เรื่องที่จะสอนเธออีกนาน เพราะคิดว่าไม่มีทางเบื่อเชลยสาวแสนหวานคนนี้ไปได้ อัฟฟานตกใจกับความคิดของตัวเองเมื่อเขาไม่เคยใช้งานหญิงสาวคนใดเกินหนึ่งครั้ง แต่เธอเกินจากคำนั้นมามากโข
ชายหนุ่มลูบศีรษะแล้วเพียรสอนให้เธอเลียไล้ตั้งแต่ส่วนปลายสีสดจนถึงโคนแห่งความเป็นบุรุษ หญิงสาวทำได้ดีไม่มีที่ติ เนื่องจากเขาไม่คิดจะติความน่ารักในตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าทำดีมาก ตอนนี้เจ้าควรรู้ว่าข้าต้องการอันใด” เขาจับใบหน้าสวยหวานให้ผละออก หญิงสาวหอบจนเผลอเลียริมฝีปากตัวเอง
อัฟฟานทนไม่ไหวกับภาพยั่วเย้าประกบริมฝีปากทาบทับบดคลึงด้วยไฟสวาทที่กำลังก่อตัวขึ้นดั่งพายุอีกครั้ง
“ทะ...ท่าน อัฟฟาน” มาราตีหอบระทวยเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก คนเผด็จการหมุนร่างน้อยอวบอัดให้หันหลังโดยเร็ว มือเรียวจับขอบอ่างเพื่อพยุงร่าง เขาเข้าคลุกเคล้าเบื้องหลังกระซิบชิดใบหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“แยกขาสิ ข้าขออีกรอบก่อนที่จะหาอะไรใส่ท้อง” มาราตีรีบเบียดเรียวขาเข้าหากัน แต่โดนฝ่ามือใหญ่ฟาดบั้นท้าย ทั้งสองเพื่อลงทัณฑ์ “แยกขาออกรตี หากเจ้าดื้อคงรู้ว่าข้าจะจัดการเจ้าเยี่ยงไร” ขาสั่นระริกแยกออกจากกันด้วยความไม่เต็มใจ
..ทำไมเขาไม่ขอดีๆ เธอจะยอม แต่สั่งเผด็จการแบบนี้เธอไม่ชอบ ใจนัก
ความดื้อรั้นทำให้หญิงสาวแข็งขืนพอควร
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจ แต่ข้าจะทำให้เจ้าเต็มใจ” อัฟฟานกอดกระชับเอวคอด สอดประสานตัวตนความเป็นชายเข้าสู่เนื้อกายสาว
หญิงสาวกัดริมฝีปากด้วยความซ่านเสียว เผลอย่อเข่าลงเพื่อยกบั้นท้ายให้เขาเข้ามาพักพิงโดยง่าย
“ดูสิว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหน” ชีคหนุ่มกระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจในปฏิกิริยาของเชลยสาว
มาราตีเม้มปากแน่นเมื่อร่างกายทรยศหักหลังเธออย่างสิ้นเชิง
ทันทีที่ได้หลอมรวมเชื่อมประสานลีลารักร้อนระอุก็ดำเนินต่อเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดี มาราตียิ่งเสียดเสียวก็ยิ่งย่อเข่าโก่งสะโพกให้เขาสอดเสยเต็มอารมณ์รัก อัฟฟานครวญลั่นด้วยความสมใจเลื่อนมือจากเอวคอดเข้ากอบกุมอกอวบใหญ่ทั้งสอง รั้งให้หญิงสาวผละจากการเกาะขอบอ่าง ยืนแอ่นหยัดให้เขากระแทกกายเข้าหาแทน
มาราตีร้องครวญครางเสียงหลงด้วยความเสียวกระสัน เขาขยับกายรุนแรงจนเสียงเนื้อกระทบก้องไปทั่วอาณาบริเวณกว้าง มือใหญ่ทั้งสองนอกจากรั้งร่างสาวให้แนบชิด ยังขยำเฟ้นหนักหน่วงที่เต้าทรวงอวบอัด บดบี้ขยี้เม็ดบัวด้วยอารมณ์ดิบเถื่อนแห่งเพลิงสวาทที่คุกรุ่น หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเรือนร่างสาวโยกไปมาตามแรงมหาศาลที่เร่งจังหวะเร้าอารมณ์ ร้องคร่ำครวญเจียนขาดใจ
ชีคหนุ่มกอดรัดเชลยสาวแนบอกเมื่อกระตุกร่างพร้อมกัน มาราตีหายใจรุนแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด แทบขยับขาไม่ออก อัฟฟานวางใบหน้าที่ไหล่มนหอบรุนแรงไม่ต่างกัน
“ข้าจะให้รางวัลความน่ารักของเจ้า… รตี เจ้าทำให้ข้าถูกใจกว่าหญิงใดในหล้า” น้ำเสียงแหบห้าวทุ้มลึกกระซิบบอกที่ข้างหูหอมกรุ่น
มาราตีหลับตาลงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
อ้อมแขนแกร่งทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่น และการได้กลับคืนสู่เจ้าของแท้จริงหัวใจของเธอกำลังบอกเช่นนั้น
มาราตีมองเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่เขาเตรียมให้ด้วยความงุนงง
“เจ้าไม่ชอบรึ นี่คือรางวัลที่เจ้าทำตัวเป็นนางบำเรอที่ดี แม้จะดื้อรั้นไปหน่อยก็ตามที แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ข้าพึงพอใจ” ตอนท้ายน้ำเสียงเรียบลึกเหมือนประชดเธอก็ไม่ปานแต่รอยยิ้มทรงเสน่ห์บนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกระชากใจเธออย่างจัง
...แต่หญิงสาวยังไม่ยอมรับตามหัวใจตัวเอง
“ข้าคงรับไว้ไม่ได้ เพราะข้าไม่ได้ภูมิใจในรางวัลที่ท่านให้สักนิด” สายตาที่มองแค่ผ่านๆ และไม่ชื่นชมกับความงดงามของเครื่องเพชรชุดใหญ่ ทำให้อัฟฟานขบกรามแน่น เขาปิดกล่องเครื่องประดับแล้วปัดออกไปให้พ้นสายตาเหมือนไม่ใส่ใจด้วยความหงุดหงิดที่หญิงสาวกล้าปฏิเสธชีคครองรัฐผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเช่นเขา
เธอจะรู้หรือไม่ว่าเครื่องเพชรชุดนี้เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่ปู่ของเขา และเธอเป็นหญิงสาวที่เขาเลือกจะให้ แต่เพราะคนไม่เคยเอาใจใครมาก่อน จึงไร้ซึ่งคำออดอ้อนอย่างที่ควรจะเป็น
มาราตีมองด้วยความน้อยใจ รู้สึกใจหายบอกไม่ถูก เธอนึกว่าเขาจะง้อสักนิด แต่ไม่เลย ไม่มีการเอาใจ ไม่มีความโรแมนติกหรือพูดจากหวานหู มีแต่ความเอาแต่ใจและอารมณ์เถื่อนๆ ที่แสดงออก แม้มันจะสวยแค่ไหนเธอก็ไม่นึกดีใจสักนิด
“มานั่งตรงนี้ กับข้า” ชีคอัฟฟานตบมือใหญ่ลงบนตักกว้างของตัวเองอย่างเอาแต่ใจ
มาราตีเหลือบมองกล่องเครื่องเพชรที่เขากวาดทิ้งด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขาไม่ได้เต็มใจจะให้เธออย่างจริงใจ แค่พูดอีกนิดด้วยถ้อยคำที่ผู้ชายควรบอกกล่าวกับหญิงสาวที่อยากให้ของขวัญหรือสิ่งล้ำค่าอันใดเธอก็จะใจอ่อน แต่เขาทำเหมือนไม่ได้สลักสำคัญแม้แต่น้อย ความเสียใจทำให้ดวงตาไหววูบตระหนักถึงหน้าที่ตัวประกันและนางบำเรอของตัวเอง
สำหรับอัฟฟานเขาไม่เคยต้องเอาใจหญิงสาวคนไหนมาก่อน ดังนั้นการจะงอนง้อให้เธอรับของที่ล้ำค่าจึงไม่ใช่วิสัย แม้จะรู้สึกผิดหวังพอควร ที่หญิงสาวไม่ตื่นเต้นดีใจในสิ่งที่เขาให้ แตกต่างจากหญิงอื่นที่คงดีใจจนเนื้อเต้น
“ข้ากลัวท่านจะหนัก” มาราตียืนมองคนเอาแต่ใจด้วยความเหนื่อยหน่าย เธอไม่อยากเข้าใกล้เขา...หัวใจครึ่งดวงบอกเช่นนั้น ส่วนอีกครึ่งดวง น่ะหรือ คือความหวั่นไหวที่เธอรังเกียจนัก... บอกว่าเธออยากเข้าสู่อ้อมอกกว้างนั้นเหลือเกิน มันเกิดขึ้นตอนไหนเธอหาได้ทราบไม่ อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากันก็ว่าได้
“เจ้ากล้าดียังไงถอนหายใจเสียงดัง แถมยังทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายเช่นนี้ใส่ข้า ตัวเจ้าเล็กนิดเดียวจะหนักได้อย่างไรเล่า หากเจ้าไปนั่งเสียไกล จะป้อนอาหารให้ข้าได้เช่นไร”
“ท่านมิใช่เด็ก เหตุใดข้าต้องป้อนอาหารให้ด้วย” มาราตีเม้มปากแน่นไม่ชอบใจการขู่บังคับ
“เจ้ายอกย้อนข้ารึ นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือการปรนนิบัติ” อัฟฟานขบกรามด้วยความโมโหหงุดหงิดที่หญิงสาวเบื้องหน้าขัดใจเขาทุกครั้งที่ต้องการ
“ข้าไม่เคยป้อนอาหารให้ใคร” หญิงสาวคอแข็ง ตอบหยิ่งๆ
“ขนาดอาบน้ำเจ้าก็ไม่เคย ยังอาบให้ข้าได้ แถมดีเสียด้วย แล้วทำไมแค่นี้จะทำไม่ได้”
ถ้อยคำและสายตาทำให้มาราตีร้อนไปทั้งร่าง คิดถึงบทรักที่เพิ่งผ่านพ้นก็พลันจะหวิวๆ ในกาย
ร่างสูงเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวแม่จอมอวดดี เขาตวัดอุ้มแล้วกระแทกร่างสูงใหญ่บนเก้าอี้ทองคำตัวสวย จับเธอวางทาบทับบนตักกว้างด้วยกำลังที่เหนือกว่า
“ปล่อย” หญิงสาวดิ้นหนี
“เจ้าอย่ามัวเอาเวลาเช่นนี้มาดิ้นหนีข้าจะดีกว่า ออดอ้อนข้าน่าจะเหมาะสมกับเจ้าในตอนนี้ หากทำให้ข้าโกรธอีกรอบ ข้าจะสั่งโบยเจ้าให้หลังลาย” ชีคผู้เอาแต่ใจข่มขู่ไม่เว้นวาง
“เหตุใดพระองค์ไม่ฆ่าหม่อมฉันเสียให้วายชีวา จะมาโบยทำไมให้เมื่อยมือ หม่อมฉันยอมตายดีกว่าต้องปรนนิบัติพระองค์ด้วยความไม่เต็มใจ”
“เจ้าพูดเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าตายสมใจ แต่ตายทั้งเป็น เจ้าไม่มีสายเลือดความรักชนเผ่าเลยแม้แต่น้อย หากเจ้าตายข้าจะยกทัพไปกวาดล้างชนเผ่าของเจ้าให้สิ้นซาก อย่าคิดว่าข้าจะไว้ใจชนเผ่าไหนเป็นอันขาด เรื่องของซูไรดาพี่สาวของเจ้า ข้ายังไม่ได้จัดการ ให้พวกเจ้ารู้ว่าอย่ามาคิดกำแหง”
อัฟฟานมีสีหน้าถมึงทึงอย่างน่ากลัว มาราตีจึงสงบปากสงบคำเอาไว้ เธอไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่รู้ว่าหากเขาเกิดทำตามที่บอกขึ้นมาจริงๆ จะเป็นเช่นไร ที่สำคัญเธอก็สัมผัสมาแล้วว่าเขาไม่เคยพูดเล่นเลยสักครั้ง
ชายหนุ่มตวัดสายตามองคนในอ้อมแขนที่เงียบงันไปอย่างเจ้าเล่ห์ หากไม่ข่มขู่คงไม่ได้เชยชม เขาไม่อยากให้การปกครองของตัวเองเหมือนเสด็จปู่ที่ยอมอ่อนข้อให้กัวลาเพราะถือว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว