The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา-ทะลุมิติเทพศาสตรา EP.94 เงื่อนไขสามประการ

โดย  LifestylePublisher

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

ทะลุมิติเทพศาสตรา EP.94 เงื่อนไขสามประการ

บทที่ 20 เผยจุดอ่อน


กู้อวี้วุ่นอยู่กับงานในที่ทำการขุนนางติดต่อกันหลายวันจนเท้าแทบไม่ได้แตะพื้น เจ้ากรมจางนำความคิดของกู้ซื่อจื่อไปเขียนร่างเสนอขึ้นไป ฝ่าบาททรงอนุมัติแล้วก็ส่งข่าวกลับมามาสองเรื่อง


ข่าวดีคือ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรฎีกาของเจ้ากรมจางแล้วก็ทรงชมเชยความคิดรวบรวมเงินสนับสนุนจากพ่อค้าของกู้อวี้เป็นอย่างยิ่ง


ส่วนข่าวร้ายคือ ฝ่าบาทยังส่งเซียวเหยาอ๋องมาที่กรมขุนนางเพื่อกำกับดูแลเรื่องรวบรวมเงินสนับสนุนงานชุมนุมปราชญ์


กู้อวี้เดินเข้ามาในที่ทำการขุนนาง ครั้นเห็นเจ้ากรมจางยิ้มกว้างจนหน้าย่นก็หันหลังกลับทันที


“หลานรัก หลานรักช้าก่อน” เจ้ากรมจางอายุมากแล้วแต่คนยังกระฉับกระเฉง สาวเท้าไม่กี่ก้าวก็ตามนางทัน จึงเดินไปพลางกล่าวว่า “หลานรักเป็นผู้เสนอเรื่องรวบรวมทุนจากพ่อค้า ถ้าหลานรักลงมือจะต้องประสบผลอย่างรวดเร็วเป็นแน่แท้”


สีหน้ากู้อวี้มืดครึ้ม เพื่อปะเหลาะให้นางยอมรับปาก เจ้ากรมจางถึงกับเปลี่ยนคำเรียกหาจากหลานชายมาเป็นหลานรัก


นางประสานมือตอบ “ท่านอา พวกเราหารือกันจนได้ข้อสรุปแล้ว ใต้เท้าทั้งหลายเพียงทำตามขั้นตอนเหล่านั้นก็พอ ข้ายังต้องตรวจบัญชีที่สถานีพักม้าต่าง ๆ ส่งมาอีก คงไม่เสวนากับท่านอาต่อแล้ว”


เจ้ากรมจางไม่สนใจศักดิ์ศรีอันใดแล้ว ดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อย “หลานรัก รองเจ้ากรมหลี่และคนอื่น ๆ เรียนรู้วิธีการทำบัญชีจากเจ้าจนทำเป็นแล้ว เจ้าส่งต่อภาระงานในมือให้พวกเขาก็ได้ แต่เรื่องรวบรวมทุนจากพ่อค้าจะขาดเจ้าไปไม่ได้”


กู้อวี้แกะมือเจ้ากรมจางออก แล้วสาวเท้าเดินเร็วกว่าเดิม “ท่านอา พวกรองเจ้ากรมหลี่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ ทำบัญชีได้ไม่คล่องแคล่วเท่าข้า ข้าเหมาะจะทำบัญชีมากกว่า ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญเรื่องรวบรวมเงินทุนคราวนี้ยิ่งนัก เรื่องนี้ยกให้ผู้อาวุโสที่มากประสบการณ์ไปทำดีกว่าขอรับ”


เจ้ากรมจางวิ่งเหยาะ ๆ ตามมา “หลานรัก ในกรมขุนนางอันใหญ่โตแห่งนี้ นับไปนับมาก็มีแต่เจ้าที่พอมีการคบหากับเซียวเหยาอ๋อง เจ้าไปทำงานกับเซียวเหยาอ๋องเถอะนะ”


กู้อวี้ได้ยินแล้วก็แทบจะกระอักเลือดออกมา ใครจะไปมีการคบหากับเซียวเหยาอ๋อง!


นางแค่อยากอยู่ห่างจากเขาได้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!


นางเร่งฝีเท้าไวกว่าเดิม หันหน้ามาพูดว่า “ท่านอา ข้ากับเซียวเหยาอ๋องไม่…”


คำว่า ‘สนิทกัน’ ยังไม่ทันได้พูดออกมา นางก็ชนเข้ากับกำแพงมนุษย์แข็งโป๊กตรงหัวมุมทางเดินอย่างรุนแรงจนต้องถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว จมูกเจ็บแปลบปลาบ เลือดกำเดาสองสายไหลลงมา


“ซี้ด เมื่อครู่นี้กู้ซื่อจื่อกำลังจะพูดอะไร เจ้าไม่ได้อะไรกับข้านะ?”


จวินเจ๋อกุมปลายคางที่ถูกชน กลั้นความเจ็บปวดพูดออกมา กู้อวี้ผู้นี้ช่างหัวแข็งจริง ๆ


กู้อวี้กุมจมูกเอาไว้ เลือดสด ๆ ซึมออกมาตามร่องนิ้ว


ชาติที่แล้วนางไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของเซียวเหยาอ๋องมาหรืออย่างไร?


ชาตินี้พบเขาทีไรจึงต้องเคราะห์ร้ายไปเสียทุกครา


เจ้ากรมจางไม่เพียงฝีเท้าไว ฝีปากก็ไวเช่นกัน โพล่งขึ้นมาว่า “ข้าน้อยคารวะเซียวเหยาอ๋อง เมื่อครู่นี้หลานรักกู้พูดว่าตนเองสนิทสนมกับท่านอ๋องมาก จะต้องช่วยเหลือท่านอ๋องจัดการเรื่องรวบรวมทุนจากพ่อค้าอย่างเต็มความสามารถแน่นอน”


“!!!” กู้อวี้ชะงักงัน “ข้าน้อยเปล่า ข้าน้อยไม่ได้พูด”


จวินเจ๋อหรี่ดวงตาดอกท้อ พลางกล่าวเสียงเย็นเยียบ “กู้ซื่อจื่อไม่ต้องการทำงานร่วมกับข้า? หรือข้าจะเป็นสัตว์ร้ายน่ากลัวอันใดจริง ๆ กู้ซื่อจื่อจึงได้รังเกียจถึงเพียงนี้?”


นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้


กู้อวี้คิดในใจ… ท่านไม่ใช่สัตว์ร้ายน่ากลัวอะไรหรอก แต่เป็นดาวหายนะมาจุติขนานแท้เลย


ท่านไม่มีความตระหนักรู้ในตนเองสักนิดเลยรึ?


ไม่เห็นหรือไรว่าคนทั้งที่ทำการขุนนางล้วนหลีกเลี่ยงท่านแทบไม่ทันน่ะ?


แต่นางก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงต้องกัดฟันตอบว่า “ข้าน้อยมิกล้า มีโอกาสร่วมงานกับท่านอ๋อง ข้าน้อยยินดียิ่งนัก”


กู้อวี้กำลังพูดอยู่ เลือดกำเดาก็ไหลลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ว่าจวนจะไหลเข้าปาก ขณะทำอะไรไม่ถูก ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า


“กู้ซื่อจื่ออายุยังน้อยเลือดลมสมบูรณ์ จิบน้ำอุ่นให้มากหน่อย ธาตุไฟสะสมในร่างมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”


ผู้ฟังทนแล้วทนอีก สุดท้ายยังคงรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเลือดกำเดาบนใบหน้า


“กู้ซื่อจื่อพูดขนาดนี้แล้วก็ตามข้าไปที่สมาคมพ่อค้าเถอะ”


หางตากู้อวี้เหลือบเห็นเจ้ากรมจางถอนหายใจโล่งอก ทั้งยังส่งสายตาอวยพรขอให้โชคดีมาให้


นางทราบว่าเรื่องนี้คงกำหนดแน่นอนแล้ว ตนเองโชคร้ายเกินไปจริง ๆ ข่มโทสะในใจลงไป ขณะกำลังจะเดินตามเซียวเหยาอ๋องไปก็ได้ยินเซียวเหยาอ๋องกล่าวขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน”


จวินเจ๋อส่งสายตาเดียดฉันท์กลับมาให้ “ข้าจะไปรอเจ้าบนรถม้า เจ้าล้างเลือดบนหน้าให้สะอาดก่อนค่อยตามขึ้นมา”


กู้อวี้ถูกทำให้โมโหจนหน้ามืด แต่ก็ยังตอบรับว่า “ข้าน้อยรับบัญชา”


นางล้างหน้าเสร็จก็ขึ้นไปบนรถม้าของเซียวเหยาอ๋อง


สมกับที่เป็นรถม้าเทียมม้าคู่ที่ตอนนั้นชนจนนางกระเด็นออกจากตู้โดยสาร นอกจากภายนอกจะมั่นคงแข็งแรง ภายในยังหรูหรากว้างขวางอีกด้วย


มีเบาะนั่งล้อมสามด้าน บนพื้นปูหนังสัตว์ชั้นเลิศ ตรงกลางตั้งโต๊ะไม้จื่อถาน*[1] ขนาดเล็กตัวหนึ่ง บนนั้นมีกระดานหมากล้อมและถ้วยชาวางอยู่


ขณะรถม้าเคลื่อนตัว น้ำชาในถ้วยชายังไม่กระฉอกแม้แต่น้อย


เมื่อนางขึ้นมานั่งประจำที่เรียบร้อย จวินเจ๋อก็เหลือบมองนางด้วยท่าทางเกียจคร้าน ใบหน้าที่เพิ่งล้างมาหมาด ๆ แลดูชุ่มชื้นเกลี้ยงเกลา เส้นผมเปียกชื้นแนบสนิทอยู่บนหน้าผาก


จวินเจ๋อคิดในใจ บุรุษผู้หนึ่ง ไฉนจึงคล้ายสตรีได้ถึงเพียงนี้


ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ระหว่างทางน่าเบื่อ กู้ซื่อจื่อมาเล่นหมากล้อมด้วยกันเถอะ”


ได้ยินคำร่ำลือมาแต่แรกแล้วว่าเซียวเหยาอ๋องหลงใหลหมากล้อม เป็นมือดีในด้านนี้


กู้อวี้อยากปฏิเสธ แต่คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าไม่เล่นหมากล้อมกับอีกฝ่าย ก็ไม่รู้จะพูดอันใดอีก จึงเปลี่ยนเป็นตอบรับ


นางเลือกหมากสีดำ ส่วนเซียวเหยาอ๋องเลือกหมากสีขาว


แนวทางเดินหมากของจวินเจ๋อก็เหมือนกับตัวเขา ป่าเถื่อนและเผด็จการ ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย กู้อวี้ไม่มีใจอยากเอาชนะอยู่แล้วจึงวางหมากอย่างสะเปะสะปะ


“กล่าวตามความสัตย์ ข้ารู้สึกชื่นชมความสามารถของกู้ซื่อจื่อจากใจจริง เหตุใดจึงมีความคิดแปลกใหม่ได้มากมายถึงเพียงนั้น เดี๋ยวก็งานชุมนุมปราชญ์ เดี๋ยวก็รวบรวมเงินสนับสนุนจากพ่อค้า แต่ละครั้งล้วนสามารถสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้คน” จวินเจ๋อกล่าวเนิบนาบ


“ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงคล้อยตามสถานการณ์ ท่านอ๋องต่างหากที่เพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊อย่างแท้จริง ข้าน้อยนับถือเลื่อมใสยิ่งนัก” กู้อวี้เดินหมากพลางไตร่ตรองความหมายในวาจาปุบปับนี้ของเขา


“ถ้าข้าจำไม่ผิด ปีหน้ากู้ซื่อจื่อก็จะถึงวัยสวมหมวกแล้วกระมัง” จวินเจ๋อวางหมากเม็ดถัดมา ปิดกั้นทางไปของนาง


ขณะหยิบหมากดำขึ้นมา กู้อวี้สังเกตว่าเขาเปลี่ยนแหวนน้าวเป็นแหวนทองฝังหยก การจับคู่เช่นนี้แลดูอวดอ้างฐานะอย่างยิ่ง เมื่อสวมอยู่บนนิ้วของเขาก็ช่างสอดรับกับเจ้าตัวยิ่งนัก


“ท่านอ๋องอุตส่าห์จำได้ ถึงยามนั้นจะต้องส่งเทียบเชิญให้ท่านอ๋องอย่างแน่นอน” กู้อวี้พูดขณะวางหมากลงไป กอบกู้สถานการณ์คืนมาได้อย่างพอดิบพอดี


“ข้ายังจำได้ว่ากู้ซื่อจื่อมีน้องสาวฝาแฝดคนหนึ่ง อีกครึ่งปีก็จะออกเรือนแล้ว ถึงเวลาก็อย่าลืมส่งเทียบเชิญมาให้ข้าด้วยล่ะ ข้าจะได้ส่งของขวัญไปร่วมแสดงความยินดี” จวินเจ๋ออาศัยจังหวะได้เปรียบโจมตีติดต่อกัน ไม่เปิดโอกาสให้กู้อวี้ได้หายใจหายคอ


สายตาที่กู้อวี้มองกระดานหมากเปลี่ยนแปลงฉับพลัน หมากสีดำที่ลงต่อจากนั้นทั้งดุดันและแหลมคม พลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง


นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ท่านอ๋องมีงานรัดตัว เรื่องมงคลของน้องสาวคงไม่ต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว”


บนกระดานหมาก หมากดำขาวสองฝ่ายเริ่มปะทะกันอย่างดุเดือด จวินเจ๋อยกยิ้มมุมปาก แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเดินหมาก


ตอนที่รถม้าไปหยุดอยู่หน้าสมาคมพ่อค้า จวินเจ๋อก็ล้อมหมากดำของกู้อวี้ได้อย่างหนาแน่น แม้ตอนท้ายกู้อวี้จะต่อต้านอย่างฮึกเหิมเพียงใดก็ไม่อาจกลบช่องโหว่จากการวางหมากอย่างไม่ใส่ใจในช่วงครึ่งแรกได้


“ฝีมือเดินหมากของกู้ซื่อจื่อไม่ธรรมดา คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยประลองกับกู้ซื่อจื่อใหม่อีกครั้ง”


เพียงหมากสีขาววางลงไป หมากสีดำก็พ่ายแพ้ย่อยยับในชั่วพริบตา


จวินเจ๋อแหวกม่านลงจากรถม้า


กู้อวี้มองตามเงาหลังของเขา ไม่อาจระงับความร้อนรุ่มใจ นางยังไม่บรรลุถึงขั้นที่สามารถซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้โดยไม่แสดงออกทางสีหน้า


อีกฝ่ายกล่าววาจายั่วยุไม่กี่ประโยค นางก็สูญเสียการป้องกัน เผยจุดอ่อนออกมาเสียแล้ว


[1] ไม้จื่อถานหรือจื่อถานอินเดีย เป็นไม้เนื้อแข็งสีแดงเข้มหรือม่วงจนเกือบดำ เนื่องจากหายากและโตช้ามากจึงมีมูลค่าสูง นิยมนำมาทำเป็นเครื่องเรือน เครื่องดนตรี และใช้ในงานแกะสลัก


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว