GENTLEMAN บุรุษเย็นชา

GENTLEMAN บุรุษเย็นชา|01 - 3

พรานคง ซามะ กฤต ปริญ นพ และขนมผิง กำลังจัดเตรียมการเดินทางเพื่อสำรวจผืนป่า ปลายฟ้าและกิ่งแก้ววิ่งตามมาด้วยอย่างตื่นเต้น
“ขอฉันกับกิ่งไปด้วยนะคะ เผื่อมีอะไรจะสามารถช่วยได้”
ปลายฟ้าและกิ่งแก้วสะพายเป้พร้อม กฤตแอบดีใจ ขนมผิงเบ้ปากเยาะเย้ยอย่างหมั่นไส้ พรานคงเดินถือปืนลูกซองนำคณะเข้าไปในป่า ปริญและกฤตคอยเก็บภาพไปตลอดทาง
“นั่นคืออะไรครับ?”
กฤตชี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่งอย่างตื่นตา
“นั่นขุนเขาพายัพ เป็นที่อยู่ของเสืออย่างที่เคยเล่าให้ฟัง”
พรานคงเดินนำต่อไป ปริญยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องไปรอบๆ ก่อนร้องเสียงหลง
“เห้ย!”
ทุกคนหันไปมองปริญเป็นตาเดียว ชายหนุ่มเหมือนเจอบางอย่าง
“ทางตอนเหนือมียอดปราสาท กฤต แกดูชิ”
กฤตรีบยกกล้องส่องทางไกลของตัวเองขึ้นมาส่องบ้าง พบยอดปราสาทแห่งหนึ่งเด่นสง่าท่ามกลางผืนป่า ชายหนุ่มหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“เราไปที่นั่นได้ไหมครับพราน”
ปริญตื่นเต้น นี่มันทางของนักโบราณคดีอย่างเขาชัดๆ พรานคงส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เคยมีใครเข้าไปตรงนั้นได้ ทางที่ดี พวกคุณอย่าสนใจเลย”
“ปราสาทกลางป่าเช่นนี้ย่อมมีตำนาน พรานพอจะเล่าให้พวกผมฟ้งได้ไหม?”
กฤตเองสนใจไม่แพ้กัน พรานคงนั่งลงบนท่อนไม้ ก่อนเริ่มเล่าเรื่องราวเล่าขานที่เล่าสืบต่อกันมา
“เขาเล่าลือกันว่า เมื่อพันปีที่แล้ว ปราสาทแห่งนี้ปกครองโดยพระเจ้าอเรธิราชที่6 พระองค์มีโอรสที่สิริโฉมงดงามมาก เก่งกล้าสามารถ วันหนึ่ง พระเจ้าอเรธิราชได้หมั้นหมายโอรสกับเจ้าหญิงแห่งกุสราลัยนคร แต่เหมือนมีความรักสามเศร้าเกิดขึ้น นางผู้หนึ่งที่ผิดหวัง เล่ากันว่า นางเป่าขลุ่ยอยู่หน้าปราสาทสามวันสามคืนด้วยความเสียใจจนขาดใจตาย นับแต่นั้น เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในปราสาทมากมายหลังจากที่นางตายไป”
กฤต ปลายฟ้า และขนมผิง พากันสะดุ้งกับคำบอกเล่าอย่างอธิบายไม่ได้
“น่าสงสารนะคะ เขาคงผิดหวังเสียใจมาก”
ปลายฟ้าเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกสงสาร แต่ขนมผิงกลับคิดไปอีกทาง
“น่าสงสารยังไง ตายแล้วเฮี้ยน ไม่รู้เล่นงานใครไปบ้างหรือเปล่า”
เสียงบางอย่างดังมาไม่ไกลนัก ทุกคนตกใจ พรานคงและซามะกระชับอาวุธ เสือโคร่งตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาเพื่อล่าเหยื่อ ทุกคนหน้าซีด ณาณินที่คลานเข้ามาอีกทางเห็นเข้า รีบวิ่งเข้าไปหา เพียงส่งสายตา เสือตนนั้นเกรงกลัวณาณินจนกระโจนออกไป ทุกคนโล่งใจ พรานคงแอบสงสัยณาณินเงียบๆ
“ทำไมเสือมันตกใจน้องณาณิน”
ปริญงงๆ ณาณินรีบแก้ไขสถานการณ์ รู้ดีว่าโดนจับตามอง
“เราอยู่ในป่านี้มานาน มักคุ้นและรู้วิธีหลบหลีกภัยจากสัตว์ป่าเป็นอย่างดี”
ทุกคนคลายความสงสัย แต่พรานคงรู้สึกแปลกใจในตัวณาณิน คณะของกฤตตกลงที่จะเดินทางไปยังปราสาทร้างกลางป่า พรานคงเมื่อเห็นจำนวนเงินก็ยินดีนำทางให้ โดยทุกคนไม่รู้เลยว่า พรานเฒ่ามีเล่ห์เหลื่ยมบางอย่าง ณาณินเมื่อรู้ว่ากลางป่ามีปราสาท จึงขอติดตามไปด้วย บางทีนี่อาจเป็นปริศนา ที่พยัศตราหลบซ่อนไว้
การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป กฤตมักจะคอยช่วยเหลือปลายฟ้าเสมอ ณาณินรู้สึกเจ็บแปลบ ขณะที่ขนมผิงแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน จนปลายฟ้าอึดอัด เมื่อรั้งท้ายของขบวน ปลายฟ้าจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“ฉันไม่ได้ทำให้คุณกับคุณขนมผิงเข้าใจผิดกันใช่ไหมค่ะ?”
“ผมกับขนมผิงเป็นแค่เพื่อนกัน เธอเอ่อ…คิดกับผมมากกว่าเพื่อน แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริงๆ”
“พรานครับ แล้วปราสาทที่เราจะไปนี่ชื่ออะไรครับ”
นพถามขึ้นมาระหว่างเดินทางอย่างทุลักทุเล
“มหรรศยาลัย”
สิ้นคำพรานคง ณาณิน กฤต ปลายฟ้า และขนมผิงชะงัก ณาณินตัวชาจนเซเมื่อได้ยินชื่อนี้ กฤตรีบเข้าไปประคองไว้อย่างตกใจ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า พักก่อนไหม?”
“ที่แขนณาณินมีแผล เสียเลือดมากเกินไปหรือเปล่าค่ะ ฉันทำแผลให้ใหม่นะ”
ปลายฟ้าอาสา การเดินทางจึงชะงักลงชั่วคราว คำว่ามหรรศยาลัย ยังคงกู่ก้องในใจของณาณิน เมื่อเห็นหญิงสาวบาดเจ็บ กฤตจึงคอยดูแลณาณินไปตลอดทางจนขนมผิงไม่พอใจอย่างมาก
“สำออย!”
ขนมผิงเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ
เมื่อพลบค่ำ ทุกคนแยกย้ายกันเข้ามุมเพื่อเตรียมที่หลับที่นอน พรานคงและซามะนั่งก่อไฟไล่ยุง กฤต ปริญ นพ นอนด้วยกัน ปลายฟ้าและกิ่งแก้วนอนอีกด้าน ขนมผิงต้องนอนกับณาณินอย่างหงุดหงิด แต่เสือสาวกลับไม่สามารถนอนได้ เมื่อไหร่ที่หลับลง ร่างของเธอจะกลายเป็นเสือ ณาณินจึงลุกขึ้นมาในกลางดึก เดินไปอีกทางเพื่อตากสายลม ขนมผิงลืมตาขึ้นมา เห็นณาณินเดินออกไปก็แอบตามไป โดยไม่รู้ว่าปลายฟ้าแอบตามไปห่างๆ
“นี่!”
ขนมผิงเดินมาหยุดข้างหลังณาณินเมื่อไกลจากผู้คนพอสมควร ณาณินหันมามองสีหน้าเรียบเฉย
“ทำไมต้องให้ท่ากฤตขนาดนั้น อยู่ป่ามานานไม่เคยเจอผู้ชายหรือไง”
วาจาส่อเสียดหลุดออกมาจากปากขนมผิง ณาณินพยายมระงับอารมณ์โกรธไม่ให้ปะทุ เพราะเธออาจตะครุบขนมผิงเอาได้ทันทีที่ความอดทนขาดสะบัน
“ทำไมเงียบ ฉันถามก็ตอบซิ!”
“ให้เราตอบอะไรหรือ?”
“นี่อย่ามากวนฉันนะ นังเด็กบ้า!”
ขนมผิงโมโห ผลักณาณินจนล้มลงกับพื้น ณาณินหันขวับมามองอย่างโกรธจัด ก่อนที่ร่างจะกลายเป็นเสือ ปลายฟ้าพุ่งออกมาประคองณาณินเอาไว้ ก่อนหันไปมองขนมผิงอย่างติเตือน
“เขาไปทำอะไรให้คุณ ถึงทำกับเขาแบบนี้ เขาบาดเจ็บอยู่นะ!”
“ก็มันให้ท่าแฟนฉัน เธอด้วยแหละยัยคุณหมอ!”
“ฉันไม่คิดว่าคำพูดต่ำๆจะหลุดออกมาจากคนที่มีการศึกษาสูงเช่นคุณ และจะบอกอะไรให้คุณเข้าใจ ว่ากฤตบอกฉันว่าคุณกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน เพราะฉะนั้น อย่าทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขามากนักนะคะ ฉันขอเตือนสติคุณ”
ขนมผิงอ้าปากค้าง ปลายฟ้าพยุงณาณินขึ้นมาก่อนเดินออกไป ขนมผิงมองตาม อยากจะกรี๊ดใส่หน้าทั้งสองให้สุดเสียง
…..
“วันนี้เจ้างดงามยิ่ง”
เสียงของเจ้าชายกฤตศิลาเอ่ยขึ้นเมื่ิอได้ยลโฉมพักตร์ของหญิงงามตรงหน้า ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดง
“ท่านพี่ก็ชมเกินไป”
เจ้าหญิงปรายสิตาหันหลังให้ชายหนุ่มด้วยความเขินอาย นับจากวันนี้ เธอและเขาเป็นคู่หมั้นกันโดยสมบูรณ์
“ณนินญาอยู่ที่ใด ใยไม่เห็นมาร่วมงาน”
เจ้าชายกฤตศิลาสอดส่องสายตามองหาก็ไม่พบนางผู้กล่าวถึง
“น้องก็ไม่เห็นนางเช่นกันเจ้าค่ะ”
เจ้าชายกฤตศิลาและเจ้าหญิงปรายสิตาสบตากันอย่างแปลกใจถึงการหายไปของณนินญารดี
…..
เสียงนกร้องในเช้าวันใหม่ ทุกคนตื่นขึ้นมา ปลายฟ้าและกฤตต่างงุนงงกับความฝันที่เกิดขึ้น ทำไมเธอและเขาหลุดเข้าไปในความฝันและแต่งตัวแปลกๆ ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางต่อ การทะเลาะกันเมื่อคืนของปลายฟ้ากับขนมผิง ทำให้เหมือนทั้งคู่เปิดศึกกันอย่างชัดเจน
“นี่มันทางไปปราสาทจริงเหรอวะพรานคง ข้าไม่เห็นคุ้นเลย”
ซามะอดแปลกใจกับเส้นทางไม่ได้ เขารู้ดีเพราะเขาเป็นพรานเช่นกัน พรานคงกลบเกลือนพิรุธในทันที
“ข้าพามาทางลัด เอาน่า เดี๋ยวข้าจัดการเอง เอ็งตามมาก็พอ”
พรานคงตัดบท ก่อนปลิกตัวเดินออกไป


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว