แม่เมีย

2.พบกันครึ่งทาง NC

“สวัสดีค่ะคุณตุ๊กตา”

“สวัสดีครับคุณปรางไหม ไม่เจอกันหลายวันเลยนะครับ สบายดีรึเปล่าครับ?”

“สบายดีค่ะ ว่าแต่ช่วงที่ไหมหายไป ไม่ได้มาคุยกับคุณตุ๊กตา คุณตุ๊กตาแอบนอกใจไหมรึเปล่าคะ?”

ปรางไหมที่นั่งพิงไหล่หุ่นยนต์แกล้งพูดสัพยอก ปล่อยเสียงคิกออกมาเมื่อได้ยินคำพูดแก้ตัวอย่างร้อนรนของหุ่นยนต์ข้างกาย

“โอ๊ะ! เปล่านะครับ ผมเป็นหุ่นยนต์ที่รักเดียวใจเดียวนะครับ”

“แหม ไหมจะเชื่อได้หรือคะ? ก็คุณตุ๊กตาหล่อขนาดนี้”

“เชื่อเถอะครับ เพราะตั้งแต่ผมมาอยู่ที่สวนนี้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน กล้าจูบแล้วก็ขอผมเป็นแฟนซักคน มีคุณปรางไหมคนแรกและคนเดียวนี่แหละครับ”

“เอิ่ม ฟังมันทะแม่งชอบกล เหมือนจะบอกเป็นนัย ๆว่ามีไหมคนเดียวที่หน้าด้านรึเปล่าคะ?”

“ผมไม่ได้พูดนะครับ”

“คุณตุ๊กตา ว่าไหมเหรอคะ ไหมงอนแล้วนะ!”

ปรางไหมแกล้งทำปากยื่น ขยับตัวนั่งหลังตรงผินหน้าออกห่างอย่างงอน ๆ เพราะอยากจะรู้ว่าคุณตุ๊กตาจะมีมุขในการง้อผู้หญิงยังไงบ้าง

“โอ๋ ผมล้อเล่นนะครับ ถ้าคุณไหมงอนแล้ววิ่งหนีไป ผมก็แย่สิครับ เพราะคงวิ่งตามไปง้อไม่ได้ อดใจไว้ก่อนนะครับ เก็บงอนไว้สะสม วันละเล็กวันละน้อย พอวันไหนผมเดินได้ รับรองจะเดินตามง้อทบต้นทบดอกเลยครับ”

ปรางไหมเองที่ได้ยิน ถึงกับยิ้มกว้างกับประโยคงอนง้อแสนน่ารัก

“ค่ะ แต่สัญญานะคะว่า ถ้าเมื่อไหร่ คุณตุ๊กตาเดินได้จะตามง้อไหม”

“ครับ เอาแบบพระเอก นางเอกหนังแขกเลยดีมั้ยครับ วิ่งง้อกันข้ามเขาเป็นลูก ๆ”

“ฮ่า ฮ่า อย่าดีกว่าค่ะ เหนื่อยแย่ วันนี้ไหมได้อ่านรายงานการประชุมที่จะมีขึ้นเดือนหน้า มีข่าวที่น่าสนใจมากเลยค่ะ คุณแอนดรูว คุณน้าของท่านประธานจะเดินทางมาประชุมเรื่องโครงการส่งข้อมูลหุ่นยนต์ผ่านทางดาวเทียมค่ะ ไหมอ่านแล้วงงจัง มันคืออะไร คุณตุ๊กตาพอจะทราบมั้ยคะ?”

“พอทราบบ้างครับจากข้อมูลที่เจ้านายใส่ไว้ใหน่วความจำของผม โครงการส่งข้อมูลหุ่นยนต์ผ่านทางดาวเทียมเป็นโครงการที่มีการวางแผนมานานแล้ว โดยมีการตั้งเป้าหมายให้หุ่นยนต์ทุกตัวของ ICG สามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันผ่านทางดาวเทียม”

“แล้วมันจะมีประโยชน์ยังไงคะ?”

“ก็ยกตัวอย่างเช่น โครงการหุ่นยนต์สมองใสห่างไกลโรคความจำเสื่อมของคุณปรางไหม ถ้าหากสำเร็จ ตัวหุ่นยนต์จะถูกติดตั้งโปรแกรมเชื่อมโยงข้อมูลผ่านทางดาวเทียม ถ้าหากเจ้าของหุ่นยนต์ที่อาศัยอยู่คนเดียวแล้วเกิดเดินหลงหาย หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หุ่นยนต์จะส่งข้อมูลขอความช่วยเหลือผ่านทางระบบดาวเทียม ทำให้มาช่วยเหลือ หรือตามหาเจ้าของหุ่นยนต์ได้รวดเร็ว ทันท่วงทีเป็นต้นครับ”

“โอ้โห ดีจังเลยค่ะ ฟังแล้วชักอยากเห็นซะแล้วสิคะ”

“ครับ ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน คงต้องอดใจรออีกหน่อย”

“ค่ะ คงต้องทน พูดถึงทนก็นึกถึงท่านประธานทุกทีเลยค่ะ”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ?”

“ก็ตราบใดที่โครงการของไหมยังไม่สำเร็จ ไหมก็ต้องอดทนไปเก็บข้อมูลที่บ้านสวนของท่านประธานน่ะสิคะ”

“เอ ผมคิดว่าคุณเดวิด เจ้านายของผมก็ออกจะหล่อสุด ๆ ช่างเอาใจ ใจดี สาวคนไหนได้อยู่ใกล้ น่าจะมีความสุขมากกว่าต้องใช้ความอดทนนะครับ”

“แหวะ! ไหมขอค้านหัวชนฝาเลยค่ะ ท่านประธานถึงจะหล่อ แต่ก็ดุสุด ๆ แถมยังชอบข่มขู่ไหมเป็นประจำด้วย”

“ข่มขู่เรื่องอะไรเหรอครับ?”

“ก็... ขอไม่เล่าดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่า ไหมต้องใช้ความอดทนมาก ๆ เวลาอยู่ใกล้ท่านประธานก็แล้วกันค่ะ”

“แหม น่าน้อยใจแทนท่านประธานจัง ที่คุณไหมต้องอดทนเวลาอยู่ด้วยขนาดนี้”

คำพูดตัดพ้อ แล้วเงียบไปของหุ่นยนต์ ทำให้ปรางไหมหันหน้าไปมองใบหน้าด้านข้างของหุ่นยนต์ รู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าหุ่นยนต์เดฟกำลังเคืองเธออยู่ยังไงก็ไม่รู้

“เอ่อ คุณตุ๊กตา โกรธไหมหรือคะ?”

“เปล่าหรอกครับ”

“เฮ้อ โล่งไปที ถ้าคุณตุ๊กตาโกรธไหม ไหมคงเสียใจแย่ เพราะคุณตุ๊กตาเป็นเพื่อนรักของไหมเลยนะคะ”

“ขอบคุณครับ ที่ให้เกียรติผมขนาดนี้ ว่าแต่ตอนนี้เวลาเย็นมากแล้ว สวนกำลังจะปิด รีบกลับบ้านก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วง”

“ค่ะ งั้นไหมไปก่อนนะคะ”

“ครับ แต่ก่อนกลับอย่าลืมจูบลา ก่อนนะครับ”

คำทวงของหุ่นยนต์ทำให้ปรางไหมหัวเราะคิก ก้มลงจูบที่ริมฝีปากหุ่นยนต์ก่อนจะโบกมือลากลับบ้าน

ปรางไหมเบ้หน้าเมื่อลิ้มรสไข่เจียวหมูสับจากจานตรงหน้า รสชาติที่ออกเค็มโดดเด่น ทำให้หญิงสาวต้องวางช้อนลงหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นว่าแม่นมของเธอหัวเราะคิกคักอยู่

“นมจ๋า ทำไมวันนี้ไข่เจียวหมูสับของนม มันเค็มปี๋ขนาดนี้ล่ะจ๊ะ?”

“นมไม่ได้ทำหรอกค่ะ”

พอจบประโยค เปี่ยมสุขก็หันไปส่งสัญญาณทางประตูเข้าห้องครัว เมืองแมนที่ตั้งใจง้อลูกสาวเดินเข้ามาด้วยท่าทางเจียมเนื้อ เจียมตัว ก่อนจะค่อย ๆยกมือขวาขึ้น บ่งบอกว่าเป็นฝีมือของตนเอง

คนแสนงอนทำท่าจะสะบัดหน้ากลับ ถ้าไม่เหลือบไปเห็นพลาสเตอร์ปิดแผลบนนิ้วมือของคนเป็นพ่อ เดาได้ไม่ยากว่าคงเกิดจากการทำไข่เจียวหมูสับให้เธอทาน แค่นั้นแหละก้อนขม ๆ ในลำคอก็ตีตื้นขึ้นมาดันน้ำตาให้ไหลลงมาทันที

“คุณพ่อ ไหมขอโทษ”

“ไม่เอาลูก ยายหนูไม่ร้องลูก ไม่เป็นไรหรอกลูก แผลแค่นี้เอง”

เมืองแมนขยับเข้าไปกอดลูกสาวอย่างปลอบโยนพร้อมกับลูบศีรษะอย่างทะนุถนอม

“แต่... คุณพ่อต้องโดนมีดบาดมือเพราะไหม”

“ฮ่า ฮ่า แผลแค่นี้เอง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ พ่อก็ยอมขอแค่ยายหนูของพ่อเลิกงอน พ่อซักที”

“โธ่! คุณพ่อ ยกโทษให้ไหมด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณพ่อต้องเสียใจ”

“ยายหนู ฟังนะลูก เรื่องคราวนี้พ่อเองต่างหากที่ผิดและต้องขอโทษลูกด้วย แต่พ่ออยากให้หนูรับรู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะอะไรขึ้น หรือลูกจะทำอะไรผิดในวันข้างหน้า พ่ออภัยให้ลูกได้เสมอ”

“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”

ปรางไหมเงยหน้าจากอกบิดา ก่อนจะจรดมือพนมกราบบนอกกว้างที่ให้ความอบอุ่นเสมอมาอย่างขออภัย เมืองแมนยิ้มก่อนจะยกฝ่ามือขึ้น เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลูกสาวคนเดียวด้วยความรักสุดหัวใจ

“เลิกร้องไห้เถอะลูก เอาเป็นว่าเราดีกันแล้วนะ มาขอพ่อกินข้าวด้วยคนนะ”

“ค่ะ”

เปี่ยมสุขที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก็รีบกุลีกุจอเสริฟข้าวเปล่าให้เจ้านายก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงบ่นขรม

“อึ๋ย ทำไมไข่เจียวหมูสับ มันถึงได้เค็มขนาดนี้?”

ปรางไหมเองก็หัวเราะบ้าง ยื่นแก้วน้ำให้บิดา

“คุณพ่อก็ตักไข่เจียวน้อย ๆ แต่กินข้าวเยอะ ๆสิคะ จะได้ไม่เค็ม”

“อืม จริงลูก แถมไม่เปลืองด้วยเนอะ”

“ค่ะ แต่ถ้าคราวหน้าคุณพ่อจะทำไข่เจียวหมูสับให้ไหมทาน ขอกินแบบเปลืองก็ได้นะคะ”

เมืองแมนหัวเราะลั่น ยกมือขึ้นผลักศีรษะบุตรสาวเบา ๆ อย่างหยอกเย้า แล้วสองพ่อลูกก็กินข้าวสลับกับดื่มน้ำเป็นพัก ๆ จนข้าวหมดจาน


“มองอะไรยะ นังขี้ข้า ทำต่อไปสิ หล่อนก็แค่คนใช้ อย่าคิดนะว่าจะมาเผยอตัวขึ้นมาเทียบเคียงเมียหลวงลูกเจ้าพระยาอย่างฉันได้”

ปรางไหมหันไปยิ้มแหย ๆ ให้กับคุณย่าแจ่มจันทร์ที่ตอนนี้ สงสัยกำลังเข้าโหมดของเจ้าขุนมูลนายในละครพีเรียด เรื่องใดเรื่องหนึ่งในอดีตแน่ ๆ

โชคร้ายของเธอจริง ๆ ที่วันนี้พอเหยียบถึงบ้านสวนของท่านประธาน คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เดินคล้องแขนกับท่านประธานก็เปิดฉากด้วยการเรียกเธอว่า นังขี้ข้า แถมไล่ให้เธอมาทำกับข้าวให้ โดยที่ท่านประธานก็ดูเหมือนรู้เห็นเป็นใจด้วยการเดินตามไปทุกที่และเล่นไปตามน้ำ แต่ปรางไหมก็ดูออกหรอกน่า ว่าดูท่าท่านประธานออกจะสนุกมากกว่าที่เห็นเธอถูกกลั่นแกล้ง ไม่งั้นคงไม่ทำหน้ากลั้นขำอย่างนั้นหรอก

“แหน่ะ! ยังจะมองอีก เดี๋ยวปั้ดเรียกให้ ไอ้แสนมันลงหวายซะดีมั้ยเนี่ย!”

จบคำขู่พร้อมใบหน้าถมึงทึงของคุณย่า ปรางไหมก็ได้แต่รีบหันกลับไปสนใจแกงส้มกุ้งผักรวมบนเตาต่อ ลอบถอนหายใจต่อโชคชะตาอันอาภัพของตนเอง ทำไมหนอ ฟ้าส่งท่านประธานมาเกิดแล้ว ใยต้องส่งคุณย่าแจ่มจันทร์มาซ้ำเติมเธอด้วยเล่า!

“คุณหลวงเจ้าคะ เดี๋ยวเราไปนั่งรอนังไพร่คนนี้มันทำกับข้าวมาให้เรากินตรงโต๊ะตัวนั้นดีกว่านะคะ”

เสียงวาจาออดอ้อนราว ๆกับสาว ๆ ทำให้ปรางไหมที่เมื่อกี้พึ่งถอนใจถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมา

“จ๊ะ”

เดวิดที่เล่นไปตามน้ำ เดินตามแรงจูงไปนั่งรอบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร แอบลุ้นอยู่ในใจว่า หวังว่ามือนี้เขากับคุณย่าคงไม่ท้องเสียขนาดต้องหามเข้าโรงพยาบาลหรอกนะ

แต่ผิดคาด ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นหน้าตา แกงส้มกุ้งผักรวมที่ถูกตักใส่ถ้วยแก้ว นอกจากหน้าตาจะน่ารับประทานแล้ว กลิ่นของมันยังหอมยวนยั่วน้ำลายยิ่งนัก

“เชอะ! จัดมาซะสวยอย่าคิดนะว่าจะผ่านมาตรฐานชาววังอย่างฉัน นี่หล่อน กุ้งเนี่ยมันต้องวางชิดไปทางขวาแบบนี้ย่ะ”

คุณย่าแจ่มจันทร์ค้อนปะหลับประเหลือกใส่ปรางไหม ก่อนจะหันกลับไปยกมือตีหลังมือของคุณหลวง (ท่านประธาน) ที่กำลังใช้ช้อนจ้วงลงไปในชามแกงส้ม

“เดี๋ยวก่อนสิคะ คุณพี่ รอน้องจัดกุ้งก่อน”

ว่าแล้วคุณหญิงแจ่มจันทร์ก็จัดการเอาช้อนควานกุ้งที่อยู่ในชามขึ้นมา จนผักที่จัดไว้สวยงามก่อนหน้าเละเทะ แล้วบรรจงเรียงกุ้งไว้รอบขอบชาม

“เอาล่ะ สวยแล้ว เดี๋ยวขอน้องชิมก่อนนะคะ”

หญิงชราหันไปมองปรางไหมอย่างสบประมาทอีกที ก่อนจะค่อย ๆละเลียดชิมน้ำแกงส้มด้วยท่าทางอย่างเสียไม่ได้

“เป็นไงบ้าง คุณย่า เอ้ย คุณหญิง?”

เดวิดเอ่ยถาม เมื่อเห็นคุณย่าแจ่มจันทร์ทำดวงตาปิ๊งปั๊ง*ราวกับบรรลุธรรมเพียงแค่ได้ลิ้มรสน้ำแกง

“ก็..งั้น ๆ รสชาติธรรมดา ดาษดื่น แต่เรารีบกินกันเถอะค่ะคุณพี่ เดี๋ยวถ้าเย็นจากรสชาติธรรมดา อาจจะกลายเป็นเสียรสก็ได้”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แต่พอได้ลิ้มรสแกงส้มฝีมือพนักงานจอมเอ๋อ ก็ถึงกับทึ่งในฝีมือ จนต้องหันไปมองใบหน้าปรางไหมเหมือนเจอเรื่องเหลือเชื่อ


ปิ๊งปั๊ง*ไม่มีหรอกค่ะความหมายในพจนานุกรม เป็นศัพท์ที่รัตนวิมลบัญญัติขึ้นมาเอง แบบว่า ตาเป็นประกายแบบเนี้ย

นาทีนั้นเองที่ราวกับมีแสงออร่าสีขาวกระจายทั่วร่างของหญิงสาวที่ยืนทำหน้าตาเป๋อเหลอได้คงเส้นคงวา เสียงคิวปิดองค์น้อย ๆ สองตน กำลังเป่าแตร ข้างละองค์อยู่บริเวณวงแหวนรอบศีรษะของปรางไหม ก่อนที่เดวิดจะสะดุ้งหลุดจากภาพในจินตนาการเมื่อได้ยินเสียง “โฮกกกกก”

เอ เสียงแตรที่ไหนดังโฮก? พอหันกลับไปมองที่ต้นตอของเสียงก็เห็นคุณย่าของตน จ้วงไม่ยั้งไปที่ชามแกงส้มพร้อมกับซดเสียงดัง ไม่เหลือมาดคุณหญิงคุณนายที่กำลังแสดงอยู่

“คุณย่า! เอ้ย คุณหญิงรอด้วย”

เดวิดไม่รอช้า รีบจ้วงแกงส้มรสชาติเยี่ยมกินบ้าง เพราะกลัวหมดซะก่อน สุดท้ายเลยกลายเป็นคุณย่าแจ่มจันทร์มองตาขวางไปที่หลานชายที่ช่วยกินจนแกงส้มหมดถ้วยไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงซักหยด ส่วนปรางไหมก็ได้แต่ยืนอมยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจที่แกงส้มฝีมือตนเอง ได้รับการการันตีคุณภาพจนหมดชาม


ช่วงพักเที่ยง หลังจากชะเง้อคอสำรวจรอบ ๆ แผนกแล้ว ว่าไม่มีใครหลงเหลืออยู่ ปรางไหมก็รีบคว้าปิ่นโตที่ถูกห่อหุ้มไว้ในถุงผ้าลายการ์ตูนสีสันน่ารัก แล้วเดินออกจากแผนกด้วยท่าทางที่เรียกว่าลับ ๆล่อ ๆก็คงไม่ผิด ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ตลอดทางที่ทำการขนส่งไปถึงที่หมาย ที่ไหนน่ะเหรอ ก็ห้องท่านประธานน่ะสิ

จะเรียกว่าบุญหล่นทับหรืองานเข้า ปรางไหมก็เลือกอันใดอันหนึ่งได้ไม่เต็มปาก หลังจากท่านประธานได้ลิ้มรสอาหารฝีมือเธอ ก็ยื่นข้อเสนอขอผูกปิ่นโตมื้อกลางวัน ที่แรกหญิงสาวก็อิดออด เพราะไหนจะต้องตื่นเช้า ไหนจะสิ้นเปลืองค่ากับข้าวเพิ่มเอามาเลี้ยงท่านประธานอีก ตัวใหญ่ขนาดนี้คงไม่กินน้อยแน่นอน

แต่พอท่านประธานบอกจะขึ้นเงินเดือนให้อีกสองเท่าตัว ปรางไหมก็ถึงกับตาโต รีบตระครุบข้อเสนอไว้ทันทีเพราะกลัวท่านประธานเปลี่ยนใจ และเหมือนเดิมห้ามให้ใครรู้ ไม่งั้นเธอตายแน่ เลยเป็นที่มาของอาการโจรมุมตึกของเธอในขณะนี้

เสียงอนุญาตให้เข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานหลังจากหญิงสาวเคาะประตู ทำให้ปรางไหมแอบถอนหายใจอย่างผ่อนคลายเล็กน้อยที่ภาระกิจขามาผ่านไปด้วยดี

“มาเลย ๆ ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้ว ว่าแต่วันนี้ทำอะไรมาล่ะ?”

ท่าทีกระตือรือร้น ต่ออาหารกลางวันของท่านประธาน ทำให้หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อย

“ขนมจีน แกงเขียวหวานไก่ค่ะ”

“โอ้โห! เดี๋ยวไปล้างมือก่อนนะ”

“ค่ะ”

ปรางไหมจัดแจงถอดปิ่นโตที่เรียงเป็นชั้น ลงวางบนบริเวณโซฟารับแขก พอจัดเตรียมเรียบร้อยก็ถอยออกมายืนข้าง ๆโซฟา มองท่านประธานที่กุลีกุจอตักแกงเขียวหวานราดบนขนมจีนที่ถูกจัดวางขนาดพอดีคำ ท่าทางกินอย่างเอร็ดอร่อยของท่านประธานก่อให้เกิดความหิวจู่โจมหญิงสาวอย่างไม่รู้ตัว จนก่อให้เกิดเสียงหน้าขายหน้าตามมา

“โครก ๆ”

“หืม?”

ท่านประธานที่ปากยังเคี้ยวขนมจีนตุ้ย ๆ เงยหน้ามองต้นเสียงที่ยกมือกุมท้องหน้าแดงด้วยความอับอาย

“โทษที ลืมชวน มากินด้วยกันสิ”

“เอ่อ ขอบคุณค่ะ พอดีดิฉันยังไม่หิว เดี๋ยวกินทีหลังก็ได้ค่ะ”

“ไม่หิวบ้าอะไร เสียงท้องร้องของเธอ ดังออกไปสามช่วงตึกแล้วมั้ง แล้วไอ้คำว่ากินทีหลังหมายถึง กินของเหลือจากฉันน่ะเหรอ เธอคิดว่าฉันจะเหลืออะไรไว้ให้เธอรึไง ? รีบมากินก่อนที่มันจะหมด”

“อ๋อ เปล่าค่ะ ดิฉันห่อข้าวมาเองแล้วค่ะ”

“ห่อข้าวมาเอง ก็เอามากินซิ รึว่าเธอแอบทำกับข้าวอะไร อร่อย ๆแล้ว คิดจะกินคนเดียว ไม่แบ่งกัน ใช่มั้ย?”

แม้เนื้อหาจะดูไร้สาระ แต่น้ำเสียงข่มขู่ที่ดูน่ากลัวมากในความคิดปรางไหม ทำให้หญิงสาวจำเป็นต้องควักเอากล่องข้าวใบน้อยก้นถุงผ้าใบเดียวกับที่ใส่ปิ่นโตของท่านประธานออกมา โดยตลอดเวลามีสายตาเป็นประกายของเจ้านายที่มองอย่างลุ้นในที

“อะไรน่ะ?”

“น้ำพริกปลาทู กับผักต้มค่ะ”

“นั่นไง เธอแอบทำมากินคนเดียวใช่มั้ย มาเลย มานั่งใกล้ ๆ เอามาแบ่งกันเลย”

ทันทีที่ขยับกล่องข้าวเข้าไปใกล้ตามคำสั่ง ท่านประธานก็ไม่รอช้าเอาส้อมจิ้มแตงกวา จุ่มลงไปในน้ำพริกปลาทูแล้วส่งเข้าปากตนเองทันที

“อูย เผ็ด ๆ”

ปรางไหมรีบส่งแก้วน้ำเย็นให้ ซึ่งท่านประธานก็รีบยกขึ้นดื่มดับความเผ็ด

“อร่อย แต่เผ็ดชะมัด วันหลังเธอต้องหัดกินอาหารที่มันเผ็ดน้อย ๆหน่อยเข้าใจมั้ย? เพราะต้องทำให้ฉันกินด้วย”

“เอ่อ ค่ะ”

แม้จะงง ๆกับประโยคคำสั่งของท่านประธาน แต่หญิงสาวก็ทำได้แต่รับคำส่ง ๆไป เอ แล้วทำไมเราต้องหัดกินเผ็ดน้อยลงด้วยนะ? ก็เราไม่ได้เป็นคนที่เผ็ดซะหน่อย ท่านประธานน่ะแหละ กับข้าวตัวเองก็มี ดันมาแย่งคนอื่นกิน แล้วยังมาบังคับให้คนอื่น ไม่ให้กินเผ็ดตามตัวเองอีก บ้าอำนาจชะมัด

แม้จะขุ่นใจเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะเงียบ แล้วก้มหน้ารับประทานอาหารของตนเองต่อไป โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสายตาของเจ้านายแอบลอบมองใบหน้าของตนเองที่ตั้งใจกินข้าวอยู่เกือบตลอด ด้วยสายตาที่เป็นประกายสดใส พร้อมกับยิ้มมุมปากน้อย ๆอย่างมีความสุข

+ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ให้ ขอให้มีความสุขกับการอ่าน ขอบคุณค่ะ

รัตนวิมล

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว