บทเริ่มต้น
“ชาผู่เอ๋อได้แล้วครับ”
เมิ่งเหยาทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานร้านชาแห่งหนึ่งในย่านถนนเซียงจื่อ เมืองซีอาน แถมพ่วงด้วยอาชีพนักวาดรูปอิสระ ชีวิตในเมืองใหญ่ของเขาไม่ได้แย่นักแต่ก็ไม่ได้ดีถึงขนาดใช้ชีวิตอย่างแสนสบาย หลังจากที่พ่อแท้ ๆ ทิ้งเขาและแม่ไว้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เมิ่งเหยาเพิ่งอยู่วัยประถม หลังจากเข้ามหาลัยมาได้สามปีในคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แม่ของเขาก็มาด่วนจากไปด้วยโรคมะเร็ง
แม่ทิ้งเงินก้อนจำนวนหนึ่งไว้ให้เขาซึ่งมันมากพอที่ทำให้เขาเรียนจนจบปริญญาตรีได้ เขาสัญญากับแม่ไว้ว่าจะใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่เศร้าส้อยจนเกินไปหากต้องนึกถึงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับแม่เพราะแม่คือแทบจะเป็นทั้งชีวิตของเขา หลังจากที่แม่เสียไป เขาก็กลายเป็นตัวคนเดียวในนครอันกว้างใหญ่ ทำงานสารพัดเพื่อมาจ่ายค่าที่พัก ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับวาดรูป ค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟ เป็นวัยรุ่นจีนในเมืองใหญ่ไม่ได้ง่ายเลย เมื่อเศรษฐกิจซบเซาการหางานประจำที่เดือนเงินพอใช้สำหรับเด็กจบใหม่กลายเป็นเรื่องแสนยาก
ร้านชาของที่นี่ปิดเวลาสามทุ่ม แต่เขาต้องอยู่เก็บร้านและปิดร้านคนเดียว กว่าจะได้ออกจากที่ทำงานก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า เมิ่งเหยาปิดลิ้นชัก คว้ากระเป๋าผ้าอีกสองใบก่อนที่จะปิดไฟทั้งร้าน หันไปมองอีกทีว่าตัวเองไม่ได้ลืมปิดอะไรไว้ วันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ วัน ชีวิตวนหลุบจนน่าเบื่อเหลือเกินกับความจนในเมืองใหญ่
เมิ่งเหยาใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีเพื่อเดินกลับหอพัก แต่คืนนี้เขาต้องเอาหนังสือภาพที่เช่ามาจากร้านของลุงจั่ว ร้านลุงแกเป็นขายของเก่ามือสองตรงตึกแถว ร้านดูไม่ค่อยน่าสนใจแต่พอเข้าไปด้านในกลับมีของแปลก ๆ รวมถึงหนังสือเก่าสมัยโบราณเก็บไว้เพียบ ลุงจั่วแกเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงที่ยังเหลืออยู่สำหรับเขา เวลาส่งหนังสือคืนก็ไม่เคยปรับเงินสักบาท แถมวันไหนเขากลับดึกก็ชวนให้นั่งกินข้าวด้วยกัน เพื่อนแท้ต่างวัยในยามยากสุด ๆ
เขาโสดมาตลอดตั้งแต่เข้ามหาลัย ไม่ใช่เพราะเขาหน้าตาไม่ดีหรือคุยไม่เก่ง จริง ๆ ตัวเขาจัดว่าเป็นคนที่หน้าดีในระดับไอดอลค่อนไปทางผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาสระสวยเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่ผิวขาวและค่อนข้างผอมบาง ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ยังรู้สึกว่าตัวเขาเองมีเสน่ห์
เงินที่มีไม่ได้ทำให้เขาอยู่อย่างสุขสบาย ดิ้นรนชีวิตในเมืองใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียวไม่ง่ายเลย ชีวิตเมิ่งเหยาต้องทำงานและเรียนไปด้วยเขาจึงไม่ได้คิดเรื่องที่อยากจะมีคู่ขาหรือแฟนในตอนนี้ งานวาดภาพตามปกนิยายค่อนข้างใช้เวลาและความเป็นส่วนตัว ซึ่งเขาไม่ถนัดในการหาคนคุยหรือต้องเข้าสังคมแบบคนวัยเดียวกันเท่าไหร่ก็เลยโสดจนเหลือเชื่อ
เดินมาได้สิบนาทีเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูเก่า ๆ วันนี้ร้านดูเงียบแปลก ๆ ปกติลุงจั่วต้องเปิดหนังจีนเสียงฟันกันโช้งเช้งหรือลุงแกจะนอนแล้ว
“ลุงจั่วนอนยังครับ ผมเมิ่งเหยาเองนะ”
แปลกใจวันนี้ร้านของจั่วขวงเซินไฟปิดสนิท หรือลุงจะนอนแล้วเขาคิด เม่งเหยาเดินเข้าไปในร้านผ่านชั้นหนังสือเก่า ๆ แถวยาวเข้าไปด้านใน ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินด้านหลัง ร่างของผู้ชายล้มฟุบอยู่หน้าโต๊ะผมสีดอกเลาบ่งบอกว่านั่นคือชายสูงวัยเจ้าของร้าน
“ลุงจั่วครับ!”
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลุงจั่วนอนหมดสติอยู่กับพื้น เมิ่งเหยามองไปรอบ ๆ ยังไม่เห็นเลือดหรือเห็นว่าลุงบาดเจ็บตรงไหน
ทันใดนั้น เสียงเอะอะโวยวายและเสียงเร่งของฝีเท้าวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วของชายแปลกหน้าก็ปะทะเข้ากับตัวเมิ่งเหยา แขนที่กำลังจะประคองร่างของลุงจั่วถูกผลักล้มลง เขาพลาดท่านอนหงายลงกับพื้นปูน วินาทีนั้นเพิ่งสังเกตุเห็นคนร้ายที่กำลังเข้ามาขโมยวัตถุสะสมของเก่า ดวงตาของเมิ่งเหยาเบิกกว้าง ก่อนที่เสียงลั่นไกลปืนจะดังขึ้นในโสตประสาทสติพลันดับวูบ ทุกอย่างก็มืดมิดลงเสมือนเป็นการปิดชีวิตในโลกที่แสนจะธรรมดาของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
***
#ตัวร้ายอย่างข้าก็ต้องทำมาหากินนะ
ฝากน้องเมิ่งเหยาและพี่ไป๋ด้วยนะคะ ^^
อย่าลืมคอมเม้นให้กำลังกันน้านะคะ
TT_TT
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว