เขาเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องการถามอะไร ไม่รอให้ลิตาพูดจนจบประโยคด้วยซ้ำ ถึงดวงตากลมโตที่เธอหลงรักจ้องไปบนถนนแต่น้ำเสียงที่พูดออกมาบ่งบอกถึงความหนักแน่น

“เราไม่เข้าใจ.. เราคิดมาตลอดว่าเต้ไม่มีใครนอกจากเรา”

“เราก็ไม่ได้มีใคร ลิตาเป็นเพื่อนที่เราสนิทที่สุด เรารู้สึกดีกับลิตามากๆ แต่มันคือความรักแบบเพื่อน เราพยายามแล้วนะลิตา... เราพยายามวางตัวไม่ให้การกระทำของเราล่วงเกินลิตามากกว่าความเป็นเพื่อนมาตลอด”

“แต่ในเมื่อเต้ก็ไม่ได้มีใคร ถ้าเต้จะให้โอกาสเราได้เรียนรู้กันในฐานะอื่น…”

ไม่ไหวแล้ว... ลิตาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ต่อปล่อยให้มันไหลลงมาโดยไม่คิดจะเช็ดออก เริ่มกลั้นสะอื้นไม่ได้ ไม่เหลือแม้แต่ความหวังแล้ว เขาปิดโอกาสเธอทุกทาง

“เรารักลิตาแบบเพื่อน และเราไม่มีวันเปลี่ยนใจ ขอโทษนะ”

มันจบแล้ว...

ความรักครั้งแรกและครั้งเดียว ตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ลิตาได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลตลอดทางจนกระทั่งกลับถึงห้องพัก ยอมเสียมารยาท แสดงนิสัยไม่ดีด้วยการลงมาจากรถดื้อๆ ไม่แม้แต่จะหันหลับไปบอกลาเตชินทร์ที่มาส่ง...

หญิงสาวฟุบหน้าลงร้องไห้กับเตียง ร้องจนไม่มีแรงจะร้องต่อและหยุดร้องไปเอง คันไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดู พบข้อความใหม่

นพ.ลีนวัต : ลิตาไหวไหม? ให้เฮียไปนอนเป็นเพื่อนไหม?

Lita : ไหวค่ะ ไม่เป็นไร

โกหก... ไม่ไหวหรอก แต่เหนื่อยจะร้องไห้แล้ว ถ้าเฮียมาก็คงอดไม่ได้ที่จะร้องอีก

ไม่อยากทำให้ที่บ้านเป็นห่วงเพิ่มมากกว่านี้ด้วย ลิตาคิดไปพลางเลื่อนหาแชทกลุ่มเพื่อนเพื่อระบายความเสียใจ

สมาชิก Poker face

Ya’nene : เสาร์นี้เจอกันหน่อยไหม? สี่ทุ่มที่เดิม(ทองหล่อ)

Due : ไป

Lita : ไปด้วยสิ

ทุกคน : (สติ๊กเกอร์ตกใจ) ผีเข้าหรออีลิตา?!

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว