ข้าหิว-อยากถอนหมั้นก็ต้องไปเอาของหมั้นมาคืนให้ข้า 1

โดย  ธาราพราย

ข้าหิว

อยากถอนหมั้นก็ต้องไปเอาของหมั้นมาคืนให้ข้า 1

“คุณชายกล่าวว่า ขอเพียงพวกท่านยินยอมยกเลิกการหมั้นไม่ว่าพวกท่านต้องการอะไรเป็นสิ่งชดเชย คุณชายก็จะมอบให้ หากต้องการให้ช่วยเหลืออะไรก็จะช่วยเต็มที่ขอรับ”

ปิงเหอผู้นี้เป็นนักเจรจาอย่างแท้จริง พูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้คนฟังไขว้เขวได้

ลู่เอินที่อายุรวมกันสองชาติเกินหกสิบปี จะดูไม่ออกได้อย่างไร เขากำลังบอกให้พวกนางรับข้อเสนอเอาไว้หากต้องการความช่วยเหลือ ขณะที่พูดเขายังมองลู่เหวินบนเตียงด้วย

“ฮูหยินลู่ ท่านไตร่ตรองให้ดีเถิด ตอนนี้คุณหนูลู่เพิ่งสิบสองปี กว่าจะแต่งงานได้ก็ต้องรออย่างน้อยสองปีครึ่ง ไม่ใช่พวกท่านกำลังลำบากมากหรอกหรือ เวลาสองปีครึ่งจะว่าไม่นานก็ไม่นาน จะว่านานก็นานอยู่”

หลี่หลิงฟางขมวดคิ้ว ชายผู้นี้กำลังกดดันพร้อมเตือนพวกนางไปด้วยว่าในเวลาสองปีกว่าที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ พวกนางแน่ใจหรือว่าจะอยู่รอดถึงตอนนั้น

ลู่เอินเม้มปากขมวดคิ้ว นางในตอนนี้ไม่ได้อยากหมั้นสักเท่าไหร่ หากเป็นคนเดิมที่รู้จักแต่กินก็คงใช่ แต่กับคนที่ยังมีความทรงจำของคนอายุห้าสิบในโลกที่แตกต่างกันเช่นนี้ นางเห็นว่าการแต่งงานไม่ใช่ทุกสิ่ง


ในตอนเป็นขวัญใจ นางก็ไม่ได้แต่งงาน ด้วยเห็นว่าการทำงานหาเลี้ยงชีพสำคัญกว่า ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้ามาเลียบเคียงเพียงแต่ขวัญใจไม่สนใจใคร คนที่สนใจถึงขั้นลองคบหาตลอดชีวิตห้าสิบปีมีเพียงสองคน

คนแรกคบกัน พอนานไปก็เผยนิสัยเกียจคร้าน ทำงานนิดหน่อยก็บ่น ทั้งยังชอบดื่มเหล้า มีเงินเท่าไหร่ก็เอาไปลงขวดจนหมด ขวัญใจจึงไม่ทน บอกเลิกราไปง่าย ๆ ส่วนคนที่สองหน้าตาดีพอสมควร ทั้งยังทำงานเก่ง แต่มีนิสัยชอบข่มขู่ มีครั้งหนึ่งทะเลาะกันรุนแรง เขาถึงกับลงไม้ลงมือทุบตีเธอ ขวัญใจต้องวิ่งออกไปขอให้คนช่วย พอเลิกรากันก็ยังถูกข่มขู่อีก ตอนนั้นขวัญใจถึงกับต้องย้ายงานหนี

นับจากนั้นความรักก็ไม่เวียนมาอีกเลย สุดท้ายแม้อายุห้าสิบก็เลยยังอยู่คนเดียว


“เจ้าข่มขู่พวกเราหรือ” ลู่เอินยังคงสวมบทสตรีไม่เอาไหน นางโวยวายขึ้นอีกหน “ถูกพวกเขารังแกแล้วยังต้องถูกพวกเจ้ารังแกอีกหรือ หากข้าไม่ยอมก็จะส่งคนมาระรานข้าใช่ไหม”

ปิงเหอมองคุณหนูผู้อุดมสมบูรณ์ตาปริบ ๆ เหตุใดไม่ว่าเขาจะพูดอะไร นางก็จะคิดว่าตัวเองถูกรังแกเสมอ หรือคนสกุลลู่รังควานนางหนักจริง ๆ

“ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ คุณชายอยากช่วยเหลือคุณหนูจริง ๆ กว่าคุณหนูจะแต่งได้ก็อีกนาน ระหว่างนั้นพวกท่านคงต้องลำบากกันมาก คุณหนูจะทนไหวหรือ จวนโหวใหญ่โตแต่หากไม่ได้รับความโปรดปรานจากคุณชาย คุณหนูแน่ใจหรือว่าจะมีความสุขได้ แต่ถ้าคุณหนูยอมรับเงื่อนไขตอนนี้ นอกจากจะสามารถเรียกเงินชดเชยได้แล้ว ความขุ่นเคืองใจที่เคยได้รับ พวกเราจะจัดการให้” ปิงเหอบอก

“พวกเจ้าจะตีคนให้ข้าหรือ”

ปิงเหอชะงักก่อนรับคำ “ขอรับ ถ้าคุณหนูต้องการ”

“เอินเอ๋อร์อย่าใจร้อน เรื่องนี้ต้องคิดให้ดี ๆ นะ” หลี่หลิงฟางเอ่ยห้ามบุตรสาว

เมื่อไม่นานยังบอกอยู่เลยว่า จะไม่ทำตัวเหมือนเดิมแล้ว นี่คงจะแก้นิสัยไม่ได้ง่าย ๆ สินะ

“ฮูหยินลู่ ท่านต้องนึกถึงอนาคตของคุณชายนะขอรับ หากท่านตกลง ข้าจะเชิญหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาเขา”

หลี่หลิงฟางลังเล นางมองบุตรสาวสลับกับบุตรชายไปมา สามีตายจากแล้ว นางก็ยังท้องอ่อน ๆ วันข้างหน้าย่อมต้องอาศัยอาเหวินเป็นเสาหลัก

“เอินเอ๋อร์...”

“พี่ชายของข้าจะหายใช่หรือไม่ หากรับรองว่าเขาจะไม่พิการ ข้าก็ตกลง” ลู่เอินโพล่งขึ้น

ปิงเหอเผยยิ้มกว้าง เขาพยักหน้ายืนยันหนักแน่น

“แน่นอนขอรับ กระดูกหักที่ขาท่อนล่างไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น หากรักษาดี ๆ ก็จะหายเป็นปกติอย่างแน่นอน ข้ารับประกัน เห็นอย่างนี้ข้าเคยขาหักมาก่อน ตอนนี้ข้าก็เป็นปกติดีไม่ใช่หรือขอรับ”

“จริงหรือ ท่านดูไม่เหมือนคนเคยขาหักมาก่อนเลย” หลี่หลิงฟางมองขาทั้งสองข้างของเขา

ตอนเดินก็ไม่มีตรงไหนผิดปกติ เช่นนั้นขาของอาเหวินก็รักษาได้แล้วสิ

ลู่เอินหรี่ตามองแขกทั้งสองคราหนึ่ง พวกนางยังไม่ได้พูดเลยว่าลู่เหวินขาหัก ขาสองข้างของเขาถูกผ้าคลุมไว้ตลอด แต่กลับพูดได้ไหลลื่น ตรงประเด็นที่ทำให้มารดาของนางหวั่นไหวเสียด้วย

“เอินเอ๋อร์ แม่ว่า...”

“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ เขาอยากถอนหมั้น ข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมีคู่หมั้น ถอน ๆ ไปก็ได้ ขาของพี่ใหญ่สำคัญที่สุด แล้วต้องสั่งสอนคนที่ตีพวกเราด้วย เพียงแต่...” ลู่เอินทำสีหน้าลำบากใจ

“เพียงแต่อะไรหรือขอรับ” ปิงเหอสงสัย

“เพียงแต่ค่าชดเชยต้องมากหน่อย หาคนมารักษาขาของพี่ชายข้าให้เร็วที่สุด แล้วต้องสั่งสอนคนให้ข้าด้วย” ลู่เอินถลึงตาพูดอย่างคับแค้นใจ

ปิงเหอหัวเราะ เขาก็นึกว่าอะไร

“ได้สิขอรับ ในเมืองนี้มีหมอท่านหนึ่งที่เก่งกาจมาก ชื่อหมอโหยว อายุยังไม่มากแต่ฝีมือเอาเรื่อง ข้าจะให้คนไปตามมาเลย ส่วนเรื่องการแก้แค้น ข้ารับรองว่าคนพวกนั้นจะมีสภาพเดียวกับคุณชายแน่ แล้วไม่ต้องกังวลขอรับ จะไม่มีใครรู้ว่าเกี่ยวข้องกับพวกท่านเลย ทุกอย่างจะเป็นความลับที่สุด”

“ดี!” ลู่เอินตบตักตัวเองดังตุบ ไขมันขากระเพื่อมเป็นคลื่น

ปิงเหอมองชั้นไขมันใต้เสื้อผ้าแล้วยิ้มแห้ง ๆ เขามองศีรษะด้านขวาของเด็กสาวที่ปูดบวมทั้งข้าง ทำให้ใบหน้าของนางดูบิดเบี้ยวไม่น่ามอง

“ส่วนเรื่องค่าชดเชยก็ไม่น้อยแน่นอน คุณชายเตรียมไว้แล้ว เป็นตั๋วเงินจำนวนเท่านี้” ปิงเหอกางนิ้วทั้งห้าออก

“ห้าสิบตำลึงทอง?”

ปิงเหอส่ายหน้า “ห้าร้อยตำลึงทองขอรับ”

“...!”

หะ...ห้าร้อยตำลึงทอง!

หลี่หลิงฟางยกมือขึ้นทาบอก ตกตะลึงกับจำนวนเงินที่อีกฝ่ายบอกมา ห้าสิบตำลึงทองนางก็ว่ามากแล้ว นี่ตั้งห้าร้อยตำลึงทอง! กิจการของสกุลลู่รวมกันทั้งหมดยังทำกำไรเพียงสามถึงสี่ร้อยตำลึงทองต่อปีเท่านั้น

การยอมถอนหมั้น อาจเป็นทางออกที่ดีแล้วก็ได้

ลู่เอินกลับหัวเราะในใจ จวนโหวยิ่งใหญ่เพียงนั้น เงินห้าร้อยตำลึงทองเป็นเพียงค่าใช้จ่ายแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น มารดาอาจจะเห็นว่ามากเพราะมันเพียงพอให้ชาวบ้านมีกินมีใช้ไปทั้งชาติ แต่หากนางได้แต่งกับคุณชายจวนโหว นางต้องได้มากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า

แต่เอาเถอะ คนเขาไม่ต้องการ แทนที่เราจะฝืนดื้อดึง มิสู้รับผลประโยชน์ตรงนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า

...........................................................

ค่าเงินในเรื่อง

1000 อีแปะ = 1 ตำลึงเงิน

10 ตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง

1000 ตำลึงทอง = 1 หยกขาว

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว