โซ่สวาท ทาสเสน่หา-บทที่ 1 ความทรงจำ EP.1

โดย  aksaramanee

โซ่สวาท ทาสเสน่หา

บทที่ 1 ความทรงจำ EP.1

บทที่ 1 ความทรงจำ


กริ๊ง!!!

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในบ้านหลังเล็กตั้งอยู่ในรั้วไม้เขตชานเมืองลอสแองเจลิสใกล้ย่านที่พักเบล แอร์อันหรูหราทำให้มษยาต้องรีบรับสายด้วยความกระตือรือร้น

“สวัสดีค่ะ...เอรินเหรอ?”

หญิงสาวชาวไทยร่างบอบบางด้วยส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตรและใบหน้ารูปไข่กอรปด้วยเครื่องหน้าจิ้มลิ้มทั้งดวงตาเป็นประกายใสดุจแก้วเจียระนัย จมูกโด่งเล็กรั้นและเรียวปากอิ่มฉ่ำด้วย

ลิปกลอสสีชมพูแวววาวใต้กรอบเรือนผมยาวสีน้ำตาลมะฮอกกะนีกล่าวทักทายและได้ยินเสียงอีกฝั่งดังมาว่า

“ยะหยา...ที่บอกเอวันก่อนว่ากำลังหางานอยู่น่ะ ตอนนี้ได้งานทำที่ไหนหรือยัง?”

“อ้อ...ได้แล้วจ้ะ”

“ว้าว! เร็วจัง นี่เอนึกว่ายะหยายังไม่ได้งานเลยนะ”

“เขาพึ่งตอบรับมาเมื่อวานนี้เอง นี่ไง...วันนี้ยะหยาเตรียมเอกสารจะไปรายงานตัวที่บริษัทนะ”

“บริษัทอะไรน่ะยะหยา บอกเอได้มั้ย”

“ถ้าเอรู้แล้วต้องเซอร์ไพรซ์แน่ เพราะยะหยาก็ไม่คิดเลยว่าจะได้งานที่นี่ เป็นบริษัทใหญ่ที่ยะหยาไปทิ้งใบสมัครไว้เมื่อเดือนที่แล้ว”

“บริษัทอะไรน๊าที่เอต้องเซอร์ไพรซ์”

“นอร์ธเทิร์นซี อิงค์”

เสียงอีกฝั่งเงียบไปครู่ใหญ่ นานจนมษยาต้องถามกลับไปว่า

“แล้วเอล่ะ ตอนนี้เอได้รับงานตกแต่งภายในที่ไหนจ๊ะมัณฑนากรสาวคนเก่ง”

“ไม่อยากจะบอกเลยว่า เอก็...ได้งานตกแต่งภายในส่วนต่อเติมของนอร์ธเทิร์นซีเหมือนกัน”

“ว้าว!...เยี่ยมเลย ถ้าอย่างนั้นเราก็ได้ทำงานอยู่ใกล้กันสินะ”

“แล้วยะหยาสมัครตำแหน่งอะไรเหรอจ๊ะ”

“ก็...เป็นพนักงานบัญชี...เงินเดือนก็พออยู่ได้ จะได้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ เป็นค่าอาหาร ค่าประกันสุขภาพ แล้วก็...จะได้ให้แม่”

รอยยิ้มจาง ๆ จุดขึ้นบนริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูวาววามยามพูดถึงบุพการีซึ่งเธอมีเหลือเพียงแค่คนเดียวและเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงตอนนี้ที่เธอเรียนจบมากว่าปีก่อนจะได้รับหนังสือเรียกไปทำงานในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง สักครู่จึงมีเสียงดังมาว่า

“วันนี้ยะหยา...จะไปรายงานตัว...อย่างนั้นเหรอ?”

“จ้ะ...นี่ยังตื่นเต้นไม่หายเลยนะ...อืม...แล้วเอรู้จักกับเจ้าของบริษัทหรือเปล่า เคยเจอเขาบ้างมั้ย เขาจะเป็นคนยังไงก็ไม่รู้”

“เอ้อ...เอก็...ยังไม่ได้เจอประธานบริษัทนี้เลยนะ ยังไม่ได้คุยอะไรเป็นงานเป็นการเลย”

“เหรอ...ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังไงจะโทรไปบอกเอนะว่าที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง แต่ยะหยาคิดว่าคงไม่ได้เจอเจ้าของบริษัทหรอกเพราะตำแห่งที่ไปทำก็แค่พนักงานเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกันจ้ะ..บาย”

มษยาวางหูโทรศัพท์ก่อนจะระบายลมหายใจด้วยความตื่นเต้นกับงานใหม่ซึ่งเธอพึ่งได้รับคำตอบรับเข้าทำงานในบริษัทผลิตเครื่องยนต์และอู่ต่อเรือยักษ์ใหญ่อย่างนอร์ธเทิร์นซี อิงค์เมื่อวานนี้ และความตื่นเต้นนั้นก็ทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะกลับเข้าไปในห้องของเธอขณะที่บ้านทั้งหลังยังเงียบเชียบ ร่างบอบบางก้าวไปหยุดที่โต๊ะอ่านหนังสือไม้เก่า ๆ ภายในห้องนั้นและไขกุญแจเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดเพื่อที่จะหยิบอะไรบางอย่างออกมา มันเป็นตุ๊กตาบลายธ์แสนน่ารักพร้อมด้วยภาพเก่าของใครคนหนึ่งซึ่งใช่แต่ภาพใบหน้าคร้ามคมแม้อายุเจ้าของภาพยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำที่มษยาจับจ้องแต่มันยังประทับลงในความทรงจำของหญิงสาวมานานตลอดระยะเวลาหลายปี เธอยังมองเห็น เขา คนนั้น ใบหน้าของหนุ่มอเมริกันเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มขลับ นัยน์ตาสีฟ้าชวนฝัน จมูกโด่งยาวและริมฝีปากหยักหนาที่เสมือนมีรอยยิ้มเล็ก ๆ นั่น เธอยังคิดถึงไม่เคยเลือนลืม

เคน คลีฟตัน...

ภาพของชายหนุ่มผู้นั้นที่ฉายวาบขึ้นในความคิดของหญิงสาวราวกับเปลวเทียนส่องแสงรังรองไม่รู้จักดับ ทุกเสียงของเขา อิริยาบถเหล่านั้น รอยยิ้มที่ตราตรึงซึ่งทุกเหตุการณ์ผ่านไปนานหลายปีทว่าเธอก็ยังคงเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามอบมันไว้อย่างดีที่สุด ถึงตอนนี้เขาอาจมีชีวิตที่รุ่งโรจน์สมกับการเป็นลูกมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอู่ต่อเรือมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เขาอาจสืบทอดกิจการของบิดามารดาเป็นนักธุรกิจเลื่องชื่อแม้ว่าเธอจะพยายามมองหาตัวตนของเคนจากสื่อโซเชียลหากก็น่าประหลาดใจที่กลับไม่พบเขาจากที่ใด ๆ ในโครงข่ายที่โยงใยทั่วโลก เธอยังคิดถึงเขาเสมอแม้นั่นจะเป็นเพียงภาพฝันลางเรือนซึ่งเธอเคยสัมผัสความเป็นจริงมาแล้วครั้งหนึ่งและมันจะประทับในหัวใจของเธอไปชั่วชีวิต

“ยะหยา”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้มษยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์และเผลอทำของหลุดจากมือ หญิงสาวหันกลับไปก็พบว่าใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา เธอรีบก้มลงเก็บของที่ร่วงหล่นลงพื้นแต่ก็ไม่ทันเก็บมันกลับเข้าไปในลิ้นชักก็ต้องชะงักเมื่อคนที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดก้าวมาหยุดตรงหน้า

“แม่...”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว