เมื่อกลับถึงบ้าน ชาตินรงค์อาบน้ำชำระตัวเสร็จชายหนุ่มเดินมานั่งเช็ดผมปลายเตียง เขานึกคิดถึงเรื่องที่เจอเมื่อช่วงบ่าย พอนึกถึงหน้าของหนูน้อยอลิชาเขาก็อดอมยิ้มไม่ได้เพราะความน่ารักของนาง พอเล่นคลุกคลีด้วยทำให้เขารู้สึกดี รู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูกอยากอุ้มแกอยากเล่นกับแกอีก
“เอ...เหรอว่าเราอยากจะมีลูกนะ พอเห็นอลิชาแล้วก็รู้สึกชอบเด็ก” เขาคิดว่าที่เขารู้สึกผูกพันรู้สึกอยากกอดอยากอุ้มเพราะเขาอยากมีลูกแน่ๆ เมื่อความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัว เขารีบสะบัดความคิดในหัวทิ้งทันที เป็นไปไม่ได้ เมียก็ยังไม่ได้หาจะคิดถึงเรื่องการมีลูกได้ยังไง
“เฮ้อ..เป็นเอามากนะเรา” ชาตินรงค์ถอนหายใจยาวๆ หนักใจในความคิด
“ว่าแต่วันนี้แม่ของเราไหนบอกว่ามีเรื่องสำคัญ สรุปแล้วที่ไปวันนี้ไม่เห็นมีเรื่องสำคัญเลยมีแค่ไปบ้านเพื่อน ยังไม่ได้ต่อว่าแม่เรื่องนี้เลยเขาอุตส่าห์ทิ้งงานเพื่อไปเป็นเพื่อน” แต่เมื่อคิดได้ว่าพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าเขาก็รีบลุกไปปิดไฟนอน ไม่อยากให้อะไรมารบกวนความคิดและจิตใจในการนอนของเขา
#หนึ่งสัปดาห์ต่อมา#
“คุณเอมอรคะ มีคนฝากเอกสารมาให้คุณเอมอรค่ะ” คนรับใช้ยื่นซองสีน้ำตาลขนาดเอสี่มาให้เอมอรปิดผนึกอย่างดี เธอรับมาเปิดดูแล้วมองมันอย่างตั้งใจ เธอรอมาหลายวันสุดท้ายก็ได้แล้ว เมื่อเธอตั้งใจอ่านมันทุกบรรทัด เธอก็ต้องตกใจยกมือขึ้นมาทาบอก
“คุณพระ..!! ไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ ชาติชายที่นั่งอยู่แถวนั้นเมื่อเห็นอาการภรรยาที่ทำหน้าตกใจจึงรีบลุกจากเก้าอี้เดินมายังโซฟาที่ภรรยานั่งอยู่ก่อนแล้ว เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“เป็นอะไรเหรอคุณ...มีเรื่องอะไรทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้น” ชาติชายถามภรรยาที่ยังคงทำหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นในมือ เอมอรยื่นเอกสารนั้นให้กับสามี เมื่อชาติชายตั้งใจอ่านเอกสารนั้น เขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าเรื่องที่ภรรยาของเขาสงสัยจะเป็นเรื่องจริง
“นี่มันเรื่องจริงเหรอคุณ...ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้ คุณไปแอบทำมาตอนไหน” เขาถามภรรยาอย่างสงสัยกับเอกสารที่ได้มา
เอมอรมองหน้าชายผู้เป็นสามี แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงคำสั้น ๆ ที่เอ่ยออกมา
“ฉันจะทำยังไงดีคะ ดีใจก็ดีใจอยู่หรอกค่ะที่ดิฉันต้องการเป็นเรื่องจริง แต่ทำไมพวกเขาถึงมีความลับอะไรที่ปกปิดไว้กันแน่ แล้วทำไมตาชาติกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้ คิดแล้วฉันก็ปวดหัวหาที่ไปที่มาไม่เจอเลย”
“เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราทำได้แค่ถามคนของเรา ทำไมเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้ขนาดเป็นเรื่องของเขาแท้ๆ” ชาติชายได้แต่เสนอความคิดให้กับภรรยาฟังเพื่อหาทางออกของปัญหานี้
#บ้านสายสมร#
“อ้าวคุณเอมอรกับคุณชาติชาย สวัสดีค่ะ เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ” สายสมรกล่าวต้อนรับแขกที่มาแบบไม่ทันคาดคิดเมื่อได้ยินเสียงคนกดกริ่งรั้วบ้านจึงออกมาดู
“ขอโทษนะคะที่ดิฉันมาแบบไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้า” เอมอรกล่าวคำขอโทษเจ้าของบ้านที่ปุบปับก็มาเลยทำให้เจ้าของบ้านไม่ทันตั้งตัว ที่เธอมาบ้านสายสมรก็เพราะเธอร้อนรนอยากพบชาดาเร็วๆ เพื่อจะถามอะไรบางอย่างที่เธออยากรู้
“ไม่ทราบว่าหนูชาดาอยู่ไหมคะ ดิฉันอยากคุยกับเธอ คิดถึงไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน” เอมอรยังอ้างเหมือนเคยกับการมาบ้านของสายสมรเป็นครั้งที่สอง
“ชาดาเล่นอยู่กับอลิชาหลังบ้านค่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวดิฉันไปตามแกให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะเกรงใจ เดี๋ยวดิฉันไปหาแกที่หลังบ้านเองดีกว่า แค่นี้ก็เกรงใจแล้วค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณสายสมรมากๆนะคะ ดิฉันขอเวลาคุยกับหนูชาดาสักครู่ค่ะ” เอมอรขออนุญาตเจ้าของบ้านทันทีเมื่อรู้ว่าชาดาอยู่ที่ไหน เธอมีสีหน้าร้อนรนเป็นกังวล ทำให้สายสมรแปลกใจในการกระทำของเธอ
“คุณชาติเดี๋ยวคุณชาตินั่งเล่นกับคุณโรเบิร์ตไปก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันมา” เอมอรบอกผู้เป็นสามีที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ครับ..” เขารู้ว่าภรรยาจะไปคุยอะไร เขาไม่อยากรบกวนการคุยธุระเรื่องสำคัญปล่อยให้เป็นหน้าที่ภรรยาจัดการเอง
เอมอรเดินมายังหลังบ้านเห็นชาดากำลังเล่นอยู่กับอลิชาจึงพูดทักขึ้น
“ชาดาจ้ะ...ป้ามีเรื่องอยากจะคุยกับหนูหน่อยจ๊ะ ขอเวลาป้าสักครู่นะจ๊ะ..”เอมอรเมื่อเธอเดินถึงตัวชาดาเธอก็ไม่รีรอให้เสียเวลายิ่งเธออยากรู้ประวัติความเป็นมา เธอจะมัวเสียเวลาไม่ได้ เธอต้องรีบจัดการมันให้เสร็จ ไม่อยากให้ค้างคาใจ
“สวัสดีค่ะคุณป้า” เธอยิ้มทักทายแล้วยกมือไหว้แขกที่เข้ามาทักเธออย่างอ่อนน้อม แต่เมื่อชาดามองสีหน้าอาการของเอมอรถึงแม้ว่าเอมอรจะยิ้มออกมา แต่การยิ้มของหล่อนทำให้เธอรู้สึกสังหรณ์ใจ เธอแปลกใจปนกับตกใจเพราะอยู่ ๆ เอมอรก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เธอนึกว่ามันจะจบในตอนแรก ที่หล่อนมาที่บ้านตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว และก็หายไปหลายวัน นึกว่าจะโล่งอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่พอวันนี้บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แค่ได้ฟังว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ใบหน้าที่รื่นเริงอยู่กลับซีดลงทันที
เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ รู้สึกปากแห้ง พยายามจะพูดออกมาก็เกิดจะพูดไม่ออก พยายามตะเบ็งเสียงออกมาเบา ๆ เพราะเธอรู้สึกกลัวเรื่องที่จะคุย
“คุณป้ามีอะไรจะพูดกับชาดาเหรอคะ”
“หนูรู้จักตาชาติลูกของป้าใช่ไหม” เอมอรถามประเด็นที่เธอต้องการจะรู้จากปากชาดา เธออยากรู้ความจริงทุกอย่างที่ชาดาพยายามปกปิดมันไว้ และเขาคิดว่าตาชาติก็คงไม่รู้แน่ๆ เพราะไม่มีท่าทีอาการอะไรที่น่าจะมีพิรุธพอที่หล่อนจะจับได้
พอได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากเอมอร ชาดาเกิดมือไม้สั่นมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักดวงตากลมโตเริ่มจะมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้า เธอตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่คิดว่าพวกเขาจะรู้เร็วขนาดนี้ เธอพยายามเลือกปกปิดมันมาตั้งนานสุดท้ายก็หนีไม่พ้น
“หนูมีอะไรขออย่าปิดบังป้าเลยนะจ้ะ ขอให้หนูพูดความจริงกับป้าที ป้าอยากรู้อะไรมากมายที่เกี่ยวกับหนูและตาชาติ” หล่อนเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มีสีหน้าเป็นกังวลและทุกข์ใจ
“คือหนู...เอ่อคือ....” ชาดายังคงอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบดีไหมเธอก้มหน้าลงต่ำน้ำตารินไหลออกจากดวงตาคู่สวย เธออยากปิดมันเป็นความลับ แต่ท่าทางคงจะปกปิดไม่มิดแล้ว ถ้ามาถึงขนาดนี้แล้ว บางเรื่องก็ต้องพูดออกมาบ้าง เผื่อความทุกข์จะโดนปลดปล่อยบ้าง
“ค่ะ...หนูรู้จักคุณชาติมาก่อน” คำพูดที่เปล่งออกมาจากปากพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลเมื่อได้พูดออกมา
เอมอรส่งยิ้มให้กับชาดา เมื่อเธอได้ฟังก็ใจชื้น “หนูกับตาชาติเคยรักกันมาก่อนไหม” เอมอรถามคำถามต่อไปอีก แต่เมื่อเธอถามคำนี้ออกไปแล้วพอมองดูสีหน้าชาดาเธอก็ต้องหุบยิ้ม เพราะสีหน้าเธอขมขื่น เหมือนคนที่อมทุกข์มานาน
“หนู...กับคุณชาติ เราไม่เคยรักกันค่ะ” ชาดากลั้นใจพูดทั้งน้ำตาเมื่อพูดถึงความรักของเธอที่มีต่อชาตินรงค์ฝ่ายเดียว
เอ๊ะ!! เอมอรทำหน้างงและสีหน้าประหลาดใจ เธอครุ่นคิดว่า ถ้าไม่รักกันแล้วอลิชาเกิดมาได้ยังไง อลิชามีสายเลือดตาชาติและเธอทั้งคู่ เด็กน้อยจะเกิดขึ้นได้ยังไงถ้าไม่เคยรักกัน เมื่อเธอได้ฟังจากปากชาดา ทำให้เธอยิ่งสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ วันนี้เธอต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่
“หนูช่วยเล่าเรื่องที่หนูเคยรู้จักกับตาชาติให้ป้าฟังหน่อยสิจ๊ะ ป้าอยากรู้ทุกเรื่องตั้งแต่ต้น” เธอคะยั้นคะยอให้ชาดาเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับหล่อนฟัง จะได้หาทางแก้ไข
ชาดาเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นที่เธอเจอชาตินรงค์ให้กับเอมอรฟัง เธอจะไม่ปกปิดมันยกเว้นเรื่องที่เธอท้องลูกของเขา ชาดาเธอเล่าถึงแค่ได้ทำงานกับชาตินรงค์ที่บริษัทแค่นั้นและบอกหล่อนว่าเธอนั้นรักเขาข้างเดียว
เมื่อเอมอรได้ฟัง เธอรู้ว่าชาดายังเล่าไม่หมด จึงใช้คำพูดสุดท้ายที่ต้องให้ชาดาถึงขั้นสารภาพ
“อลิชาเป็นลูกของตาชาติ ใช่ไหมจ๊ะ” เอมอรถามคำถามจี้จุดชาดา เธอเงยหน้ามามองสบตากับคนถาม ไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องลูกได้ เพราะเรื่องท้องไม่มีใครรู้แน่นอกจากคนในครอบครัว เธอสงสัยเอมอรทำไมถึงถามคำถามนี้ เอมอรไปรู้ข้อมูลมาจากไหนว่าอลิชาเป็นลูกของชาตินรงค์
“คือ..เอ่อ...ทำไมคุณป้าถึงถามเรื่องนี้ล่ะคะ” เธอเปลี่ยนประเด็นทันทันที พยายามบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามนี้
“ป้ารู้ผลการตรวจดีเอ็นเอของอลิชาหมดแล้ว ว่าอลิชาเป็นลูกของตาชาติ แต่ป้าสงสัยว่าอลิชาเกิดมาได้ยังไง ถ้าหนูกับตาชาติไม่เคยรักกัน”
ชาดาไม่คิดว่าเอมอรจะตรวจดีเอ็นเอ จนรู้ว่าอลิชาเป็นลูกของชาตินรงค์ เมื่อโดนซักไซ้ เธอก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความอัดอั้นใจ ที่เรื่องที่ปกปิดและทุกข์ใจของเธอที่เธอพยายามลืม แม้แต่แม่น้าสาวเธอก็ไม่เคยบอกไม่เคยพูดถึงพ่อของอลิชาแต่มาวันนี้ เมื่อเธอโดนถามหนักเข้า ถ้าเธอจะปกปิดไปอีกคงไม่รอดแน่ ไหน ๆ ก็มันเป็นเรื่องอดีตไปแล้วเธอก็พร้อมจะพูดความจริง และอีกอย่างตอนนี้หล่อนก็รู้แล้วว่าอลิชาเป็นหลานสาว
“ค่ะ..อลิชาเป็นลูกของคุณชาติ เมื่อคุณป้ารู้แล้ว หนูขอคุณป้าอย่าเอาลูกหนูไปเลยนะคะลูกของหนู หนูเลี้ยงแกได้ เมื่อคุณป้ารู้แล้ว ขอให้คุณป้าอย่าบอกคุณชาตินะคะว่าอลิชาเป็นลูกเขาถือว่าหนูขอร้อง” เธอทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ เมื่อนึกถึงถ้าเธอจะต้องเสียลูกไป
เอมอรเห็นการกระทำที่ชาดาทำ เธอก็พอจะรู้ว่าชาดานั้นทุกข์ใจแค่ไหน เธอเดินเข้าไปใกล้หล่อนและจับไหล่เธอให้ลุกขึ้น
“เรามาพูดกันดี ๆ ดีไหมจ้ะ ป้าไม่เอาลูกหนูไปหรอก ตอนนี้ป้าเข้าใจความรู้สึกของหนูที่ต้องปกปิดไว้ตั้งนาน ว่าแต่ทำไมเรื่องนี้ตาชาติเขาไม่รู้เรื่องเลย ว่าเขามีลูกกับหนู” เอมอรยังคงยิงคำถามที่เธอก็ยังคงสงสัยและงงหนักมาก
“มันเป็นความผิดพลาดชั่วข้ามคืนค่ะ หนูไม่โทษเขา เพราะเขาไม่รู้”
“หนูช่วยเล่าเรื่องที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดหน่อยได้ไหมทำไมจึงเกิดขึ้นได้”
ชาดาเงยหน้ามองเอมอร ด้วยใบหน้าที่เศร้าโศกมีคราบน้ำตาอาบสองแก้ม
ก่อนจะเล่าถึงเห็นการณ์
“เมื่อ 3 ปีที่แล้ววันนั้นเป็นวันต้อนรับตำแหน่งของชาตินรงค์ เขาเมามากค่ะ หนูเลยไปส่งเขาที่ห้องพัก จากนั้นก็..” เธอหยุดเล่าเหตุการณ์นั้นแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“หนูไม่ได้เรียกร้องอะไรจากคุณชาตินรงค์ให้เขารับผิดชอบนะคะ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นหนูก็ลาออกจากที่ทำงานแล้วก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย แล้วก็ย้ายไปอยู่กับแม่ที่ออสเตรเลีย จนถึงวันนี้ที่ได้กลับมาจนได้มาเจอเขาอีกครั้ง มันอาจจะเป็นความบังเอิญที่ได้รู้ว่าเขาคือลูกชายคุณป้า”
เมื่อเอมอรเธอได้ฟังเธอเกิดสงสารชาดาที่ต้องทนทุกข์คนเดียวมาโดยตลอด เธอเดินเข้าไปกอดชาดาด้วยความเอ็นดู
“หนูไม่ต้องกลัวนะว่าป้าจะไม่ยอมรับหนู แค่หนูเป็นคนดีป้าก็รักหนูแล้ว หนูใส่ใจดูแลอลิชาดีขนาดนี้ป้าก็รักหนูมากแล้วที่ดูแลหลานป้าอย่างดี อย่าร้องไห้เลย ป้าไม่โทษไม่โกรธหนู ป้าดีใจด้วยซ้ำที่ตาชาติมีลูกให้ป้าได้อุ้มสักที ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามเถอะ เรื่องที่ป้าสงสัยวันนี้ ป้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ป้าจะไม่เอาอลิชาไปจากหนูแน่ ป้าสัญญาจ้ะ”
เมื่อชาดาได้ฟังก็อุ่นใจแล้วเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า “ขอบคุณนะคะคุณป้าที่เข้าใจหนู”
“เรื่องนี้ป้าขอคุยกับแม่หนูได้ไหมเรื่องทั้งหมด ป้ากับแม่หนูจะได้พากันคิดว่าจะแก้ไขยังไงดี”
“ค่ะ...แล้วแต่คุณป้า
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว