เรื่องเสียวสั้นตัวเอกหญิง-หัวหน้าสาวคาวกามา - ต้องใส่หน้ากากประเคนร่างให้ลูกน้อง - 7

โดย  Pasunna Zacrifa

เรื่องเสียวสั้นตัวเอกหญิง

หัวหน้าสาวคาวกามา - ต้องใส่หน้ากากประเคนร่างให้ลูกน้อง - 7

บทที่ 1088 พบสมบัติลับในร่างกายอีกครั้ง!


“ถือโอกาสนี้ ขุดดูสมบัติศักดิ์สิทธิ์ใหม่เลยก็แล้วกัน!”


หลังผ่านกระบวนการเมื่อครู่ ฉู่โม่วตระหนักได้ถึงความรู้สึกสมบูรณ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขารีบเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปสำรวจดูสมบัติต่าง ๆ ที่ได้รับมาใหม่


เพียงแค่เข้ามาในทะเลจิตสำนึก


ฉู่โม่วก็กระตุ้นกระบวนท่าเทพเจ้าเร้นลับจนเกิดแรงดูดที่น่ากลัวกระจายไปทั่วทั้งร่าง แล้วเริ่มลุกลามออกไปด้านนอก จนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า


คลื่นที่รุนแรงระเบิดออกมาภายในจักรวาล ดวงดาวมากมายถูกพัดพาออกไปจนหลุดวงโคจรราวกับพร้อมจะร่วงหล่นตลอดเวลา มันทำให้ประกายแสงสีเงินมากมายบนท้องนภาเปลี่ยนตำแหน่ง อณูแห่งชีวิตมหาศาลเสมือนแม่น้ำนับร้อยที่กลายเป็นทะเล ก่อเกิดเป็นคลื่นใหญ่แล้วซัดโถมกลับมายังฉู่โม่ว


ในตอนท้ายมันก็หลั่งลงมาจากหัวจนกระทั่งซึมเข้าไปในร่าง


ซู่ม…


พลังอณูแห่งชีวิตที่ยิ่งใหญ่นี้มันใหญ่เกินกว่าจะก่อตัวเป็นรูปร่างได้ มันค่อย ๆ รวมเข้าด้วยกันเสมือนกลุ่มทรายที่อยู่ในแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวหรือห้วงมิติว่างเปล่าจะต้องสั่นสะเทือนเมื่อพลังชีวิตเหล่านี้ไหลผ่าน


แสงสว่างของดวงตะวันส่องประกาย ก่อเกิดเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์เติมเต็มในห้วงอากาศ


พลังแห่งกฎเกณฑ์หลั่งไหลผนวกเข้าด้วยกันเป็นดวงแสงระยิบระยับ


บนฟากฟ้ามีเสียงพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่แว่วให้พอได้ยิน ราวกับว่าพลังแห่งกฎเกณฑ์รับรู้ถึงตัวตนที่ยิ่งใหญ่และกำลังสรรค์สร้างนิมิตขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลอง


ท่ามกลางภาพนิมิตอันงดงามเช่นนี้ ทั่วทั้งร่างของฉู่โม่วบังเกิดเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยกายเนื้อที่ใสเหมือนผลึกแก้ว พลังงานแผ่ซ่านออกมาจากทุกรูขุมขน แสงสว่างมากมายส่องสะท้อนจนทั่วทั้งจักรวาล สะท้อนแสงไปมาราวกับแก้วโปร่งแสง


ตามมากับกระบวนการนี้ มันคือกลิ่นอายที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่กระจายไปทั่ว ปกคลุมทั่วทั้งโลก ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามไม่ธรรมดา


ท่ามกลางแสงพร่างพราย มันเหมือนกับว่าเทพเจ้าที่แท้จริงลงมาจุติอีกครั้ง ทำให้ทุกชีวิตสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวอันยากจะอธิบาย


“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”


ไม่เว้นแม้แต่นายน้อยเผ่าอสูรและผู้ปลุกพลังที่เหลือต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันอหังการ์กระจายปกคลุมพวกเขาทั้งหมด มันทำให้หวาดกลัว และสติวูบไหว และร่างกายสั่นสะท้านราวกับว่าพวกเขาได้มองเห็นวันสิ้นโลกกันแล้ว


“กลิ่นอายนี้… ดูเหมือนจะมาจากผู้ปลุกพลังคนนั้น!”


“จะต้องมีอะไรบางอย่างอุบัติขึ้นในร่างของเขาแน่ ๆ!”


“น่ากลัวยิ่งนัก ข้ารู้สึกได้เลยว่ากำลังถูกกดดัน แรงกดดันระดับที่สามารถสังหารพวกเราได้แม้จะเป็นเพียงความคิด!”


“เขายังเป็นเพียงจักรพรรดิเทวะยุทธ์จริง ๆ งั้นเหรอ? ขนาดความน่าเกรงขามของมหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์ยังไม่ระดับนี้เลยนะ!”


พวกเขากำลังพูดคุยกัน ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นตระหนกกันหมด


ยังไงเสีย… ความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามที่ฉู่โม่วแสดงออกมา ณ ตอนนี้นั้น มันก็อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว


ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่เกรงกลัวสิ่งที่พวกตนรู้จัก ส่วนมากแล้วพวกเขาจะกลัวในสิ่งที่ลึกลับหรือยังไม่รู้จักดีกันทั้งนั้น


ในสายตาของพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉู่โม่ว ณ ตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของสิ่งลี้ลับและไม่รู้จัก


“เจ้านั่นกำลังให้กำเนิดพลังวิเศษบางอย่างอยู่… ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กนี่จะต้องได้รับยาหลอมสวรรค์ มาแล้วกินไปแล้วแน่ ๆ เพราะงั้นถึงได้สามารถปลุกพลังวิเศษภายในแบบนี้ได้!”


เทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว ถึงแม้ว่านายน้อยเผ่าอสูรจะวิตกกังวล แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัว กลับกันกลับรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากอยู่ภายในใจด้วย


เขารู้ดีว่า ฉู่โม่วจะต้องได้ยาหลอมสวรรค์ไปแล้วแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นปรากฏการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้นมาหรอก


“บัดซบเอ๊ย!”


“บังอาจมากที่มาฉกชิงยาวิเศษไปจากฉันไม่พอ ยังมากลืนกินยาวิเศษต่อหน้าฉันอีก! เจ้ามันสมควรตายจริง ๆ!”


น้ำตาหลั่งไหลออกมา


หัวใจของนายน้อยเผ่าอสูรผู้นี้แทบจะแตกสลายเมื่อเห็นร่างกายของฉู่โม่วแสดงอภินิหาร ณ ขณะนี้ ความอิจฉาเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิม ในความคิดของนายน้อย ยาหลอมสวรรค์นั้นควรจะต้องตกเป็นของเขา! และสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉู่โม่ว ก็ควรเกิดขึ้นกับเขาต่างหาก!


แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับถูกฉกชิงไปโดยคนนอกที่มาจากไหนไม่รู้!


‘ตอนนี้ฉันจะปล่อยให้แกได้ดีใจไปก่อน แต่หลังออกจากบันไดนี่ไปแล้ว นายน้อยเผ่าอสูรผู้นี้จะสังหารแกอย่างแน่นอน และจะดึงเอาวิญญาณของแกออกมา แล้วขังไว้ในคุกโลหิตให้ทรมานซะ!’


เขาจ้องมองฉู่โม่วด้วยแววตาแดงก่ำ พร้อมกันนั้นก็เปล่งเสียงคำรามอย่างเคียดแค้นออกมา



ฉู่โม่วไม่ได้สนใจความอิจฉาของนายน้อยเผ่าอสูรเลย


ณ ตอนนั้น เขากำลังง่วนอยู่กับการดูดกลืนพลังชีวิตและพลังแห่งกฎเกณฑ์จากด้านนอกอยู่


ต้องพูดเลยว่า ชื่อสถานที่อย่างหุบเหวศักดิ์สิทธิ์นั้น มีสภาพแวดล้อมที่สมกับชื่อหุบเหวศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ


ไม่เพียงแต่จะมีสมบัติล้ำค่าในทุกห้าร้อยขั้น แต่ยังมีพลังอณูแห่งชีวิตและพลังแห่งกฎเกณฑ์หนาแน่นอีกด้วย แม้จะดูเหมือนว่าที่นี่ไม่มีพลังชีวิตให้ดูดกลืนมากนัก ทว่าเมื่อได้ลองกลืนกินดู ฉู่โม่วก็พบว่ามันมีพลังชีวิตอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะดูดกลืนไปมากขนาดไหน มันก็ยังคงมั่นคง ราวกับมีพลังชีวิตถูกสร้างใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ


ในช่วงเวลาอันสั้น เขาก็ดูดกลืนพลังชีวิตไปเป็นจำนวนมากแล้ว


และด้วยสิ่งนี้เอง มันก็ทำให้ผลดีเกิดขึ้นกับตัวฉู่โม่วในระดับสูงสุด


ครั้นมองไปในร่างของตนเอง


เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าทั้งพันธุกรรมและเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างต่างก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง มันกลืนกินพลังที่หลั่งไหลเข้ามา จัดสรรแบ่งส่วนให้เรียบร้อยแล้ววนกลับไปทำใหม่ วนไปเรื่อย ๆ เช่นนี้จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป


สสารเล็ก ๆ ในทุกกระเบียดนิ้วทั้งกล้ามเนื้อและหลอดเลือดเกิดการสั่นไหวขึ้น


ตอนนี้ภายในกล้ามเนื้อและเลือดของฉู่โม่ว มันมีสสารเล็ก ๆ เหล่านี้มากกว่าแปดหมื่นสี่พันตัวอีกล่ะมั้ง?


พวกมันสั่นสะเทือนและดูดกลืนพลังงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง


เวลาผ่านไปช้า ๆ ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว สิ่งเดียวที่ฉู่โม่วรู้ในตอนนี้ก็คือ ภายในร่างกายของเขา มันเหมือนมีเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ กำลังเติบโตขึ้นมาอยู่ ถึงแม้ว่าตอนแรกมันจะยังคงมองเห็นได้ยาก แต่ตลอดเวลาที่พลังงานไหลเวียนในร่าง มันก็เหมือนเขาได้ให้อาหารเมล็ดพันธุ์นี้ตลอด ดังนั้นตัวเมล็ดจึงค่อย ๆ เติบโตจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว


สิ่งนี้คือเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์!


ฉู่โม่วฝึกฝนกระบวนท่าเทพเจ้าเร้นลับและพบพลังวิเศษมากมายจากมัน เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับกระบวนการนี้ และรู้ดีว่าขณะที่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์กำลังงอกเงย นั่นหมายความว่าพลังวิเศษชิ้นใหม่กำลังก่อกำเนิดขึ้น


ขั้นต่อไปก็คือรอให้กระบวนการนี้เสร็จสิ้น และเมื่อนั้นเขาก็จะกลายเป็นผู้ครอบครองพลังวิเศษต่อจากนี้อย่างแท้จริง


เพราะงั้น หลังจากที่เขามาถึงจุดนี้ได้ ฉู่โม่วก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และหันไปดูดกลืนพลังชีวิตพร้อมกันนั้นก็เริ่มให้ความสนใจโลกด้านนอกและไต่ขึ้นชั้นหินไปด้วย


ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวัตถุประสงค์


แต่ขั้นหินตอนนี้กลับไม่ได้สร้างแรงกดดันให้ชายหนุ่มมากนัก เขาจึงสามารถเดินทางไปด้านหน้าต่อได้


เขาก้าวไปข้างหน้าโดยที่เอามือไขว้หลังไว้ ทุกย่างก้าวแม้จะเชื่องช้าแต่ก็มั่นคงผ่านขั้นบันได


และในยามที่ได้เดินทางต่อ พลังอณูแห่งชีวิตอันยิ่งใหญ่ก็เข้ามารวมตัวกัน โถมเข้าใส่ร่างของเขาเสมือนมังกรตัวยาวเพื่อเติมเต็มเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์


ขณะที่เวลาหมุนไป เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ


ไม่นานนัก


ฉู่โม่วก็มาถึงชั้นที่สองพันห้าร้อย เป็นที่เรียบร้อย สมบัติที่เขาได้รับเป็นยุทธภัณธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสภาพสมบูรณ์ ในรูปแบบของกระบี่ที่ทำขึ้นจากวัสดุล้ำค่า ชายหนุ่มพึงพอใจมากขณะเก็บมันลงไปในมิติพกพา หากมีเวลาว่าง เขาค่อยมาเชยชมกระบี่เล่มนี้และเติมเต็มแก่นแท้ลงไปในกระบี่นภาแดงอีกทีหนึ่ง


สมบัติชิ้นที่สองก็ยังคงเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ดังที่คาดการณ์ไว้ มันมีรูปร่างเหมือนร่ม เมื่อกางออก จะมีลักษณะเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มอบร่มเงาให้พักพิง


สิ่งนี้สามารถเป็นเกราะป้องกันพลังได้ รวมถึงวิชาลับจำพวกลำแสงก็เอาอยู่ ต่อให้อีกฝ่ายจะทรงพลังมาก ๆ ก็ไม่อาจจะทะลุผ่านเงาร่มนี้ได้อยู่ดี ดังนั้นแล้วจะไม่มีพลังใดที่สามารถทำร้ายผู้ควบคุมร่มนี้ได้อีก


เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอาวุธที่มีพลังป้องกันน่าตื่นตาทีเดียว


ในส่วนของชิ้นที่สามฉู่โม่วค่อนข้างประหลาดใจ ไม่สิ… มากกว่านั้น เขาตกตะลึงมาก ๆ


มันเป็น ผลึกแก้วผันผวน!


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว