Cinderellaman and the beast(Yaoi)-ตอนที่ ๑๔--๑๐๐/๑๐๐

โดย  ไรท์เตอร์หนูนา

Cinderellaman and the beast(Yaoi)

ตอนที่ ๑๔--๑๐๐/๑๐๐


ตอนที่ ๑๒

“เขินอะไรเหรอ...”

เพราะคำถามนี้ทำให้เชษฐ์ไชยนิ่งไปพักหนึ่ง สบนัยน์ตาใสของเด็กเบื้องหน้าเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร แล้วหลุบมองมือขาวที่เอื้อมมาบีบปลายจมูกเขา ไม่รุนแรง ดูแล้วเหมือนวิริยะอยากจะหยอกล้อเขามากกว่า ชายหนุ่มจึงกุมจับข้อมือของเด็กตรงหน้า กระตุกให้ขยับเข้ามาชิดใกล้กว่าเก่า คิดว่าอยากจะแกล้งวิริยะคืนบ้าง

คนถูกกระทำเบิกตาตกใจ “อะ อาเชษฐ์...”

“ว่ายังไง”

ระยะที่ถูกดึงเข้าไปทำให้ความห่างของทั้งสองร่นน้อยลง น้อยลงชนิดที่ว่าวิริยะตกใจในความชัดเจนระยะรูขุมขนของตากอริลล่า บวกกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่

เชษฐ์ไชยยกริมฝีปากยิ้ม สบนัยน์ตาของเด็กหนุ่มอย่างรู้ทัน

“มองอย่างนี้บอกมาตรง ๆ ก็ได้ว่าฉันหล่อ”

คนฟังยู่หน้า “หลงตัวเอง”

“ก็สายตาเธอมันฟ้อง”

“เฮอะ!” วิริยะหัวเราะทำหน้าระอา “ปล่อยมือผมเลย”

“ไม่ปล่อย” กล่าวจบสายตาคมของเชษฐ์ไชยมองไปยังพี่เสือที่อยู่ด้านหลัง ราวกับว่าเป็นการประกาศศึกกลาย ๆ ว่าจะไม่ยอมยกให้เด็กหนุ่มแต่โดยง่าย เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ววิริยะพยักหน้าพอเข้าใจ ซึ่งอีกฝ่ายเองดูเหมือนจะเข้าใจเหมือนกัน และรับรู้ว่าเด็กหนุ่มคงยอมคืนพี่เสือให้ จึงยอมคลายมือในท้ายที่สุด

เด็กหนุ่มลอบยิ้ม เชษฐ์ไชยไม่รู้อะไรเลย เรื่องรบก็ควรมีแผน ไม่อย่างนั้นจะชนะศึกได้ยังไง

ระหว่างทั้งสองเงียบไปสักพัก นั่งตัวตรงไม่ไหวติง มีเพียงสายตาที่จับจ้องกันและกันราวคาวบอยกำลังดวลปืน กระทั่งถึงเวลาเหมาะสม วิริยะกระโจนไปด้านหลังเพื่อหวังชิงความได้เปรียบ แต่คนหน้าโหดตรงหน้าก็ไม่โง่ ใช้ความยาวของลำตัวกระโดดมาตะครุบตัววิริยะไว้ได้

“อ๊ากกกก ปล่อยนะอาเชษฐ์ พี่เสือเป็นของผม”

“พูดหมา ๆ ได้ไง นี่มันของฉัน!” เชษฐ์ไชยคว้ามือจะแย่งแมวในอ้อมกอดวิริยะ ในขณะที่เด็กหนุ่มกอดพี่เสือกลิ้งหลุน ๆ บนพื้นหนี ซึ่งก็ยากมากเหลือเกินเมื่อถูกตัวใหญ่ยักษ์ของคนอายุมากกว่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงไล่ตาม

“เอามา!”

“ไม่ให้ พี่เสืออย่าไปนะ!” วิริยะดิ้นหลบตัวโต ๆ ด้านบน จะลุกหนีก็ถูกดึงกางเกงจนร่นแทบจะหลุดตูด เด็กหนุ่มยอมปล่อยพี่เสือไว้บนพื้นเพื่อปกป้องกางเกงนอนของตัวเองก่อน แล้วขยับเป็นฝ่ายขึ้นนั่งทับตัวใหญ่เท่าหมีควายของชายเบื้องหน้า ขยับจับลำแขนยาวทั้งสองข้างขึงกับพื้นในท่าพิสดาร แล้วก้มลงกัดแก้มของเชษฐ์ไชยไปเต็มแรง

“อ๊ากกกกก ไอ้เด็กบ้า!” เชษฐ์ไชยดิ้น

เมื่อหลุดจากแรงอันน้อยนิดเบื้องหน้าก็เช็ดน้ำลายที่เปื้อนเยิ้มบนแก้มออก ตั้งใจจะหันไปคว้าแมวของตัวเองอุ้มหนีกลับบ้าน แต่วิริยะไวกว่า ลุกไปอุ้มพี่เสือไว้ได้ ชายหนุ่มกระตุกดึงขายาวของหมาตัวน้อยที่เพิ่งกัดเขา ลากให้กระเถิบมาหา เห็นหน้ายู่ยับนั้นแล้วกึ่งมันเขี้ยวกึ่งโมโห ฝังเขี้ยวลงบนก้นวิริยะจนเด็กหนุ่มร้องว๊าก

วินาทีชลมุนอลหม่านยังไม่ยอมจบแต่โดยง่าย วิริยะหน้างอและโกรธเพราะความเจ็บ ยอมให้เชษฐ์ไชยได้อุ้มพี่เสือไปก่อนแล้วตลบหลังอีกที รู้อยู่แน่ว่าคราวนี้อีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยพี่เสือออกจากมือ เด็กหนุ่มคว้าคอยาวของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ งับกัดอย่างเอาแต่ใจจนเชษฐ์ไชยดิ้นพล่าน “โอ๊ยยยย ยอมแล้ว ยอม!”

วิริยะสะบัดหน้าไปมาราวเป็นหมาบ้า ไม่ยอมปล่อย พลอยให้มือหนาที่อุ้มพี่เสือผละมากุมจับไหล่เด็กหนุ่ม “วิว! ยอมแล้ว ยอม ๆ ๆ ๆ!”

ทั้งสองหอบแฮ่กเพราะใช้กำลังกันเมื่อครู่ ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมทำตามในสิ่งที่เชษฐ์ไชยขอ เขากัดคนตรงหน้านานเท่าไรไม่รู้ ที่รู้ ๆ คือเป็นรอยชัดและน้ำลายไหลอาบจนถึงเสื้อสีขาวที่สวม ถึงอย่างนั้นเชษฐ์ไชยก็ยกมือกุมบริเวณที่ถูกกัดของตัวเองเมื่อครู่ ทำหน้างอแงราวกับเด็กห้าขวบทั้งหอบหายใจกันไปด้วย “เจ็บฉิบหาย!”

เด็กหนุ่มรีบไปยกพี่เสือมาอุ้มทันที มองรอยแผลและสีหน้าของเชษฐ์ไชย เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ

“แล้วนี่อะไร…” เชษฐ์ไชยยกมือที่เยิ้มด้วยน้ำลายมาดู ทำหน้าหยี “กูจะเป็นหมาบ้าไหมวะเนี่ย”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ทีอาเชษฐ์ยังกัดตูดผมเลย” วิริยะหลุบหน้าลงมองพื้น

“ก็ใครมันเริ่มก่อนล่ะ” เอาจริง ๆ พอนึกถึงเขาก็รู้สึกอายเหมือนกันที่ทำแบบนั้น

“แต่อาเชษฐ์พูดแล้วนะ ห้ามมาทวงพี่เสือคืนอีก พี่เสือเป็นของผมแล้ว” เด็กหนุ่มทำเสียงอ่อนลงแล้วลูบของบนตักราวหวงแหนสมอยาก ทำให้คนหงุดหงิดที่ถูกเล่นงานคลายความรู้สึกลงไป เมื่อเห็นว่าวิริยะอยากให้มันอยู่ด้วยจริง ๆ

แล้วดูทำหน้าเข้า ทำอย่างกับถูกเขารังแก ทั้งที่ฝ่ายเชษฐ์ไชยต่างหากที่ถูกกระทำ

ชายหนุ่มทอดถอนใจอย่างเสียไม่ได้ “เออ...” น่าแปลกที่เขาไม่ถือสาการกระทำบ้า ๆ ของวิริยะสักนิด “ยังไงก็ต้องกลับไปอยู่แล้ว ค่อยมาทวงวันนั้นก็ได้”

เด็กหนุ่มดีใจ เงยมาคลี่ยิ้มให้ “ขอเอาไปด้วยเล...”

“ไม่ให้โว้ย” สิ้นคำ วิริยะก็หัวเราะน้อย ๆ

เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติแล้ว ทั้งสองไม่มีเรื่องคุย วิริยะจึงตัดสินใจบอกว่าถึงเวลานอนแล้ว เชษฐ์ไชยก็เดินหน้างอกุมคอออกไปโดยไม่พูดไม่จา ส่วนเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นลูบก้นตัวเองเดินไปปิดไฟนอน จะลุกจะนั่งก็ระบมก้น แต่ถึงอย่างนั้นยังคงยิ้ม เมื่อพี่เสือขยับเข้ามาซุกมอบความอบอุ่นอยู่ข้างกายและทำให้รู้สึกวางใจ

แม้บางทีจะมีภาพใบหน้าสะอาดสะอ้านของใครสักคนในระยะใกล้ชิดผุดขึ้นมา โดยที่เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าทำไม

ดูเหมือนวิริยะจะไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกแล้ว ตั้งแต่มีพี่เสือเขาก็ตื่นตรงเวลามาโดยตลอด หนำซ้ำเด็กหนุ่มนอนหลับสบายเต็มอิ่มเพราะความวางใจอีกด้วย ซึ่งหลังจากตื่นก็เป็นแบบเดิมทุกครั้ง อาบน้ำแต่งตัว ออกไปช่วยงานที่โรงครัว เมื่อถึงสวนผักแล้วไม่รู้เป็นเพราะอะไร ตากลมเหลือบมองขึ้นไปยังบ้านหลังใหญ่อีกฝั่งอย่างไม่รู้ตัว เห็นเชษฐ์ไชยตื่นแล้ว กำลังดื่มกาแฟอยู่หน้าบ้าน

อีกฝ่ายแปะพลาสเตอร์หรืออะไรมิทราบไว้บนหน้าและลำคอ ทำให้วิริยะเริ่มรู้สึกผิดที่เผลอเล่นแรงไปหน่อย

วันนี้ทั้งวันดูเหมือนทุกคนจะสนใจเรื่องของเชษฐ์ไชยเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้เห็นเจ้านายแบบนี้นานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยถูกเมียทิ้งใหม่ ๆ เชษฐ์ไชยก็ปล่อยตัวทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรืออันที่จริงก็ตั้งใจทำแบบนี้ เพราะยังคงฝังใจกับการถูกทิ้งอยู่ จริง ๆ แล้วไม่มีใครรู้ว่าเชษฐ์ไชยคิดอย่างไร ก็เพียงแค่เดาไปในทางเดียวกันเท่านั้นว่าเจ้านายไม่อาจหาเมียใหม่ได้ในเร็ววันนี้ เพราะเจ็บจากคนเก่าที่ทุ่มเทมาเยอะ

อันที่จริงเรื่องราวของเชษฐ์ไชยนั้น จะว่าน่าสงสารก็ใช่ จะว่าสมควรก็ถูก ใครใช้ให้รักให้หลงจนไม่ลืมหูลืมตากันเล่า

แต่วิริยะก็คงได้แค่คิด อย่างไรเสียเด็กหนุ่มก็เป็นคนอื่น

ทั้งวันเชษฐ์ไชยไม่ได้มาปรากฏตัวให้เห็นอย่างเช่นทุกครั้ง จะมีก็แต่ลุงแสวงที่ยกเครื่องดื่มชูกำลังและเกลือแร่มาให้แทน เจ้านายจะมาก็ต่อเมื่อเลิกงานและจ่ายเงินค่าแรง พลอยให้คนงานสาวน้อยสาวใหญ่กระดี๊กระด๊ากับภาพลักษณ์ใหม่กัน

หลังเลิกงานเด็กหนุ่มก็เดินตามกลุ่มพี่ ๆ ผ่านเชษฐ์ไชย จะกลับไปที่หอกันเลย

“เฮ้ย! วันนี้อากาศฮ้อน ผู้ใด๋สิไปอาบน้ำที่น้ำตกกับกูแน ขี้คร้านถ่าโดน” ดำถามขึ้น

“เออ พวกกูไป”

“ไป ไปกันหมดนี่แหละ” หมอกเสริมด้วย

ดำจึงหันมากอดคอวิริยะ “วิวไปนำอ้ายบ่”

“ไปพี่ ผมก็ขี้เกียจรอคิวเหมือนกัน” เด็กหนุ่มตอบทันที เมื่อได้ฟังดำก็พยักหน้าเออออรู้กันตามประสาพี่น้องคู่ซี้ แต่เมื่อพี่ชายตัวใหญ่ผละสายตาไปทิศใดทิศหนึ่งเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น สีหน้าแรด ๆ ก็เปลี่ยนมาจริงจัง รอยยิ้มหายไปแล้วหันมาพูดกับเด็กหนุ่มอีกที “เออ อ้ายว่าวิวอาบอยู่นี่ดีกั่ว”

เด็กหนุ่มละรอยยิ้ม “ทำไมล่ะ ผมอยากไปด้วย”

“รถเฮาบ่พอนั่ง”

“ไม่พอห่าอะไรไอ้ดำ พอ!” ไทร้องเถียง วิริยะรีบพยักหน้าบอกว่าจริง

หนุ่มอีสานอึกอัก เหมือนคนมีความผิดแต่ไม่ยอมพูด “แต่หมู่อ้ายอาบโดนโพด ย่านวิวถ่า”

“ไม่เป็นไร ผมรอได้” เด็กหนุ่มยิ้มแป้นให้อีกครั้งเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ดำกังวลนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชายผิวคล้ำก็ยิ้มแห้ง ๆ แล้วผละสายตาไปอีกทิศอย่างมีพิรุธ วิริยะละรอยยิ้มสงสัย หันไปด้านหลังตนเองตามสายตาของดำ เห็นเชษฐ์ไชยยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ แล้วเด็กหนุ่มจึงยกมือเกาหัวไม่เข้าใจ ถึงดำจะไม่อยากให้เขาไปด้วย แต่มันก็คงไม่เกี่ยวกับเชษฐ์ไชยหรอกระมัง

วิริยะรั้นจะตามพวกพี่ ๆ ไป เพราะมีดำคนเดียวที่ทำท่าแปลก ๆ

อันที่จริงหลายครั้งแล้วที่ดำไม่กล้าเข้าใกล้เด็กหนุ่มและทำทีเหมือนเกรงใจใคร วิริยะเกิดไม่เข้าใจตั้งแต่พี่ชายต่างจังหวัดเดินมาถามเขาว่าไปทำอะไรให้เชษฐ์ไชยโกรธมาก่อนรึเปล่า เด็กหนุ่มตอบไปเพียงว่าไม่ และย้อนถามไปว่าทำไม ดำจึงยิ้มแล้วบอกว่าไม่มีอะไร ซึ่งตั้งแต่วันนั้นเด็กหนุ่มก็ลืมมันไปแล้ว

หลังถูสบู่สระผมเสร็จก็คือเวลาสนุก ภาพพี่ชายทั้งเจ็ดสนุกสนานกับการเล่นน้ำเป็นสิ่งที่วิริยะเห็นจนชินตา เด็กหนุ่มเหลือบมองไปยังทิศที่เคยมาแอบดู ทั้งของกลุ่มนี้ และเชษฐ์ไชย แล้วยกยิ้มขึ้นอย่างนึกตลก สุดท้ายตัวเองก็มาเป็นเป้าสายตาอยู่ที่นี่เสียเอง ไม่รู้ว่ากลุ่มพวกส้มจะแอบมากันรึเปล่า แต่คิดถึงช่วงมาถึงที่นี่ทีไรก็ตลก

ส่วนมากทั้งหมดจะสวมเพียงบ็อกเซอร์ ที่น่ามองก็คงจะเป็นหุ่นที่ดูดีกันทั้งนั้น ยิ่งยามเปียกน้ำจนผิวมันระยับสะท้อนแสง หุ่นยิ่งดีไปกันใหญ่ เห็นแล้วเด็กหนุ่มก็รู้สึกอิจฉา ทำได้เพียงแช่ แอบหุ่นตัวเองใต้น้ำมองรุ่นพี่กระโดดตูมทีละคนด้วยรอยยิ้ม แต่สนุกกันได้ครู่เดียวก็มีแขกไม่ได้รับเชิญ ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“เฮ้ย นายเชษฐ์มา…” หมอกพูดเสียงเบา แต่อยู่ไม่ห่างจากเด็กหนุ่มนัก เพื่อนที่สามารถได้ยินจึงหันไป เห็นคนตัวใหญ่เดินถือเป้สัมภาระเดินตามโขดหินเข้ามา

“ฉิบหายแล้ว วันนี้วันเสาร์เหรอวะ”

“ไม่ใช่ วันนี้เพิ่งจะวันพุธ นายเชษฐ์ลืมอะไรหลายวันแท้วะ” หมอกบอก และเมื่อเห็นเต็มตาว่าใครมา ลิง ๆ ทั้งหลายก็ไม่กล้าขยับไปพักหนึ่ง รอให้เจ้านายเดินมาหยุดอยู่บนโขดหินใหญ่ที่ใช้วางของโดยไม่เปียกน้ำได้ บริเวณที่ใกล้กับตรงที่เคยช่วยชีวิตวิริยะคราวนั้น หมอกเป็นหน่วยกล้าตาย เอ่ยถามขึ้นไปว่า “นายเชษฐ์จะอาบน้ำเหรอครับ น้ำขุ่นแล้วนะ”

“แม่นครับ แถมบักวิวเยี่ยวใส่แล้วนำ”

วิริยะหันขวับหาดำ “มั่วแล้ว!” จะกลัวเชษฐ์ไชยลงมาเล่นด้วยอะไรขนาดนั้น ถึงขนาดเอาฉี่เขามาไล่

“กูจะมาว่ายน้ำ พวกมึงเล่นกันไปเลย” ไม่พูดเปล่า คนตัวสูงใหญ่ก็วางกระเป๋าสัมภาระลงแล้วถอดเสื้อออกโดยไม่รอความสมัครใจของลูกน้องทั้งหลาย ซึ่งหนุ่ม ๆ ผู้อายุน้อยกว่าและเป็นลูกน้องเมื่อเห็นก็ไม่มีใครท้วงติงอีก ยิ่งเห็นหุ่นเชษฐ์ไชยแล้วยิ่งพากันร้องโหวกเหวกแซวราวกับเป็นเพื่อนเล่น ซึ่งวิริยะแอบคิดมานานแล้วว่าไอ้พี่พวกนี้มันกลัวเจ้านายจริง ๆ รึเปล่า

หรือแค่ทำเป็นเล่นใหญ่กันเฉย ๆ

เพราะดูสนิทสนมกันดี

เด็กหนุ่มยิ้มเมื่อถูกไทจับขึ้นขี่คอลอยตุ้บป่องกันอยู่ในน้ำ ไทเป็นพวกตัวใหญ่ บ้าพลัง และชอบหยอกล้อคนอื่นเช่นนี้เสมอ เด็กหนุ่มเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นอะไรแผลง ๆ เมื่อได้ทำเช่นนี้รู้สึกว่าสนุกสนานเช่นกัน จะมีก็แต่ดำที่ไม่ค่อยร่วมกับทุกคน เมื่อไทพาวิริยะเดินลอยคอในน้ำได้สองสามก้าว ไม่รู้พี่ชายจากอีสานมาจากไหน กระโจนถีบไทจากด้านหลงจนวิริยะและไทกระดอนไปกันคนละทาง

“อะไรของมึงวะไอ้ดำ ไอ้ห่า กูเล่นกับน้องอยู่ดี ๆ”

ดำอึกอัก “บ่มีหยัง กูแค่คันตีน บ่มีที่เกา” แล้วผละสายตาไปยังเชษฐ์ไชยที่เดินลงน้ำมา

“ไอ้ห่า ไว้วันหลังให้กูคันบ้างนะ มา...วิว มาเล่นกันต่อ”

“บ่ให้เล่นเว้ย น้องกู” ดำดึงวิริยะไปหา

“แหนะ หวงน้องก็บอกไอ้เวร พูดกับกูดี ๆ สิเพื่อน เกิดน้องนุ่งจมน้ำขึ้นมามันไม่คุ้ม”

“ไม่หรอกพี่ ผมว่ายน้ำเก่ง” วิริยะคลี่ยิ้มมองดำที่ทำหน้าหงอ ไม่เถียงอะไรเพื่อน “ผมว่าจะเลิกแล้วล่ะพี่ดำ จะขึ้นไปเปลี่ยนผ้าแล้ว”

“เออ ดีมาก เดี๋ยวบ่สบาย” ดำยิ้มขึ้นมาราวกับกำลังโล่งใจ เด็กหนุ่มจึงว่ายน้ำสวนกับเชษฐ์ไชยหวังจะกลับไปจุดที่วางของ เปลี่ยนเสื้อผ้า หากทว่าคนหน้าดุรีบถามเขาก่อน “ไปไหน”

“ไปเปลี่ยนผ้าไงครับ เลิกเล่นแล้ว” เด็กหนุ่มตอบแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย เมื่อพ้นน้ำได้ก็รู้สึกหนาวนิด ๆ เดินกอดอกเปล่า ๆ เปลือย ๆ ขึ้นไปยังกองเสื้อผ้าจะรีบเปลี่ยน หากทว่าตกใจเมื่อยกผ้าขนหนูจะพันเอว เขาเห็นคนที่เพิ่งลงน้ำและเปียกได้เพียงครึ่งตัววิ่งขึ้นมาเปิดกระเป๋าที่เจ้าตัวถือมา “เดี๋ยว อย่าเพิ่ง!”

แถมห้ามเขาถอดผ้าอีก

วิริยะเลิกคิ้วงง มองเชษฐ์ไชยที่รีบดึงผ้าขนหนูผืนสีขาวออกมายื่น “เอานี่ไป”

“อะไร ของผมก็มี” เด็กหนุ่มตอบ กำลังจะเอาผ้าพันเอวเชษฐ์ไชยก็ทำเสียงดุ

“ไม่ต้องถอด กลับบ้านไปทั้งอย่างนี้แหละ เอาผ้าไป!”

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ “อะไรของอาเชษฐ์เนี่ย ผมไม่มีรถกลับ กว่าพี่ ๆ จะอาบน้ำเสร็จ มันหนาวนะเว้ย”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“บ้า เดี๋ยวรถอาเชษฐ์ก็เปียกหมด”

คนตรงหน้ามุ่นคิ้ว “ใครจะให้นั่งข้างหน้า ให้นั่งข้างหลังต่างหาก”

“นี่มาอาบน้ำนะครับ ทำไมต้องนั่งคลุกฝุ่นไปกับอาเชษฐ์ด้วย” เด็กหนุ่มทำหน้ารำคาญอยู่ในที

“ฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำ”

“บ่ทำ จะทำไม จะกัดตูดผมอีกรึไงครับ นายเซษฐ์” คนพูดทำเสียงคล้ายดำ

พูดจบวิริยะก็พันผ้าขนหนูไว้ที่เอวเพื่อทำตามความพอใจของตัวเอง

“ไอ้เด็กเวรนี่…” เชษฐ์ไชยทำหน้าระอาและดุในคราเดียวกัน เปลี่ยนจากยื่นให้เป็นกางผ้าขนหนูผืนใหญ่เป็นฉากกั้นไม่ให้ใครคนไหนเห็นได้นอกจากตัวเอง ในขณะที่วิริยะยังถอดกางเกงในตัวสีขาวใต้บ็อกเซอร์ออกมาอย่างหน้าตาเฉย ไม่มีความอายอะไรทั้งสิ้น ทำราวเคยชินมาก่อนแล้วเสียอย่างนั้น หรือจะใช่ คิดแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไปว่า “มาอาบที่นี่บ่อยรึไง”

วิริยะไม่อยากตอบ แต่ก็ไม่ทำเช่นนั้น “ก็เกือบทุกวัน”

คนฟังหูผึ่ง “แล้วแก้ผ้าเปลี่ยนแบบนี้ตลอด”

“ก็ใช่ไง จะให้เปลี่ยนแบบไหนล่ะ” วิริยะยักไหล่ หยิบเสื้อผ้าตัวใหม่มาสวมทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา เหลือบขึ้นมาอีกที เห็นเชษฐ์ไชยทำหน้าขึง ยกนิ้วชี้ชี้หน้าราวกับทำความผิดอะไรร้ายแรงเสียอย่างนั้น

“ตั้งแต่วันนี้ ฉันขอสั่งว่าห้ามมาอาบน้ำที่นี่อีก”

“ได้ไงอะ” วิริยะเบิกตา

“ไม่ต้องเถียง! ถ้าเถียงอีกคำนึงฉันจะขับรถไปส่งที่ บขส.”

เมื่อได้ยินวิริยะทำหน้างอโวยวายอะไรสักอย่าง ดำผละไปมองเด็กหนุ่มและเชษฐ์ไชยบนบกอยู่อย่างต้องการจับผิด ที่เห็นคือนอกจากจะใจเย็นกว่าเมื่อก่อนแล้ว เขายังมีโอกาสเห็นเชษฐ์ไชยเป็นฝ่ายยอมรุ่นน้องของเขาก่อนด้วย เหตุการณ์มันคล้ายช่วงที่เจ้านายมีเมียสมัยก่อนไม่มีผิดเพี้ยน

จะมีใครบ้างที่กล้าทำท่าวีนเหวี่ยงใส่เจ้านายได้โดยไม่โดนตีนอย่างที่วิริยะทำบ้าง

อันที่จริงก็คิดว่าวิริยะพิเศษเพราะคำที่เด็กหนุ่มเรียกเชษฐ์ไชย แต่ดำเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่แค่นั้นแล้ว

ยิ่งสังเกต ชายหนุ่มยิ่งเห็น

ดำคิด แล้วมองตามร่างสูงใหญ่ของเชษฐ์ไชยที่เพิ่งลงน้ำได้เปียกครึ่งท่อน กำลังก้มเก็บเสื้อผ้าสัมภาระของตัวเอง แล้วบังคับจูงวิริยะให้เดินตามออกไปข้างนอก ไหนจะไอ้การเอาผ้าขนหนูปิดไม่ให้ใครเห็นวิริยะตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ทำอย่างกับจะไม่มีคนรู้ทัน ว่าเสือเจ้าของไร่อรุณีหวงของขนาดไหน อุตส่าห์ลงทุนขับรถตามมาขนาดนี้

ทำแบบนี้ ไม่มีคนดูออกเลย เจ้านายเอ๋ย...

ชายหนุ่มยิ้ม แล้วส่ายหน้ากับวิธีการที่เชษฐ์ไชยเลือกทำอย่างนึกขัน รู้สึกยินดี หากเชษฐ์ไชยเลือกที่จะลุกขึ้นใหม่ นอกจากจมกับอดีต หลังจากวนเวียนแต่เดินเข้าออกคอกม้า รำลึกถึงความเจ็บปวดเดิม ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมหายสักที

และดำดีใจ ที่ใครสักคนผู้สามารถรักษาแผลของเชษฐ์ไชยได้นั้น คือวิริยะ



-------------------------------------------------------------------

มาแล้วจ้า เลทอีกแล้ว ขอโทษนะคะ

พี่ดำมีความยิ้มกริ่มและแอบมอง มีความเกรงใจและรู้ตัวนิด ๆ ว่าต้องทำยังไง อิอิ

ส่วนคนเป็นอาก็...อาการไม่ค่อยออกเท่าไหร่เลย 555555

ตอนหน้าคุณอาจะโป๊ะแตกช่วงไหน ต้องรอติดตามค่ะ

เหมือนเดิมนะคะ คอมเม้นเป็นกำลังใจเค้าด้วย

เจอกันตอนหน้าจ้า

บายเด้อออออออ





รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว