มายาปฏิพัทธ์-บทที่ 9

โดย  Mamaya

มายาปฏิพัทธ์

บทที่ 9


PHARAM TALK
“ทำไมไม่คาดเข็มขัด” ผมถามคนตัวเล็กที่นั่งตอนแรกนั่งหลับตาอยู่และเธอลืมตาขึ้นเมื่อผมโน้มตัวไปคาดเข็มขัดให้ ตอนแรกผมคิดว่าเธอหลับอยู่ก็เลยจะคาดเข็มขัดให้แต่เธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนผมก็เลยถามออกไป สุดท้ายผมน่าจะทำเธอตื่นสินะ
“พี่ระ...พี่หมอมาได้ยังไงคะ” สีหน้าของจอมนางที่ดูงงกับการที่เห็นผมนั่งอยู่ด้านข้างตอนนี้ น้องมันเอ่ยถามขึ้น อ่า น่ารักจังวะ... ถึงปากน้องมันจะน่าตีก็เถอะ การเรียกที่ดูห่างเหินมันทำให้ผมหงุดหงิดก็เถอะ นี่ผมคิดอะไรอยู่กันแน่ ผมพยายามปรับสีหน้าให้ปกติก่อนจะพูดตอบน้องออกไปเรียบนิ่ง
“ไปส่งน้องครับ” จอมนางขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ท่าทางของน้องเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“อ้าว...แล้วนักรบล่ะคะ” น้องถามผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังดูไม่เหมือนคนเมาเมื่อครู่ซึ่งผมคิดว่าน้องมันคงไม่ได้เมาหรอก ผมน่าจะคิดไปเองและเป็นห่วงมากเกินไป
“ไอ้รบเมา...”

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า...
วันนี้ผมตั้งใจว่าจะเอาของขวัญมาให้คุณแม่แล้วก็กลับไปที่คอนโดเลยแต่แล้วตารางของผมก็รวนกะทันหันเมื่อเห็นหน้าของจอมนาง น้องมางานของคุณแม่โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนมันเป็นความบังเอิญที่ผมไม่ค่อยต้องการไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเจอน้องนะแต่สถานภาพและสถานการณ์ของเราสองคนตอนนี้ค่อนข้างแย่ ผมรู้ว่าน้องเจ็บปวดกำเรื่องระหว่างเราสองคนมากแต่จะให้ทำยังไงในเมื่อผมก็มีเหตุผลของผมเหมือนกัน ตอนที่ผมนั่งมองน้องดื่มกับเพื่อนของไอ้รบจนหน้าน้องเริ่มแดง ผมอยากเขาไปยืนเป็นเพื่อนนะแต่ว่าน้องคงไม่ต้องการผมก็เลยทำได้แค่นั่งมองน้องเงียบๆ ผมสีดำของจอมนางที่ผมเคยชอบตอนนี้ถูกย้อมเป็นขาวออกส้ม ผมว่าน้องทำเพื่อประชดผมเพราะผมจำได้ว่าเคยขอให้น้องไม่ให้ย้อมผม...แต่ตอนนี้คำขอร้องของผมมันไม่มีผลกับน้องอีกแล้วสินะ ผมดื่มไปมองน้องไปจนกระทั่งมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้าไปหาน้องมัน ท่าทางเหมือนจะกำลังแลกเบอร์หรืออะไรสักอย่างซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ถึงเราจะเลิกกันแล้วแต่ผมเองก็ยังมีความห่วงใยน้องในฐานะเพื่อนของพี่ชายอยู่ดี ใช่ครับผมเป็นเพื่อนกับไอ้จอมทัพพี่ชายของจอมนาง อ่า...ทำไมผู้ชายเข้าหาน้องเยอะแบบนี้วะ แล้วนี่ไอ้นักรบมันไปไหนปล่อยให้เพื่อนโดนแทะโลมอยู่นั่น ผมกวาดสายตามองหานักรบทั้งงานแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา มันไปไหนของมันวะ ผมไม่อยากปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวแต่ผมก็ต้องรีบหานักรบให้เจอเพื่อจะให้มันรีบพาเธอกลับบ้าน ผมเดินเข้ามาทางหลังร้านและกดโทรศัพท์หามันไปด้วย
“อื้มม...นะ...นี่ปล่อยนะ”เสียงจากมุมหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองตามเสียงแต่ตรงนั้นค่อนข้างมืด ผมจึงหยุดยืนเพื่อฟังในแน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินต้องการความช่วยเหลือรึเปล่า มือผมกับกดโทรศัพท์ไปด้วย
“เงียบเหอะ...อืมม” คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายที่คุ้นหูผมมาก
ตืดดดดดดดดด
และผมก็ได้ความกระจ่างทันทีที่ต่อสายหานักรบอีกครั้ง แสงสว่างจากโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่ในเงามืดนั้นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่านั่นคือน้องชายตัวเอง
“ไอ้รบ!!” ผมจงใจเรียกเสียงดังเพื่อให้มันรับรู้ถึงการมาของผมแต่มันก็ยังทำเงียบไม่ยอมตอบ ผมจึงใช้ไม้ตายก็คือ
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด
ผมยังยืนอยู่ที่เดินและแกล้งกดโทรศัพท์เพื่อโทรออกเพราะตรงที่ผมยืนอยู่ค่อนข้างเงียบมาก ผมก็มั่นใจว่าน้องชายผมมันต้องได้ยินแน่นอน
“แม่ครับ...ไอ้ระ.../เฮีย!!! เรียกผมเหรอผมไปเข้าห้องน้ำมา” หึหึ นั่นไงมันมาแล้วเพราะมันกลัว ใช่ครับ...นักรบกลัวแม่ที่สุด การที่ผมโทรหาแม่มันต้องรู้อยู่แล้วว่าผมได้ยินสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ มันเดินเข้ามาหาผมด้วยสภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไรนักก่อนจะคว้ามือที่ถือโทรศัพท์ของผมไปดูทันที
“โห...เฮียหลอกผมอ่อ” นักรบเริ่มโวยวายที่ผมมาขัดจังหวะของมันแต่ผมเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นหรอกครับ เธอไม่ยอมออกมาจากมุมมืดตรงนั้น จะยังไงก็ช่างก่อนตอนนี้ผมมีอะไรที่สำคัญกว่า
“เพื่อนมึงเมา” ผมบอกออกไปทันที ตอนแรกนักรบก็ขมวดคิ้วมองหน้าผมเหมือนผมพูดอะไรผิดปกติก่อนที่มันจะยิ้มกวนๆ แล้วก็ถามผม
“เพื่อนคนไหนอะเฮีย นี่เกือบจะทั้งงานก็เพื่อนผมทั้งนั้นนะ” มันพูดไปยิ้มไป ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องผมถีบแล้ว ผมเลือกที่จะไม่พูดกับมันแล้วดึงโทรศัพท์กลับมาพร้อมกับกดเบอร์โทรออก ทำให้นักรบที่ยืนยิ้มอยู่ขมวดคิ้วมองแทน
“แม่ครับ จอมนางเมา” ถูกแล้วครับ ผมกดโทรศัพท์หาแม่ของผมที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ย...เฮีย...แม่ครับเฮียหยอกแม่เล่นครับ ฝันดีนะครับ ครับๆ รบจะไปส่งเพื่อนครับ” นักรบคว้าโทรศัพท์จากมือของผมทันทีที่ผมพูดจบประโยค หึหึ ผมเป็นพี่มันก็ต้องรู้จักมันดีเป็นธรรมดา ไม่นานนักรบก็กดวางสายจากแม่และหันมาทำหน้าเซ็งใส่ผมเพราะแม่น่าจะบ่นมากอยู่
“เฮีย...ทำแบบนี้ทำไมวะ” นักรบถามด้วยสีหน้าเซ็งๆ เออ...ผมทำไปทำไมวะ นั่นสิ...อือ...เพราะน้องสาวของเพื่อนกำลังเมา
“พาจอมนางกลับบ้าน...” ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามน้องชายตัวเองแต่ก็บอกให้มันไปส่งน้องอีกคนให้
“เฮีย!! แต่ผม...” นักรบหันกลับไปมองที่มุมมืดนั้นแล้วก็ทำหน้าเซ็งหนักกว่าเดิม
“...” ผมขมวดคิ้วมองหน้าของนักรบแต่เพียงครู่เดียวหน้าที่เซ็งๆ ก่อนหน้านี้ก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกคนขึ้นมา ผมว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
“ก็ได้เฮีย...ผมไปส่งนางก็ได้ หึหึ แต่ถ้า...ช่างเถอะผมไปหาเพื่อนดีกว่า” นักรบพูดและกันไปมองมุมมืดเพราะอยากจะบอกอะไรกับผม หรือว่า...ไอ้สัสรบมันคิดจะหาที่ลงแทนคนในมุมมืดสินะ ผมเห็นมันรีบเดินไปหาจอมนางในงานทันที ภาพที่นักรบโอบกอดและกระซิบข้างหูของจอมนางมันทำให้ผมหงุดหงิดเพราะถึงสองคนนั้นจะเป็นเพื่อนกันแต่ไอ้รบก็เป็นผู้ชายไหมล่ะ แม่งเอ้ย การที่ผมบอกเลิกคือต้องการให้เธออยู่ไกลๆ จะได้มีสมาธิกับการเรียนไม่ใช่ตามติดผมตลอดแต่กลายเป็นว่ายิ่งทำให้เธอมาอยู่ใกล้กว่าเดิม ผมเห็นจอมนางเดินออกไปจากงานทันทีที่นักรบเดินเข้าไปคุยด้วยและมันก็หันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปหามันแทน
“กุญแจ!” ผมพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ของผม นักรบมันก็ยังลอยหน้าลอยตากวนประสาทอยู่แบบนั้น จนทำให้ผมเริ่มจะหมดความอดทน
“กุญแจบ้านหรือกุญแจห้องเฮีย” นักรบยังคงลอยหน้าลอยตาถามผมออกมา
“...” ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่ใช้สายตามองไปยังมุมหนึ่งของงานที่ตอนนี้กำลังมีผู้หญิงผิวขาวร่างเล็กกำลังถูกเพื่อนผู้ชายมอมเหล้า เธอคนนี้คือคนที่อยู่ในมุมมืดกับไอ้นักรบเมื่อครู่
“แม่งเอ้ย!!! ผมฝากนางด้วยเฮีย อ่อ แล้วก็อย่าแกล้งเพื่อนผมล่ะ” นักรบมองตามสายตาของผมก่อนที่มันจะสบถออกมาและยัดกุญแจรถของมันใส่ในมือของผม ก่อนที่มันจะเดินไปทางร่างบางตรงนั้นทันทีโดยที่ไม่รอให้ผมตอบรับก่อน
“อือ...”
ปัจจุบัน
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ นางกลับเองได้เกรงใจพี่หมอ” จอมนางมองหน้าผมก่อนที่เธอจะทำท่าเหมือนจะเปิดประตูรถแต่ดีที่ผมกดล็อกไว้ก่อนหน้านั้นแล้วทำให้จอมนางหันกลับมามองหน้าผมเหมือนไม่พอใจ ทำไมถึง...
“ดื้อ” ผมพูดออกตามความคิดและคาดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองไปด้วย แต่จู่ๆ จอมนางก็เสียงดังขึ้น
“ห๊ะ...พี่ว่าไงนะ” ผมกับเธออยู่ห่างกันแค่นี้ ยัยตัวเล็กนี่จะเสียงดังทำไมกัน นั่งเงียบมันจะตายให้ได้?
“อย่าดื้อ” ผมบอกออกไปและเริ่มสตาร์ทรถ สายตาผมเหลือบมองคนตัวเล็กด้านข้างเห็นเธอทำลังกดโทรศัพท์อยู่ น่าจะกำลังไลน์ไปด่านักรบแต่ผมก็คิดผิดเมื่อน้องบอกผมว่า
“นางไม่ได้ดื้อ...ขอบคุณค่ะ นางเรียกแท็กซี่แล้ว รบกวนเปิดประตูรถด้วยค่ะพี่หมอ” น้ำเสียงที่ติดจะโวยวายในตอนแรกกลับนิ่งสนิทเมื่อพูดประโยคหลังออกมา ทำไมเธอต้องประชดผมด้วยการเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายวะ
“จอมนาง!!” ผมเผลอตวาดเธอเสียงดังลั่นรถแต่ดูเหมือนว่าร่างบางตรงหน้าจะไม่ได้กลัวผมสักนิด กลับจ้องผมอย่างเอาเรื่องอีกด้วย ทำไมตอนเราคบกันน้องไม่เคยดื้อกับผมเลยสักครั้งแต่นี่แค่วันเดียวน้องเปลี่ยนไปทุกอย่างเลยเหมือนกับว่าผมไม่เคยรู้จักน้องมาก่อน
“คะ อะไรเหรอคะ” จอมนางขมวดคิ้วบางของเธอจนแทบจะเป็นปมแล้วถามผมอีกครั้ง
“...” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่เถียงกับน้องและสตาร์ทรถทันที
“งั้นนางขอตัวนะคะ” อ่า...ดื้อชิบ น้องยังคงพยศกับผมไม่เลิก ทำไมต้องทำให้ผมหัวร้อนด้วยนะแค่นั่งไปเงียบๆ มันจะตายเหรอวะ
“จะไปส่ง” ผมบอกย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นิ่งกว่าเดิมเพื่อให้น้องรับรู้ว่าผมกำลังไม่พอใจเหมือนกับทุกครั้งที่ผมชอบทำแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ผมจะคิดผิดเพราะนอกจากน้องจะไม่รับรู้แล้วน้องยังคงดื้อมากกว่าเดิมอีกด้วย
“นางจะกลับเองค่ะ” คำพูดของน้องที่ตอบผมมันทำให้ผมต้องเริ่มนับหนึ่งอีกครั้งเพื่อที่จะไม่เผลอทำอะไรรุนแรงออกไป
“จอมนาง” ผมใช้เสียงที่นิ่งเหมือนเดิมเรียกน้องเบาลงจากครั้งแรก ทำให้น้องค่อยๆ หันมามองหน้าผม
“นางบอกว่าจะกลับเองไงคะ ไม่รบกวนพี่หมอหรอกค่ะ” น้องเสียงอ่อนลงเช่นกัน ทำให้ผมค่อยผ่อนลมหายใจตัวเองเพื่อคุยกับน้อง ผมพยายามบอกตัวเองว่าน้องเมาแล้วผมต้องไม่ถือสา
“น้องอย่าดื้อได้ไหมครับ มันดึกแล้วพี่แค่จะไปส่งเท่านั้น” ผมพยายามใช้เหตุผลเข้าพูดเพื่อให้ร่างบางตรงหน้ายอมคล้อยตาม น้องมีสีหน้าครุ่นคิดผมรู้ ปกติผมไม่ใช่คนที่พูดประโยคยาวๆ เว้นแต่ตอนตรวจคนไข้และก็ตอนที่อยู่กบน้องนี่แหละ
“นางก็เรียกแกร็ปแล้ว พี่ไม่ต้องไปส่งหรอก” ทำไมถึงดื้อได้ขนาดนี้วะ
“จอมนาง น้องเป็นผู้หญิงนะครับ พี่บอกว่าจะไปส่งคือไปส่ง...” ผมบอกออกไปอย่างเริ่มหมดความอดทน
“นางว่าเราไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่องนะคะ พี่หมอช่วยปลดล็อกด้วยค่ะ” ทันทีที่จอมนางพูดจบผมก็หมดความอดทนทันที ผมกระชากแขนของจอมนางเข้าหาตัวและก็ได้เห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของน้อง มันทำให้ผมชะงักไปนิดนึงแต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นเพราะไม่ว่ายังไงเด็กดื้อชอบประชดก็ต้องโดนลงโทษ
“นั่นสิ คุยไม่รู้เรื่องแล้ว ทำอย่างอื่นดีไหม?” ผมยิ้มเย็นๆ และถามน้องออกไป ทำให้จอมนางจ้องหน้าผมราวกับตกใจในสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่
“อะ...อะไรของพี่ ทำไมเราไม่ต่างคนต่างอยู่ไปเลย” ดูเหมือนน้องเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอและพยายามเถียงผมอยู่ถึงแม้ว่าน้องจะไม่เคยเถียงผมชนะเลยสักครั้งก็เถอะ รวมถึงครั้งนี้ก็ไม่มีทางชนะ
“ก็แค่ไปส่ง น้องจะคิดอะไรเยอะ ไม่ได้ให้กลับมาคบกัน” ผมพลั้งปากออกไปแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาเจ็บปวดของคนตัวเล็ก ทำไมผมถึงรู้สึกหน่วงๆ ในใจขนาดนี้วะ
“นั่นสิแค่ไปส่ง งั้นพี่ขับรถเถอะ” น้องนิ่งไปก่อนมือบางของเธอจะค่อยๆ แกะมือผมออกจากแขนแล้วหันหน้าไปนอกกระจกแทน ผมก็ปล่อยให้น้องอยู่กับตัวเองเพราะผมต้องขับรถและก็ต้องอยู่กับตัวเองเหมือนกัน

ประมาณหนึ่งชั่วโมงผมก็พาน้องมาถึงคอนโดโดยสวัสดิภาพแต่เหมือนว่าน้องกำลังกลับหลับอยู่ น่าจะเพราะเมาและอ่อนเพลีย เวลานอนหลับก็ดูน่ารักอยู่หรอก ผมยิ้มให้กับตัวเองไม่ว่ายังไงน้องก็ยังน่ารักสำหรับผมนั่นแหละ
“นาง นางครับ ถึงคอนโดแล้ว” ผมเขย่าร่างเล็กเบาๆ พอน้องขยับตัวผมก็ถอยออกมาเพื่อให้น้องขยับตัวได้มากขึ้น น้องหันมามองผมแล้วยิ้มให้ทำให้ผมยิ้มตอบน้องเหมือนกัน แต่ไม่นานน้องก็นิ่งไปแล้วก็หยิบข้าวของของตัวเอง
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ สวัสดีค่ะ” น้องยกมือไหว้ผมและหันไปเปิดประตูด้านที่ตัวเองนั่งอยู่แต่ติดตรงที่ผมยังไม่ได้ปลดล็อกเพราะผมมีเรื่องต้องคุยกับน้องก่อน
“เดี๋ยว พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” ผมบอกออกไปทำให้น้องหันกลับมามองผมอีกครั้ง สายตาน้องรอบนี้ต่างจากตอนที่น้องเพิ่งตื่นเมื่อครู่ลิบลับ ครั้งนี้ดูว่าเปล่าและเย็นชาจนผมเริ่มกลัว...กลัวว่าน้องจะทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง
“ค่ะ...พี่หมอพูดได้เลยค่ะแต่ก่อนจะคุยปลดล็อกประตูก่อนได้ไหมคะ นางรู้สึกอึดอัด” น้องพยายามพูดต่อรองผมรู้ดี
“เดี๋ยวค่อยปลด คุยกันก่อน” ผมบอกออกตามความคิดเพราะผมรู้ว่าถ้าผมปลดน้องก็จะออกจากรถทันทีแน่นอน
“เฮ้อ...งั้นพี่พูดมาเลยค่ะ แต่ไวหน่อยนะคะ นางง่วงนอนแล้ว” น้องบอกผมแบบนั้นแต่ผมรู้ว่าน้องไม่ใช่คนนอนเร็วขนาดนั้น จอมนางเพียงแค่หาข้ออ้างเท่านั้น
“พี่จะบอกว่าเราไม่ควรดื่มเยอะขนาดนั้น เราเป็นผู้หญิงนะจอมนาง” ผมบอกอย่างที่คิดกับน้องไปแต่สายตาที่มองกลับมาหาผมเป็นสายตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ที่เรารู้จักกันสายตาที่ดูสงบนิ่ง ดุดันและหลากหลายอารมณ์ปนเปกันไปหมด ก่อนที่น้องจะหันหน้าไปทางหน้าต่างอีกด้านโดยที่ไม่มองผม
“พี่...มาสั่ง...” เสียงน้องพึมพำจนผมแทบไม่ได้ยิน จนผมต้องถามน้องอีกครั้ง
“เราว่าอะไรนะพี่ไม่ได้ยิน”
“นางถามว่า...พี่เป็นพ่อนางเหรอคะถึงมาสั่ง” คำพูดของน้องทำผมอึ้งมากเพราะน้องไม่ได้โวยวายหรืออะไร เสียงที่พูดออกมานิ่ง นิ่งมากและสายตาที่มองมาก็ว่างเปล่าแต่ก็แปลกมากตอนนี้ผมโมโหมากเหมือนกันผมกระชากน้องเข้ามาหาตัวเองจนน้องมานั่งอยู่บนตักผมน้องก็พยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงผมไม่ได้ ผมรัดน้องเอาไว้ไม่ปล่อย พูดแบบประชดประชันเก่งต้องถูกสั่งสอน
“พี่พูดดีๆ ทำไมเราต้องทำร้ายตัวเอง ประชดประชันไม่เลิก” ผมรู้ครับว่าน้องประชดเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“หึหึ ประชดเหรอคะ? นางเปล่าเลยค่ะพี่หมอ” น้องหยุดดิ้นและก็หันมามองหน้าผมซึ่งตอนนี้หน้าเราห่างกันแค่คืบนั้น ผมอยากลงโทษที่น้องดื้อขนาดนี้ แค่ไม่กี่วันน้องดื้อขนาดนี้เลยเหรอวะ
“ก็ที่ทำอยู่นี่ เขาเรียกประชด” ผมกดเสียงต่ำอย่างต้องการระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องโกรธขนาดนี้ทั้งที่เราก็เลิกกันแล้ว แต่ท่าทางของน้องตอนนี้มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก
“เหอะ นางไม่ได้ประชดนะคะ พี่อย่าสำคัญตัวเองขนาดนั้นเลยนะคะ” จอมนางพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเหยียดๆ หมดความน่ารักที่ผมเคยเห็นตอนเราคบกัน จอมนางคนนี้ดูเป็นอีกคนที่ผมไม่รู้จักมาก่อน
“นาง!!” ผมตวาดน้องทันที นี่มันมากไปน้องพูดจาไม่ดีเลยครับ ผมที่กำลังจะพูดต่อก็ถูกน้องเอานิ้วชี้มาแตะที่ปากผมและมองผมด้วยรอยยิ้มร้ายๆ
“ชู่ววว เหมือนพี่จะเรียนหนักนะ หรือแอบกินยาคนไข้รึเปล่าคะ? ถึงได้เพ้อ” ผมอึ้งอีกครั้งก่อนจะดุเธอจริงจังตอนนี้ถ้ามีกระจกหน้าผมคงแดงไปหมดด้วยความโมโหแน่นอน
“นาง!!!!” เสียงของผมไม่ได้ทำให้น้องสะทกสะท้าน น้องใช้นิ้วมือแหย่ที่หูตัวเองแล้วยิ้มพูดกับผม
“อย่าเรียกบ่อย...นี่มีสมองจำชื่อตัวเองได้...อื้มมม”


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว