“อะไร ได้ยินแว่วๆ ใครผัวใครแม่ดวง”
เสียงของบิดาเธอดังขึ้นตรงหน้าร้าน กุลนารีจึงละสายตาที่สบกับเจ้านายของตน วางถังน้ำกับไม้ถูลง ขณะที่คนมาใหม่ก็มองมายังเธอพอดี
“หึ รู้จักบ้านตัวเองด้วยเหรอ”
คำทักทายแรกของบิดาทำเอาแทบถอนหายใจระอา แต่ก็กลั้นเอาไว้แล้วยกมือไหว้แทน แต่สายตาของพ่อกลับสนใจคนที่ยืนด้านหลังเธอ
“นั่นใครล่ะ หรือว่า...ที่พูดว่าผัวนี่ หมายถึงผัวนังแก้มเหรอแม่ดวง”
พ่อเธอเอ่ยเสียงดัง ขณะที่คนเป็นลูกสาวสะดุ้งวาบ แต่แม่เธอยิ้มหวานถูกใจเสียอย่างนั้น
“ไปมีผัวเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่เมื่อไร แล้วเพิ่งจะพามาบ้านเนี่ยนะ”
ยังไม่มีใครได้พูดอะไร คุณสรรชัยก็คิดเองเออเองแล้วก้าวเร็วๆ มาหาลูกสาว คุณดวงกมลนึกขึ้นมาได้ว่ากลุนารีอาจจะโดนทำร้ายจึงรีบตามมาขวาง
“ว่าไง ทำไมเพิ่งพามาบ้าน”
“ไม่ใช่นะพ่อ นี่เจ้า...”
“เดี๋ยวนะ งั้นไอ้รถที่จอดหน้าบ้านนี่รถผัวแกสินะ คันใหญ่โตดีนี่หว่า”
“ไม่ใช่พ่อ...”
กุลนารียังพูดไม่จบ บิดาเธอก็สวนขึ้นตาวาว อารมณ์ดูขุ่น ไม่พอใจ
“อย่ามาโกหกกันเสียให้ยาก เห็นแม่แกพูดปาวๆ ว่าผัว ถ้าไม่ใช่แล้วจะมาบ้านเราทำไมวะ พาผู้ชายที่ไม่ใช่ผัวเข้าบ้านมันใช่เรื่องเหรอนังแก้ม แกคิดว่าพ่อโง่หรือไง”
เสียงพ่อของเธอเข้มขึ้น แต่กุลนารีไม่ได้เกรงกลัว เธอไม่พอใจมากกว่า ที่สำคัญเธออายเจ้านายตัวเอง สิ่งที่ไม่อยากให้เกิด เกิดขึ้นจริงๆ จนได้
“ผัวมีเงินมีทองแล้วไม่อยากให้ฉันรู้ แอบงิบงุบใช้คนเดียวสบายเลยสิ แกคิดถึงพ่อถึงแม่ไหมนังแก้ม พ่อกับแม่ยืนหลังขดหลังแข็งขายก๋วยเตี๋ยวทุกวัน แกเห็นใจบ้างไหม”
ทั้งที่อยากจ้องหน้าตอบโต้อย่างไม่อ่อนแอ ทว่าพอได้ยินประโยคนี้น้ำตาก็พานจะไหล
“ใจเย็นก่อนพ่อ มันไม่ใช่อย่างนั้น”
คุณดวงกมลเข้ามาห้าม เพราะลูกสาวเริ่มจะร้องไห้ที่ถูกตำหนิอย่างรุนแรงในเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง แถมยังมีแขกอยู่ด้วยท่านจึงนึกอายอีกฝ่าย
“แม่ดวงก็เข้าข้างนังลูกอวดดีนี่ตลอดนั่นแหละ จะรวมหัวกันไม่แบ่งเงินฉันใช้หรือไง”
คนเป็นพ่อเสียงแข็ง ไม่ยอมฟังใคร
“ไม่มีใครเห็นใจฉันเลย หนี้สินก็มาก ลูกก็ไม่ดูดำดูดี ต้องไปหยิบยืมเขาทุกวัน ทองหยองต้องจำนองจำนำขายกิน”
“ก็ถ้าพ่อไม่เข้าบ่อนมันจะเป็นหนี้ไหม ถ้าพ่อหยุดสักวัน หนี้มันก็ไม่เพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ด ให้เท่าไรก็ไม่พอแบบนี้...”
เพี้ยะ!!
มือหนาสะบัดอย่างกะทันหันเกินกว่าใครจะคิดได้ทัน คุณสรรชัยขบกรามแน่น ดวงตาดุกร้าวมมองลูกสาวด้วยความหงุดหงิด
“กล้าสอนพ่อเหรอนังลูกไม่รักดี”
พร้อมคำพูดก็ง้างมือขึ้นจะตบซ้ำอีก เพราะกุลนารีสะบัดหน้ากลับมาจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แต่คุณดวงกมลเข้ามาคว้ามือเอาไว้ก่อน
ขณะที่พศินขยับขึ้นมายืนบังเลขาของเขา ในตอนแรกเขาเพียงยืนมองเฉยเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัว แต่ถึงขั้นลงไม่ลงมือเขาก็จำต้องยุ่ง
“เฮ้ย ปล่อยสิวะ วอนซะแล้วไหมล่ะ”
คนถูกขัดใจสะบัดแขนอย่างแรงแล้วจะหันไปเล่นงานคนห้ามแทน
กุลนารีผวาเข้าไปช่วยมารดา แขนกำยำของพศินยื่นมากันเธอ ส่วนมืออีกข้างรีบคว้าข้อมือพ่อของเธอเอาไว้
“คุณเป็นหนี้เท่าไร ผมจะจ่ายให้”
แม้น้ำเสียงจากคำบอกจะราบเรียบ ไม่ดังหรือตวาดแม้แต่น้อย ทว่ากลับหยุดคนกำลังอารมณ์เสียได้ชะงัด คุณสรรชัยหันมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเต้นระริก
“พูดจริงเหรอไอ้ลูกเขย”
“คุณพศินคะ”
คนเป็นเลขาอึ้งไปชั่วอึดใจเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้านาย แล้วตั้งใจจะเอ่ยห้าม แต่ไม่มีใครสนใจฟังเธอ ทั้งมือหนาของชายหนุ่มยังขยับมาจับราวไม่ต้องการให้เธอพูดอะไร
“จริงครับ”
พศินไม่ได้ปฏิเสธสถานะที่ถูกเข้าใจผิด นั่นยิ่งทำให้กุลนารีขมวดคิ้วมุ่น แปลกใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องเงินในครอบครัวเธอ
“บ๊ะ มันต้องแบบนี้สิวะ ถึงจะเหมาะเป็นลูกเขยฉัน ฮ่าๆๆ”
เมื่อชายหนุ่มปล่อยมือคุณสรรชัยก็ตบไหล่หนาอย่างอารมณ์ดีชนิดพลิกฝ่ามือ
“ว่าแต่กินข้าวกินปลากันหรือยังล่ะ แม่ดวงไปทำกับข้าวกับปลามาเลี้ยงลูกเขยสิ”
คนอารมณ์ดีขึ้นเพราะจะได้เงินหันไปหาภรรยา
“เออ เดี๋ยวฉันช่วยทำ จะได้เสร็จเร็วๆ กินข้าวด้วยกันนะ
บอกแล้วก็หันไปมองลูกสาวที่ยังมองมาอย่างไม่พอใจ
“นังแก้มพาผัวแกขึ้นไปรอข้างบนก่อนไป ดูทำหน้าเข้า มันน่านัก”
แม้บิดาจะเพียงแค่ขู่เสียงเข้ม แต่ร่างสูงกำยำก็เคลื่อนมาขวางกลายๆ บ่งบอกว่าจะไม่ยอมให้แตะเธอซ้ำ ขอบตากุลนารีร้อนผ่าว ทั้งอับอายทั้งจนปัญญา ไม่รู้จะพูดกับพ่ออย่างไร นิสัยของท่านไม่สามารถแก้ได้แล้ว หากมีเงินมายื่นตรงหน้าพ่อถึงจะอารมณ์ดี
“แก้มขึ้นไปข้างบนเถอะลูก”
มารดาเธอบอกเสียงเบาพร้อมสายตาสงสาร
ไหล่บอบบางรู้สึกถึงน้ำหนักของแขนกำยำที่โอบแล้วพาให้เธอขยับตัว กุลนารีจึงก้าวเท้าที่หนักอึ้งอย่างช้าๆ ตาม
==============
พ่อไม่ฟังใครเลย พศินก็ตามน้ำอีก สงสารแก้ม ^-^"
*อีบุ๊กวางขายแล้ว สนใจฉบับเต็มดาวน์โหลดได้ที่ MEBMARKET จ้า
==============
เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ มาเมาท์ มาคุยนิยายกันได้จ้า
https://twitter.com/rasitawriter
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว