ตอนที่ 8 หมอนั่น! กล้าทิ้งฉันไว้เหรอเนี่ย!
"ดีล! งั้นนายรออยู่ตรงนี้นะ ฉันขอไปเอาของส่วนตัวและแท็บเล็ตที่มีไฟล์ E-Book ในร้านก่อน อย่าหนีไปไหนซะล่ะ" ลอเรน่าเอ่ยพร้อมรีบวิ่งกุลีกุจอกลับเข้าไปยังออฟฟิศ เธอหันมามองเขาพร้อมส่งสายตาที่สื่อเป็นนัยว่า 'ถ้านายหนีไปล่ะก็นายตายแน่' ออกมา
‘ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักซะจริง ‘ นทียิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าให้เธอ
หลังจากนั้นลอเรน่าก็กลับไปยังห้องของเธอเพื่อเตรียมตัวอย่างเร่งรีบ เธอกลัวว่านทีนั้นจะผิดคำพูดและทิ้งเธอไป ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอจะฆ่าเขาทิ้งซะ เธอรีบหยิบกระเป๋าเป้ใบหนึ่งขึ้นมาและจัดการกวาดเสื้อผ้าและอาหารสำเร็จรูปกับน้ำเปล่าเท่าที่เธอจะยัดมันลงไปได้
เธอไม่ลืมที่จะถอดแท็บเล็ตที่เชื่อมต่ออยู่กับแล็บท็อปของเธอมาถือไว้ในมือและหยิบแล็บท็อปใส่ในกระเป๋าด้วยเช่นกันเมื่อเธอตรวจดูอย่างแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ลืมอะไรที่สำคัญไว้อีก เธอก็รีบวิ่งออกมา แต่เมื่อลอเรน่าออกมาจากห้องแล้วมองหานทีแต่กลับไม่เห็นวี่แววของเขานั้น ใจของเธอก็หล่นไปยังตาตุ่มและเริ่มสาปแช่งนที
‘ไอหมอนั่น! กล้าทิ้งฉันไว้ที่นี่เหรอเนี่ย’ ลอเรน่าสบถในใจ
ลอเรน่าคิดว่าเธอนั้นเป็นคนสวยคนหนึ่ง ไม่ใช่เพราะเธอเข้าข้างตัวเอง แต่เพราะเวลาที่เธอทำงานมักจะมีลูกค้าผู้ชาย มาคุยกับเธอและเหล่มองมายังเธอหลายครั้ง ถึงเธอจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกลูกค้าเหล่านั้นมองมายังหน้าอกของเธอก็ตามที เธอคิดว่ายังไงมันก็คือร่างกายของเธออยู่ดี หน้าอกที่ติดตัวเธอมาแต่เกิดก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่เธอภาคภูมิใจ แต่เธอไม่คาดคิดว่า นทีจะทิ้งเธอไว้ทั้ง ๆ ที่เธอสวยขนาดนี้
แต่เมื่อเธอเดินออกมาเกือบถึงประตูร้านก็เห็นนทีกำลังนั่งยอง ๆ และสอดส่องสายตาผ่านทางหน้าต่างอยู่
"นที! ฉันนึกว่านายทิ้งฉันไปแล้วซะอีก!" ลอเรน่าตะโกนออกมาด้วยความดีใจที่นทีไม่ได้หายไปไหน
ทำให้เสียงที่เธอส่งออกมานั้นดังกว่าปกติมาก
"ชู่!" นทีรีบวิ่งมาปิดปากเธอทันที
"ถ้ายังไม่อยากโดนซอมบี้กินล่ะก็ คราวหลังอย่าส่งเสียงดังโดยที่ผมไม่อนุญาตอีกเป็นอันขาด" นทีกระซิบใส่หูของลอเรน่า
เธอมองหน้าเขาแล้วมองตามนิ้วที่นทีชี้ออกไปนอกหน้าต่าง เธอก็พบเข้ากับซอมบี้ประมาณสิบกว่าตัวกำลังเดินขวักไขว่ไปมากันอย่างเชื่องช้า มันเพิ่มจำนวนขึ้นมากภายในเวลาไม่นานหลังจากที่นทีเข้ามายังร้านหนังสือแห่งนี้ ด้วยอัตราการแพร่กระจายเชื้อในระดับนี้ นทีรับรู้ได้ในทันทีว่าหากเขายังชักช้าไปกว่านี้ เป้าหมายร้านสะดวกซื้อที่เขาจะไป จะต้องมีอุปสรรคมากมายเป็นแน่
เมื่อลอเรน่ามองเห็นซอมบี้เหล่านั้นเธอก็ตกใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นซอมบี้เหล่านี้ชัด ๆ คราวที่แล้วที่เธอกำลังจะโดนทำร้ายนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขานั้นคือซอมบี้ แต่ภาพตรงหน้าเธอนั้นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันเป็นอย่างดีแล้วว่านทีไม่ได้หลอกลวงเธอ
แต่แทนที่จะตกใจกลัวกับภาพตรงหน้า เธอกลับรู้สึกปลอดภัย ความอบอุ่นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ก่อตัวในจิตใจดวงเล็ก ๆ ของเธอโดยที่เธอก็ไม่ทันได้รับรู้ เธอพยักหน้าน้อย ๆ บอกให้นทีรับรู้ว่าเข้าใจ แล้วพยายามแกะมือของนทีออกจากปากของเธอ นทีปล่อยมือออกจากปากของลอเรน่าและพูดต่อทันที
"ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่ผมคิดไว้มาก เราต้องรีบเดินทางกันแล้ว ส่งแท็บเล็ตที่ตกลงกันไว้มาให้ผม"
นทีต้องการแท็บเล็ตที่มี E-Book มาไว้ในมือก่อน เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอจะโกหกเรื่องที่เธอมี E-Book กว่าแสนเล่มหรือเปล่า แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็ยังมี E-Book ในแท็บเล็ตนี้อยู่ในครอบครอง
ลอเรน่ายื่นแท็บเล็ตให้กับนทีอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นนทีรีบใส่แท็บเล็ตลงในเป้ของแล้วนำเป้ของเขายัดใส่ลงไปในช่องเก็บของอีกที นทีตรวจสอบดูว่ามันสามารถทำแบบนี้ได้ ทำให้เขาประหยัดพื้นที่ในการเก็บของและเคลื่อนไหวตัวสะดวกมากขึ้น
ลอเรน่ามองดูเหตุการณ์ที่เธอไม่สามารถหาคำอธิบายใด ๆ ได้ แต่เนื่องจากเธอก็เป็นคนที่ปรับตัวได้รวดเร็ว เธอรู้ดีว่าหากเธออยากรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าเธอต้องพึ่งพาเขา การถามคำถามที่เหมือนจะเป็นความลับของเขานั้นดูจะเป็นการเสียมารยาท เธอรับรู้เพียงแค่ว่าเขาคงมีความสามารถบางอย่างในการเก็บสิ่งของเหมือนกับแมวสีฟ้าตัวหนึ่งเท่านั้น
"เราต้องรีบไปยังร้านสะดวกซื้อให้เร็วที่สุด มอเตอร์ไซค์ผมจอดอยู่ตรงนั้น" นทีกระซิบเสียงเบา
พร้อมชี้ไปยังมอเตอร์ไซค์สีแดงคันเก่า เขากำลังจะลุกและบอกให้เธอตามมาแต่ก็ต้องหันกลับมามอง เมื่ออยู่ ๆ ลอเรน่าก็คว้าชายเสื้อเขาไว้
"ถ้านั่นคือรถนายล่ะก็ ไปรถฉันดีกว่านะ ฉันไม่คิดว่าเราสองคนจะรอดจากซอมบี้บนถนนพวกนั้น หากเราต้องไปด้วยรถของนายคันนั้น" ลอเรน่ามองไปยังมอเตอร์ไซค์สีแดงคันเก่าแล้วประเมินด้วยสายตาคร่าว ๆ
ลอเรน่าคาดว่าหากเธอและเขาต้องไปด้วยรถของนทีพวกเขาคงโดนซอมบี้รุมทึ้งอยู่กลางถนนจากนั้นเธอก็ชี้ไปรถยนต์คันหนึ่งที่มีสีขาว รถของเธอนั้นเป็นรถครอบครัว สามารถใส่อาหารและสิ่งของต่าง ๆ ได้ในปริมาณมาก
เมื่อนทีเห็นรถของเธอนั้นเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย จริง ๆ แล้วในตอนแรกเขาก็ไม่ได้อยากจะขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ได้ขับมันบ่อย ไม่รู้วันดีคืนดีมันจะเสียตอนไหนแต่มันเป็นเพียงตัวเลือกเดียวของเขาในเวลานั้น เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกแต่ตอนนี้มีตัวเลือกที่ดีกว่าโผล่มาแล้ว พวกเขาค่อย ๆ ย่องไปยังรถยนต์และรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ลอเรน่าสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนตร์ที่ดังขึ้นมานั้นดึงดูดความสนใจจากซอมบี้ทันที
"ไป! รีบไปเร็ว" นทีเร่งลอเรน่าทันทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มที่จะไม่ดี เขาไม่อยากโดนล้อมด้วยซอมบี้สักเท่าไรนัก
"ฉันรู้แล้วล่ะน่า!" ลอเรน่าเปลี่ยนเกียร์เดินหน้าแล้วเหยียบคันเร่งมิด
ปกติแล้วเธอจะไม่ใช่คนที่ขับรถเร็วหรือเหยียบคันเร่งมิดแบบนี้ แต่จากสถานการณ์ที่เจออยู่หากเธอยังขับรถเหมือนในวันปกติสบาย ๆ ของเธอแล้วละก็ เธอรู้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ว่าเธอคงได้ไปนอนสบาย ๆ อยู่บนสวรรค์เช่นกัน
ระหว่างทางที่พวกเขาขับผ่านนั้น ซอมบี้มากมายก็โผล่มาทักทายสายตาพวกเขา พวกมันพยายามวิ่งตามมา แต่ความเร็วที่เห็นนั้นนทีคิดว่ามันเชื่องช้ากว่าคนปกติจริง ๆ หากให้นทีกะคร่าว ๆ ตามค่าสถานะแล้ว นทีก็คงระบุให้พวกมันอยู่ที่ประมาณ 8 - 9 ช้ากว่าคนทั่วไปอยู่นิดหน่อย
นทียังสังเกตเห็นอีกด้วยว่า เมื่อขับพ้นพวกมันไปซักระยะประมาณ 100 เมตร พวกมันก็จะหยุดนิ่งและเลิกตามเช่นเดียวกัน ทำให้นทีสรุปได้ว่า ซอมบี้มีระยะขอบเขตในการไล่ล่า ทำให้เขาโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง เพราะถ้าหากรถของพวกเขาลากซอมบี้ปริมาณมหาศาลมาด้วย มันจะจบลงไม่สวยแน่ ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงยังร้านสะดวกซื้อ นทีก็โล่งใจทันทีเพราะดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครมา แต่ปัญหาคือซอมบี้ที่อยู่ในร้าน จากการสังเกตเขาเห็นซอมบี้มากถึง 5 ตัวในร้านสะดวกซื้อ ในซอมบี้เหล่านั้นเขาสังเกตเห็นคนคุ้นหน้าด้วยเช่นกัน พวกเขาคือเพื่อนรวมงานของนทีที่ทำงานกะดึก นทีรู้สึกหดหู่เมื่อเห็นเช่นนั้น
‘ไม่มีคำว่าปลอดภัยสำหรับคนอ่อนแอ โลกไม่ได้ใจดีกับทุกคน ไม่ว่าจะโลกใบเก่าหรือใบใหม่นี้’
นทีนึกย้อนกลับไปในตอนที่โลกยังไม่เปลี่ยนแปลง เขาคือจุดต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร เขาโดนรังแกจากเพื่อนร่วมชั้น ถูกกดขี่จากเพื่อนร่วมงาน ถูกทอดทิ้งจากครอบครัวและเขาก็ไม่มีพละกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้น
แต่เขารู้ดีว่าหากเขาพยายามมากพอ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ เขาจึงตั้งใจอ่านหนังสือและพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของตัวเอง หากภายภาคหน้าที่เขาเติบโตขึ้น แล้วเขาสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เขาก็จะปกป้องตัวเองและใช้ชีวิตแบบที่ต้องการได้
กับโลกใบใหม่นี้ก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีพละกำลังมากพอก็จะกลายเป็นเพียงซอมบี้ไร้วิญญาณ หากไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นก็จะไม่มีทางมีชีวิตรอดในโลกใบใหม่นี้ เขาโชคดีที่ได้เปลี่ยนเป็นผู้เล่น เขามีความสามารถที่จะอยู่รอดในโลกใบใหม่นี้และเขาก็จะไม่ทำให้มันสูญเปล่า เพราะไม่ว่าจะโลกใบเก่าหรือใบใหม่ เขาก็มีความต้องการที่จะกลายเป็นผู้ที่อยู่จุดที่สูงสุด เพื่อจะได้ไม่ถูกรังแก
และเหตุผลสุดท้ายนั่นก็คือการแก้แค้น จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เก็บความแค้นฝังลึกไว้ในจิตใจ และการแก้แค้นของเขานั้นจะไม่ธรรมดา เขาจะทำให้ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามที่รังแกเขานั้นได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาต้องเผชิญ พวกมันต้องเจ็บปวดกว่าเขาเป็นร้อยเท่า
‘อย่าเพิ่งตายซะก่อนล่ะ พวกแกต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของฉันเท่านั้น’ นทีจินตนาการถึงเหล่าคนที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน
"นที..นายจะเข้าไปในนั้นจริง ๆ เหรอ มีซอมบี้ตั้งห้าตัวเชียวนะ!" เสียงของลอเรน่าปลุกให้นทีหลุดจากภวังค์
ลอเรน่ามองเห็นซอมบี้ในร้านสะดวกซื้อ เธอรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะส่งเสียงดังเพราะกลัวซอมบี้เหล่านั้นจะได้ยินเสียงของเธอ นทีจ้องมองซอมบี้เหล่านั้นอย่างไม่กะพริบตา สมองของเขาเริ่มก่อร่างแผนการ
"มันไม่มีทางเลือก..ถ้าผมไม่เข้าไปก็จะไม่สามารถเอาเสบียงออกมาได้ ผมยังไม่อยากอดตายหรอกนะ คุณรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวผมจัดการเอง" นทีเอ่ยขึ้นแต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนจะเป็นห่วงของลอเรน่า
‘เธอคงกังวลหากเราเป็นอะไร เธอคงกลัวว่าตัวเธอเองก็จะไม่รอดเหมือนกันสินะ’ นทีคิดโดยไม่ได้มีความคิดว่าลอเรน่าจะห่วงเขาจริง ๆ
นทีหันกลับไปมองยังร้านสะดวกซื้อแล้วคิดคำนวณในหัวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ค่ามานาของเขานั้นฟื้นคืนมาเต็มแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะสามารถร่ายทักษะได้เพียงเจ็ดครั้งแล้วมานาก็จะหมดลง ถ้าเขาเกิดโชคดียิงเข้าจุดอ่อนซอมบี้ทุกตัวได้ เขาก็จะใช้ศรน้ำแข็งเพียงแค่ห้าครั้งในการจัดการพวกมัน แต่เขารู้ดีว่าสิ่งนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
ส่วนในกรณีปกติคือเขาต้องใช้ศรน้ำแข็งสองครั้งใส่ซอมบี้ทุกตัว แปลว่าเขาจะกำจัดซอมบี้ได้เพียงสามตัวเท่านั้นแล้วมานาของเขาก็จะหมดลง ยังเหลือซอมบี้อีกสองตัวที่เขาต้องจัดการ เขาเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมขึ้นมาแล้วโฟกัสไปที่ค่าสถานะ
นที รบูลย์กิจวินิตร อายุ 18 ปี
LV2 EXP 200/400 อาชีพ ไม่มี
HP 90/90 MP 30/30
ความแข็งแกร่ง: 7
ความว่องไว : 12
ความฉลาด : 50 [16+34]
พลังวิญญาณ : 6
แรงกาย : 9
แต้มค่าสถานะที่ใช้งานได้คงเหลือ : 5 แต้ม
ในตอนแรกที่นทีคิดไว้นั้นเขาตั้งใจจะอัพค่าแรงกายเพราะเขาคิดว่าการมีพลังชีวิตเยอะนั้นสำคัญที่สุด แต่จากประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมาของเขานั้น เขายังไม่เคยถูกโจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อมองย้อนกลับไป นทีก็ต้องขอบคุณค่าความว่องไวของเขาที่ทำให้เขารอดพ้นเงื้อมมือเหล่าซอมบี้มาได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้แต้มจัดการกับปัญหาตรงหน้าแทน เขากดอัพไปที่ค่าพลังวิญญาณห้าครั้งในทันที
นที รบูลย์กิจวินิตร อายุ 18 ปี
LV 2 EXP 200/400 อาชีพ ไม่มี
HP 90/90 MP 55/55
ความแข็งแกร่ง: 7
ความว่องไว : 12
ความฉลาด : 50 [16+34]
พลังวิญญาณ : 11
แรงกาย : 9
แต้มค่าสถานะที่ใช้งานได้คงเหลือ : 0 แต้ม
เพียงเท่านี้ปัญหามานาในการจัดการซอมบี้ตรงหน้าของนทีก็จะหมดไป เขาสามารถร่ายศรน้ำแข็งได้ถึง 13 ครั้ง หากเขาโชคร้ายโดยไม่สามารถโจมตีจุดอ่อนได้เลย เขาก็เพียงต้องร่ายศรน้ำแข็ง 10 ครั้งเท่านั้น ยังเหลือมานาพอให้ใช้ศรน้ำแข็งอีกครั้ง 3 ครั้งเผื่อเขาพลาดร่ายศรน้ำแข็งไม่โดน
จากนั้นทีหยิบขวดฟื้นฟูมานาสองขวดออกมาจากช่องเก็บไอเท็ม ตอนนี้นทีเหลือพวกมันเพียงสี่ขวดเท่านั้น และเขาเลือกที่จะพกสองขวดไว้ในกระเป๋ากางเกงเผื่อในกรณีฉุกเฉิน
"ผมจะเข้าไปจัดการกับพวกมันแล้วนะ ผมรู้จักที่ทางดีเพราะทำงานที่นี่ คุณรออยู่ที่นี่แล้วคอยดูต้นทางเผื่อมีซอมบี้ตัวอื่นเขามาในร้าน ให้บีบแตรรถ 1 ครั้ง หากซอมบี้ที่ตามเข้ามามีจำนวน 1-3 ตัวแล้วผมจะคิดหาวิธีการจัดการกับพวกมัน แต่หากมากกว่านั้นให้บีบแตรสองครั้ง หากภายใน 15 วินาทีผมยังไม่โผล่มาละก็ คุณทิ้งผมไว้ที่นี่ได้เลย เข้าใจนะ?" นทีร่ายยาวถึงแผนการของเขาให้เธอฟัง ด้วยความที่เขาทำงานอยู่ที่นี่ เขาคิดจะใช้ความได้เปรียบของสถานที่ให้เป็นประโยชน์
"ไม่ ฉันจะไม่ทิ้งนายไป หากมีซอมบี้มากกว่านั้นฉันจะเข้าไปลากนายออกมาเอง เข้าใจมั้ย? ห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด!" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะห่วงใยเขา
แต่นทีคิดว่าเธอแค่กลัวจะเสียผู้ช่วยเหลือคนเดียวของเธอไปต่างหาก นทีอมยิ้มแล้วยื่นมือไปลูบหัวเธอเบา ๆ
"จำได้รึเปล่าว่าก่อนเราจะมาถึงจุดนี้เราตกลงอะไรกันไว้ หากคุณไม่เชื่อใจผมงั้นเราคงต้องหยุดความร่วมมือของเราไว้เพียงเท่านี้ คุณอยากได้แบบนั้นหรือเปล่า?" นทีเตือนสติเธอพลางลูบเส้นผมที่นุ่มราวกับปุยนุ่น เขาไม่คิดเลยว่าเส้นผมของผู้หญิงจะแตกต่างกับผู้ชายได้ขนาดนี้
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว