- จบ - รักนี้... ไม่มีเมนู

ชะเง้อชะแง้แลหา

ไปแล้วครับความวุ่นวายในชีวิตผมมันถือถุงกล่องข้าวเดินยิ้มออกไปจากเป็นที่ร้านเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ผมจะได้มีเวลามาสนใจดูแลลูกค้าคนอื่นสักทีไม่ต้องไปมัวใส่ใจไอ้เสาไฟฟ้านะโม

“นะโมกลับไปแล้วหรอ?” ไอ้โซ่ที่เพิ่งโผล่หน้าออกมาจากครัวถามถึงลูกค้าคนโปรดของมัน

“กลับไปแล้ว พรุ่งนี้มันก็ไม่มาด้วยถ้าไปจ่ายตลาดก็ไม่ต้องซื้อของสดมาเผื่อมันหรอก” ผมตอบกลับอย่างอารมณ์ดีพลางปัดกวาดเช็ดถูกหลังเคาน์เตอร์บาร์ไปด้วย คือตอนเย็นร้านผมจะมีบริการเครื่องดื่มม็อกเทลที่เป็นมิตรกับนักศึกษาเลยต้องมีการทำความสะอาดพื้นที่ให้สะอาดอยู่เสมอ

ลูกค้าจะมีมานั่งทั้งที่บาร์ทั้งนั่งโต๊ะผมที่ส่วนมากจะดูแลอยู่ตรงนี้ทั้งผสมเครื่องดื่มและเก็บเงินเลยต้องเอาใจใส่มันหน่อย แต่ถ้าผมไม่อยู่ใครๆ ก็ดูแลแทนได้เพราะสูตรเครื่องดื่มและวิธีทำอย่างละเอียดผมปริ๊นไว้ให้เด็กในร้านดูกันอยู่แล้วครับ

“น้องมันไม่มาจริงอ่ะ ไม่ห่วงคนแถวนี้จะคิดถึงหรือไงวะ” ไอ้โซ่พูดยิ้มๆ หน้ามันนี่กวนบาทาจนผมอยากจะยกขายันมันสักที

“ใครจะไปคิดถึงไอ้เด็กนั่นวะ พอเลยมึงบอกแล้วว่านะโมมันไม่ใช่สเปคเลย”

“ไม่ใช่สเปคก็ไม่ได้หมายความว่ามึงจะไม่สนใจน้องมันนะ ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่แต่นานๆ ไปแน่ใจได้ยังไงว่าตัวเองจะไม่ใจอ่อน” ไอ้โซ่พูดยิ้มๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปทักทายลูกค้าตามปกติ ผมเองก็ได้แต่มองตามไปทั้งๆ ที่ในหัวยังมีคำถามมากมาย เรื่องของผมกับนะโมมันจะมีทางเป็นไปได้หรือ?

บอกตรงๆ ผมนี่ยังมองไม่เห็นทางเป็นไปได้เลยจริงๆ ผู้ชายตัวควายๆ กับผมที่เป็นผัวมาทั้งชีวิตมันก็ออกจะพิลึกไปหน่อยกระมังครับ


เคร้ง! เพล้ง!

“ไอ้ข้าวหยุด! ไปนั่งเฉยๆ เลยมึง” เสียงโซ่บ่นผมแบบดุๆ เพราะวันนี้ผมทำจานแตกไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามใบ และครั้งนี้เป็นแก้วที่ตัวเองกำลังจะจัดเข้าที่

“กูเก็บเองไม่เป็นไร อุ๊ย ซี๊ดด แม่งเอ๊ย!” ผมสบถเบาๆ เมื่อแก้วที่แตกมันบาดมือเข้าจังๆ ตรงกลางฝ่ามือเลยครับ

“กูบอกแล้วไงว่าอยู่เฉยๆ เจ็บตัวจนได้ไหมล่ะมึง” ไอ้โซ่ผลักผมออกจากกองเศษแก้วแล้วลงมือจัดการกับซากแห่งความหายนะนั้นด้วยตัวมันเอง

“มึงล้างมือแล้วทำแผลก่อนไปวันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้วนั่งหน้าสวยอยู่ที่บาร์นี่แหละให้เด็กมันทำแทน ลูกหว้าวันนี้ดูบาร์แทนพี่ข้าวหน่อยนะ ในครัวพี่ทำเองเดี่ยวกับโจก็ดูลูกค้าไป” โซ่มันหันมาสั่งผมก่อนจะจัดแจงส่งน้องลูกหว้าผู้ช่วยมันมาทำหน้าที่แทนผม ส่วนโจกับเดี่ยวรับคำสั่งเสร็จก็เดินไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งจะลุกออกไป

“กูทำได้นะโซ่เอาหว้ามันกลับไปช่วยในครัวเหอะ” ผมพยายามทำตาอ้อนๆ เพื่อนรักแต่โซ่มันดันหันมาทำหน้าดุใส่แถมยังชี้หน้าผมประมาณว่ามึงอย่ามาหือ

“ใจลอยแบบนี้กูไม่ปล่อยให้มึงทำอะไรแน่ๆ เป็นอะไรวะแค่น้องนะโมไม่มามึงถึงกับจิตหลุดเลยหรอ?”

“ก็เปล่า เออ... กูอยู่เฉยๆ ก็ได้มึงกลับเข้าไปทำอาหารไปโจมันรับออเดอร์มาแล้ว” พอดีกับที่โจจดรายการอาหารจากลูกค้ามาส่งให้โซ่มันเลยหยุดบ่นผมแล้วเดินกลับเข้าครัวไป เรื่องที่ผมใจลอยมันจะเกี่ยวอะไรกับนะโมล่ะโซ่มันมั่วไปเรื่อยจริงๆ


ตลอดบ่ายผมนั่งชะเง้อคอคอยมองไปหน้าร้านโดยที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ากำลังมองหาใคร นักศึกษาหลายคนเดินเข้าออกร้านเป็นว่าเล่น ทั้งมากินข้าวและซื้อข้าวกล่องกลับไปทานผมก็ได้แต่มองตามพวกเขาเดินไปเดินมาจนตัวเองเริ่มที่จะเวียนหัว


“เฮ้ออ!”

ว่าแล้วก็ถอนหายใจรอบที่ร้อยตอนนี้ที่ร้านมันยุ่งแต่มือผมเจ็บจนหยิบจับอะไรๆ ไม่ถนัดตอนแตกก็นึกว่าแก้วมันบาดแค่นิดเดียวพอตอนทำแผลเท่านั้นแหละฝ่ามือขวาของผมถูกบาดเป็นทางยาวตอนแรกมันเจ็บๆ ชาๆ แต่ตอนนี้มันเริ่มจะปวดๆ ขึ้นมาแล้ว

“พี่ข้าวคะคิดเงินโต๊ะสามค่ะ พี่ข้าวค่ะ พี่ข้าว!”

“เฮ้ยหว้าตะโกนทำไมอยู่กันแค่นี้” ผมดุยายลูกหว้าที่อยู่ดีๆ ก็ตะโกนกรอกหูผมขี้หูเต้นระบำกันหมดแล้ว

“หว้าเรียกตั้งนานแต่พี่ข่าวเอาแต่นั่งถอนหายใจลูกค้าโต๊ะสามคิดเงินค่ะ พี่ข้าวไปพักก่อนไหมเดี๋ยวหว้าดูแลเองไปงีบซักตื่นดีกว่านะคะ” ลูกหว้าบอกกับผมก่อนที่เธอจะเอาตัวเองแทรกเข้ามาหน้าเครื่องคิดเงินจัดการคิดราคาตามบิลเสร็จแล้วก็ส่งให้เดี่ยวเอาไปเก็บเงินลูกค้า

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอไปนอนหลังร้านหน่อยนะถ้ามีอะไรก็ไปเรียกพี่ได้” ผมมองตามลูกหว้าที่ทำงานคล่องแคล่วอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินเลี่ยงไปหลังร้านตรงที่ติดกับครัวมีห้องเล็กๆ ที่พวกเราเอาไว้พักผ่อนเวลาเหนื่อยๆ ก็ผลัดกันมาอู้ในห้องเล็กๆ นี้แหละ

ผมนอนคู้ตัวบนโซฟาที่ยาวพอจะเอนหลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยวันนี้ที่เบลอคงเพราะเมื่อคืนที่ร้านปิดดึกมีลูกค้าขอใช้สถานที่จัดงานวันเกิดซึ่งผมกับไอ้โซ่ก็ใจดียอมปิดร้านช้าหน่อยก็ได้เพราะยังไงลูกค้าก็ไม่ได้มาขออะไรแบบนี้กันบ่อยๆ นี่นา

แผลที่มือเริ่มจะปวดหนึบๆ ในหัวผมก็เต้นตุบๆ เหมือนมีอะไรมาบีบรัด จริงๆ แล้วผมมันไม่ค่อยแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร นอนดึกหรืออากาศเปลี่ยนนิดเดียวร่างกายก็พร้อมจะประท้วงของความเป็นธรรมอยู่เรื่อยเลย แต่ผมเป็นผู้ชายไอ้การจะไปงอแงเรียกร้องความสนใจก็ใช่ที่ผมเลยชินกับการอดทนถ้าป่วยมากไปหาหมอรักษากันไปตามอาการ

ถ้าแม่ผมยังอยู่ก็คงจะมีใครให้ผมอ้อนอยู่หรอกแต่ตอนนี้ที่บ้านผมไม่มีแม่แล้วเพราะท่านเสียไปตั้งนานส่วนพ่อก็มีครอบครัวใหม่ ไอ้ผมมันก็แยกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้วเลยเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น

ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตของตัวเองครั้งหนึ่งแม่เคยบอกผมไว้ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมบอกกับแม่ว่าตัวเองมีคนรักเป็นผู้ชาย แม่ไม่โกรธแต่พ่อนี่โคตรจะหัวเสียและก็เอาแต่โทษแม่ว่าเลี้ยงผมยังไงถึงมีจิตใจวิปริตผิดเพศ หลังจากวันนั้นพ่อก็ไม่เหมือนเดิมเริ่มกลับบ้านดึกจนในที่สุดพ่อก็นอกใจแม่ จุดจบของครอบครัวที่เคยอบอุ่นคือท่านทั้งสองคนแยกทางกันพ่อยกผมให้แม่ดูแลเพื่อที่ท่านจะได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ของท่าน

แต่แล้วแม่ก็อยู่ได้อีกไม่นานท่านเสียเพราะป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเงินประกันชีวิตทั้งหมดท่านยกให้ผมและมันจะเป็นของผมทันทีที่บรรลุนิติภาวะ ผมกลับไปอยู่กับพ่ออีกครั้งแต่เราสองคนมันไม่มีทางที่จะเข้ากันได้ ทุกครั้งที่พ่อมองผมสายตาของท่านมันไม่เหมือนพ่อคนเดิมที่สำคัญครอบครัวใหม่ของพ่อไม่ได้ยินดีที่จะมีลูกเมียเก่าผิดเพศอยู่ร่วมชายคา

เวลาร่างกายอ่อนแอผมมักจะฟุ้งซ่านแบบนี้เสมอแต่เมื่อรู้ตัวว่าชักจะควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ผมก็พยายามข่มตานอนหลับเพื่อที่ตื่นมาผมจะได้มีแรงกลายเป็นไอ้ข้าวที่เข้มแข็งเหมือนเดิม...

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว