กระหรี่ โรงหนัง

ตอนที่ 3 น้ำเสียวไหลแล้วไหลอีก

CHAPTER VII : นอร์ธเวล์




"เปิดประตูรถหน่อย!!"


เสียงตะโกนเรียกที่ดังมาจากทางของป่าทำให้ผมที่พึ่งตื่นจากการงีบไปราวครึ่งชั่วโมงต้องรีบหันมองไปยังต้นเสียง สองร่างสูงที่กำลังเร่งก้าวเท้าเดินเข้ามาพร้อมกับพยุงอีกร่างนึงไว้ทำให้ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเสื้อเชิ้ดสีขาวสะอาดตอนนี้มันกลับมีสีแดงเจือปน แถมยังขาดไม่เป็นชิ้นดี


"เขาเป็นอะไร?"ผมเอ่ยถามคนร่างสูงที่ผมไม่รู้จักขึ้นเมื่อก้าวลงมาจากรถเพื่อรับร่างหนามาพยุงไว้แทน


"หมาป่าพวกนั้นมีมากกว่าหนึ่งตัว ไอ้เจคเลยไม่ทันระวัง"


"แต่ยังไงฉันก็สู้พวกมันได้อยู่ดี"


"ก่อนพูดนี่ดูสภาพตัวเองก่อนดีมั้ย สู้ได้แต่เลือดอาบขนาดนั้น"คนผมส้มพูดขึ้น


"ก็พวกนั้นแม่งหมาลอบกัด ถ้าเข้ามาตรงๆอย่าหวังว่าจะได้แตะตัวกูเลยเหอะ"


"เออๆ เก่งที่สุดในเขตแล้วมึงอ่ะ ไปทำแผลไปเดี๋ยวที่เหลือพวกกูจัดการให้"


"ยังไงก็ฝากด้วยนะน้อง ถ้ามันกวนประสาทก็ตบมันเลย ^^"


"พูดมากว่ะ ไปได้แล้ว"


"ค้าบบบบ เจ้าน๊าย"


ผมไล่สายตามองคนผมส้มหน้าตาทะเล้นด้วยความงุนงง รู้จักกันมั้ยก็ไม่แต่อีกคนกลับเรียกเขาว่าน้องแถมคุยหยอกเล่นใส่สะอย่างกับรู้กันมาสามชาติเศษ แล้วจึงค่อยละความสนใจกลับมามองคนที่ตนประคองอยู่จนเห็นว่าอีกคนก็กำลังมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้วถึงได้ขมวดคิ้ว


"มองอะไร - -"


"พึ่งสังเกตว่าเวลานายไม่พอใจแล้วจะชอบทำหน้ายู่เหมือนเด็ก"


"ฉันไปทำตอนไหน อย่ามั่ว"


"ตอนนี้ก็ทำอยู่ไม่ใช่รึไง"


ผมปั้นหน้านิ่งทำเป็นหูทวนลมเพื่อไม่พาลอารมณ์เสียไปกับความกวนประสาทของอีกคนแล้วรีบพยุงร่างหนาขึ้นมานั่งบนรถเพื่อไปยังโรงพยาบาลสำหรับส่งคนบาดเจ็บแต่ปากดีไปทำแผล


"ไปโรงพยาบาล/กลับบ้าน"


ผมหันหน้าขวับไปมองคนที่เลือดอาบตัวพร้อมคิ้วขมวด คนที่พาเขามาส่งเมื่อครู่ก็ยังบอกอยู่หยกๆว่าให้ไปทำแผล แล้วนี่เขาโดนหมากัดจนประสาทกินไปแล้วหรือไงถึงบอกว่าจะกลับบ้านทั้งๆที่ทั้งตัวยังเต็มไปด้วยแผลอยู่แบบนี้


"คุณต้องไปทำแผล"


"จะกลับไปทำที่บ้าน"


"ตามใจคุณ - -*"


เพราะขี้เกียจเถียงผมจึงเออ ออตามอีกคนไปโดยง่าย ใช้เวลาไม่นานรถยนต์ก็จอดเทียบท่าที่หน้าบ้านทำให้ผมต้องรีบลงจากรถไปพยุงเจ้านายของตัวเองเข้ามาในตัวบ้านจนเรียกความตกใจให้แก่พวกแม่บ้านจนพากันกรูเข้ามาดูเจ้านายของตัวเองด้วยความตกใจ


"ตายแล้ว! คุณเจคโดนอะไรมาคะ"


"อย่างหมอนี่ไม่ตายง่ายๆหรอก คุณแม่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง"


"แผลใหญ่ขนาดนี้คุณเจคน่าจะไปโรงพยาบาล"


"ก็แค่หมากัด พวกเธอไม่ต้องตื่นเต้น แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว"


"งั้นเดี๋ยวดิฉันขอไปเอากล่องยาก่อนนะคะ แผลแบบนี้ปล่อยไว้นานจะแย่เอา"


"ไม่ต้อง เธอไปทำมื้อเที่ยง"


"ได้ยังไงกันหล่ะคะ"


ผมมองบนใส่เพดานเมื่อเริ่มรู้ถึงสิ่งที่อีกคนจะสื่อ ด้วยสายตาที่มองมาของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับการไม่ยอมให้แม่บ้านไปทำแผลให้ หน้าที่นั้นมันก็ย่อมตกมาอยู่ที่ผมแทนอยู่แล้ว


"คุณแม่บ้านทำตามที่เขาบอกเถอะ เดี๋ยวผมทำแผลให้เขาเอง"


"ถ้างั้นก็..ฝากคุณวีด้วยนะคะ"


ผมพยักหน้ารับปากเพื่อให้แม่บ้านหายกังวลเพราะเป็นห่วงเจ้านายก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินหายไปทางครัว พอหันไปมองคนที่นั่งสบายใจอยู่บนโซฟาเลยเห็นว่าสายตากวนประสาทกำลังถูกส่งมาให้


"กล่องยาอยู่ไหน"


"ห้องแม่บ้าน"


ผมเดินออกมาจากตัวบ้านหลังใหญ่เพื่อไปยังบ้านเล็กอีกโซนที่ถูกจัดไว้ให้สำหรับคนงานและแม่บ้านโดยเฉพาะ กล่องยาขนาดพอดีถูกผมยื้มมาใช้แต่พอเดินกลับมายังห้องรับแรกคนที่ต้องได้รับการทำแผลก็กลับหายหัวไปเสียดื้อๆ


"คุณเจคขึ้นห้องไปแล้วน่ะค่ะ นายท่านฝากบอกให้คุณวีตามขึ้นไปเลย"


"ครับ"สรุปเดินเองได้ แล้วไอ้ที่ผมเสียเวลาพยุงเขามานี่หมายความว่าไง สำออย? - -


ก๊อก ก๊อก!


"ผมเข้าไปนะ"


ปากบางเอ่ยพูดออกไปตามมารยาทก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเดินเข้ามาในตัวห้องนอนที่กว้างกว่าห้องของตัวเองอยู่พอสมควร กล่องยาถูกวางไว้บนเตียงตามด้วยร่างบางที่หย่อนก้นลงนั่งแล้วมองสำรวจไปรอบๆห้อง จนได้ยินเสียงน้ำที่ไหลออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ปลายเตียงถึงรู้ว่าอีกคนกำลังอาบน้ำอยู่ เสียงน้ำที่ไหลอย่างต่อเนื่องกินเวลาสักพักจนเปลือกตาบางเริ่มหนักขึ้นเมื่อผมเริ่มง่วงเต็มที


กึก!


เสียงประตูที่ถูกเปิดออกทำให้ผมที่นั่งหลับตาต้องลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ตัวว่าเกือบเผลอหลับ ดวงตาคมหันไปมองทางประตูห้องน้ำจนสายตาประทะเข้ากับร่างเปลือยท่อนบนของเจ้านายตัวเองที่กำลังใช้ผ้าขนหนูขยี้ไปที่เส้นผมที่เปียกน้ำจนต้องเลื่อนสายตาหนี


"รอนานมั้ย"


"หึ"


ผมส่ายหน้าเบาๆ แต่ไม่ได้หันไปมองหน้าอีกคนเพราะกลัวสายตาไม่รักดีจะมองอย่างอื่นเสียมากกว่า แรงยวบของเตียงที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าอีกคนได้นั่งลงบนเตียงข้างๆกับผมแล้ว


"หันหลังมา จะทำแผล"


เสียงเรียบเอ่ยบอกจนรู้สึกได้ถึงแรงขยับทำให้รู้ว่าอีกคนได้ทำตามที่เขาบอกแล้วจึงหันหน้ามามองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่บัดนี้มีรอยแผลลากยาวอยู่ที่บนช่วงบนของแผ่นหลัง รอยกัดขนาดใหญ่แต่ไม่ได้ลึกมากกับรอยข่วนที่ลากยาวกลางแผ่นหลังไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อแน่นๆของแผ่นหลังตรงหน้าน่ามองน้อยลงแต่อย่างใด ผมชันเข้าเพื่อยกระดับความสูงของตัวเองให้สามารถทำแผลให้คนตรงหน้าได้ถนัดก่อนที่มือบางจะหันไปหยิบสำลีชุบด้วยยาฆ่าเชื้อแล้วค่อยๆ แตะลงตามรอยแผลอย่างเบามือ


.....


"ถ้าเจ็บก็บอก"


"อืม"


ราวหลายนาทีที่ผมใช้เวลาไปกับการทำแผลให้อีกคนจนขั้นตอนสุดท้ายก็คือการใช้ผ้าก๊อชปิดทับแผลพวกนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน


"เสร็จแล้ว"


"ไดร์ผมเป็นมั้ย"


"จะใช้ทุกอย่างเลยรึไง"


"ผมจ้างคุณตั้งแพงก็คงต้องใช้ให้คุ้ม"


"เอาไดร์มา"


"อยู่ในลิ้นชักข้างเตียง"


ผมคลานมาที่หัวเตียงแล้วก้มลงเปิดลิ้นชักเพื่อเอาไดร์ไปเป่าผมให้อีกคนตามที่เขาสั่ง มือบางค่อยๆสางผมที่เปียกให้ไม่พันกันก่อนจะเริ่มใช้ลมร้อนเป่าไปทั่วทั้งศีรษะ จนผมสีน้ำตาลเข้มเริ่มจะแห้งถึงได้ผ่อนแรงลมลงทำให้เสียงจากไดร์เบาลงพอที่เสียงคนจะลอดผ่านจนได้ยิน


"ต้องไปไหนต่ออีก"


"ตอนหนึ่งทุ่มคุณต้องไปงานเลี้ยงที่บ้านใหญ่"


"งั้นก็มีเวลาพัก"


หมับ!


มือหนาจับเข้าที่ข้อมือเล็กจนผมต้องกดหยุดไดร์ แรงดึงจากคนตรงหน้าที่ล้มตัวลงนอนทำให้ผมที่โดนดึงต้องล้มลงไปนอนด้วยอีกคน


"ทำอะไร - -"


"นานๆทีจะมีเวลาว่าง ง่วงก็นอนสะ"


ผมเลื่อนสายตามามองใบหน้าด้านข้างของคนที่นอนอยูู่ข้างๆ เปลือกตาติดขนตาบางกำลังหลับตาพริ้ม จมูกโด่งเป็นสันสูดลมหายใจเข้าพร้อมๆกับริมฝีปากสีสดที่พ่นลมหายใจออกอย่างเป็นจังหวะดูผ่อนคลาย พอได้มีโอกาสมองใบหน้าของอีกคนชัดๆแบบนี้ก็ยิ่งยืนยันได้ดีถึงความดูดีของอีกคนที่หล่อเหลาจนไร้ที่ติ


"มองอะไร"


ดวงตาคมที่ลืมขึ้นมามองตอบผมทั้งๆที่ควรจะหลับไปแล้วทำให้ผมต้องรีบเบือนสายตาหนีไปมองเพดานด้านบนแทน


"ป่าวสะหน่อย"


"ก็เห็นอยู่ว่ามอง"


"ไม่ได้มอง"


ผมเถียงข้างๆคูๆแล้วรีบพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้อีกคนจนได้ยินเสียงขำในลำคอเเบาๆส่งตามมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะหันไปตอบโต้อีกคนต่อ เปลือกตาสวยปิดลงเพื่อพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะต้องตื่นอีกครั้งในตอนเย็นเพื่อออกไปกินเลี้ยงที่คฤหาสน์ตะกูลนอร์ธเวล์อีกที


........


.



.


.


"ตื่นแล้วไง?"


เสียงทักทายจาากคนที่กำลังยืนหันหลังมองกระจกอยู่ที่ปลายเตียงทำให้ผมที่พึ่งลืมตาตื่นจากฝันเมื่อครู่ต้องเรียกสติตัวเองที่กำลังงัวเงียให้เข้าที่ มือบางถูกใช้ขึ้นมาลูบใบหน้าลึมสลือก่อนที่จะเงยหน้ามองเจ้านายคนตนที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตอยู่อย่างไม่เร่งรีบ


"นายยังไม่ได้อาบน้ำ มีเวลาอีกนานไปอาบก่อนเถอะ"


"อืม"


ด้วยความที่พึ่งตื่นกับไม่มีสติมากเท่าไหร่ทำให้ผมเชื่อฟังอีกคนอย่างว่าง่าย ขาเรียวพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำพลางเปิดน้ำล้างหน้าชำละร่างกายจนลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่างเข้ามาด้วย ดวงตากลมที่เคยเหม่อตื่นเต็มตาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดตัว น้ำจากฝักบัวถูกปิดลงพร้อมกับร่างบางที่ยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ในห้องน้ำพลางขมวดคิ้ว


"แม่งเอ้ย"


ปากเล็กสบ่นก่อนจะใช้มือขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ผมเดินไปเอาหูทาบกับประตูเพื่อจะได้รู้ว่าคนข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงความเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เท้าเล็กเดินวนไปวนมาในขณะที่สมองก็คิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขสถานการณ์นี้ จะตะโกนบอกให้อีกคนเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ยังไงก็ต้องออกไปพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียว จะใส่ชุดเก่าที่พึ่งถอดไปก็ไม่ได้อีก หรือยิ่งจะให้อีกคนวิ่งไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องตัวเองมาให้ยิ่งแล้วใหญ่ ถึงจะไม่ได้นับถือกันมากแต่ยังไงอีกคนนั่นก็ขึ้นชื่อว่าเจ้านายอยู่ดี


"ช่างแม่ง"


ปากเล็กบ่นเป็นรอบสุดท้ายก่อนจะเดินมาหมุนลูกบิดเปิดประตูออกเล็กน้อย หัวกลมสอดส่ายสายตามองภายในห้องเพื่อมองหาเจ้านายของตนแต่กลับไม่เจอแม้แต่เงา จะมีเพียงก็แต่เสื้อผ้าหน้าประตูที่ถูกแขวนไว้ให้จากประตูอีกฝั่งที่มีตะขอให้แขวน ผมจึงรีบหยิบเสื้อผ้าพวกนั้นเข้ามาใส่โดยไม่ต้องมีใครมาบอก ผมในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวที่ดูเนี๊ยบจนไม่มีที่ติเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความเกร็งเล็กน้อยกับชุดที่ตัวเองใส่เพราะมันไม่ใช่ชุดของเขาและหนำซ้ำมันยังดูแพงและดูใหม่มากทีเดียว


"มาช่วยฉันหน่อย"


เสียงเรียกจากอีกคนที่ผมไม่เห็นตัวก่อนหน้านี้ดังขึ้นเรียกสติจนผมต้องหันไปมองเจคที่อยู่ในชุดสูทเนี๊ยบพอกัน บนต้นคอถูกเนคไทสีดำสนิทเหมือนกับสูทตัวนอกพาดเอาไว้แต่ยังไม่ได้ผูกให้เรียบร้อย ผมใช้มือสองข้างจับปลายเนคไททั้งสองด้านก่อนจะผูกมันอย่างใจเย็น


"ไปกินข้าวกับครอบครัวจำเป็นต้องเนี๊ยบขนาดนี้เลยหรือไง"


"ขึ้นชื่อว่านอร์ธเวล์มีอะไรธรรมดาบ้างหล่ะ"


"งั้นที่ฉันได้ยินมาว่าเป็นตระกูลสร้างภาพก็คงจะจริง"


"เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง"


ร่างหนาละสายตาออกจากใบหน้าหวานแล้วหันไปมองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก เนคไทและสูทตัวนอกถูกจัดให้เข้าที่พร้อมกับนาฬิกาข้อมือแสนแพงที่ถูกสวมใส่เข้าที่ข้อมือ


"เอานี่ไปใส่"


กล่องเครื่องประดับถูกส่งให้คนที่อยู่ข้างๆที่เอาแต่ยืนมึนไม่ยอมรับไปจนเขาต้องเป็นคนเปิดกล่องนั้นเอาเครื่องประดับออกมาถือด้วยตัวเอง สร้อยคอมุขสีขาวนวลถูกคนตัวบางมองด้วยความไม่เข้าใจจนปากบางต้องเอ่ยถามขึ้นแต่คนเป็นเจ้านายก็ชิงตอบขึ้นมาเสียก่อน


"คุณเป็นเลขาของผม คุณเองก็ต้องดูดีในสายตาพวกเขาเหมือนกัน"


"ยุ่งยากชะมัด"


ปากบางเบะปากแต่ก็ยอมยืนให้คนสูงกว่าใส่สร้อนให้ตัวเองนิ่งๆ แล้วค่อยหยิบเอาต่างหูอีกสองข้างมาใส่จนครบเครื่อง ถ้ามองตัวเองจากในกระจกตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าเขากับเจ้านายกำลังจะไปร่วมงานใหญ่ระดับประเทศแทนการกินเลี้ยงที่บ้านตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างว่า..หมาป่าจรจัดแต่เด็กอย่างเขาจะไปเข้าใจพวกหมาป่าสูงศักดิ์ได้ยังไงหล่ะ


.


.


.


เสียงดนตรีคลาสสิคดังไปทั่วทุกบริเวรในคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้สองร่างที่พึ่งก้าวเข้ามาในตัวบ้านได้ยินมันอย่างชัดเจน ผมมองผู้คนที่ยืนพูดคุยกันอยู่ตามมุมต่างๆด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ ในหัวของผมที่คิดก็คงจะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวในบ้านเท่านั้น แต่เท่าที่เห็นมันกลับเหมือนงานทางการเสียมากกว่า ผมเดินตามเจคมายังชั้นสองที่คนไม่พลุกพล่านก่อนที่อีกคนจะพาผมเข้ามายังห้องห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องทำงานของใครสักคน


"มาแล้วเหรอ"


เสียงทุ้มน่ายำเกรงของชายวัยกลางคนค่อนไปทางเริ่มมีอายุทำให้ผมที่เดินตามเข้ามาชะงักเท้าอยู่กับที่ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอัลฟ่าที่แกร่งกล้าพอๆกับของเจ้านายของตน ชายมีภูมิฐานในชุดสูทเต็มยศหันมาสบตากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายก่อนจะมองเลยมายังร่างเล็กที่ยืนอยู่ด้านหลัง


"เปลี่ยนเลขา?"


"จินไปพักร้อนผมเลยจ้างเขามาทำงานแทนสักพัก"


".....โอเมก้า"


"เขาทำงานได้ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร"


"หึ..ช่างเถอะ ว่าแต่เรื่องธุรกิจเป็นยังไงบ้าง"


"กำไรเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ต้นปี ผมกำลังจะเพิ่มสาขาอีกสามที่เร็วๆนี้"


"ดี แต่เหมือนฉันจะได้ข่าวมาว่านนายมีปัญหากับคุณวิลสัน"


"....."


"ตอบตกลงไปสะ ฉันเห็นด้วยกับวิธีการนั้น"


หมับ!


ทันที่ปากเล็กทำท่าจะโพล่งอะไรออกไป แรงจับที่ข้อมือก็ทำให้ผมต้องหยุดความคิดลงเสียก่อน จนทำได้แต่ยืนกำหมัดแน่นสบตาคนแก่กว่าไปเท่านั้น


"ผมไม่อยากให้มีใครต้องตายเปล่า ภายในหนึ่งเดือนผมจะหาวิธีมาแก้ไขเรื่องนี้เอง"


"นายจะกังวลไปทำไม จำคำสอนของฉันไม่ได้หรอกหรอ โอเมก้าเป็นเพียงแค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น ต่อให้พวกมันมีชีวิตต่อไปก็เปลืองทรัพยากรเสียเปล่าๆ"


"ผมขอโอกาส..แค่ครั้งนี้ ตลอดที่ผ่านมาผมยอมทำตามสิ่งที่พ่ออยากให้ทำมาตลอด แต่ครั้งนี้..ผมคิดว่ามันเกินไป"


"นายนี่มันเหมือนแม่ของนายไม่มีผิด ขี้เห็นใจจนน่ารำคาญ แต่เอาเถอะ..ฉันให้เวลาแกสองอาทิตย์ ถ้ายังหาทางมาแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันจะอนุญาตให้สภากลางดำเนินการทดลองทันทีเข้าใจมั้ย"


"....ครับ"


แรงบีบที่ข้อมือทำให้ผมที่อารมณ์พลุกพล่านยังพอมีสติอยู่บ้าง แม้ใจจริงจจะอยากออกปากเถียงคนตรงหน้าไปเท่าไหร่แต่ก็รู้ตัวดีว่าสิ่งที่จะตามมามันคงจะไม่สวยนัก ปากบางเม้มเข้าหากันพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อสงบสติแม้มันจะทำได้ยากเหลือเกินในเวลานี้ก็ตาม


"ลงไปข้างล่างเถอะ ฉันมีใครอยากแนะนำให้แกรู้จัก"


"ครับ"


.



.



.


ไรท์:ขอโทษจ้าาาาา กลับมาแล้วหงึ คืนดีกันนะ <3











รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว