ใบหน้ายามหลับของโซเอ้ยังคงคุ้นเคยเหมือนภาพจำในความคิด ผิวเกรียมแดดจนเข้มขึ้น รูปร่างดูเติบโตขึ้นอีกสองหรือสามปี และรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่บนร่าง ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงเส้นทางอันยากลำบากที่นางได้ผ่านมา
แต่หากไม่นับชุดกะลาสีที่กระฉับกระเฉง และคราบมอมแมมตามเนื้อตัว นางดูเปลี่ยนไปไม่มากนัก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ล่วงเลย
“สิ่งที่น่าตกใจกว่าการได้เจอกันอีกครั้ง คือการที่นางทำสัญญากับมณี”
เฟโรสพูดขึ้นขณะยืนพิงเสา สีหน้าหนักอึ้งด้วยความคิดที่สับสน กลอกตามองหญิงสาวที่เคยเป็นส่วนหนึ่งในอดีต ความทรงจำต่าง ๆ หวนคืนมา พร้อมกับคำถามในใจว่า โชคชะตาอันแปลกประหลาดใดที่ทำให้พวกเขาโคจรมาพบกันอีกครั้ง
ไอชาเบนสายตามองเขาชั่วครู่ ก่อนกลับมาจ้องโซเอ้อีกครั้ง ความสงสัยค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบหกปีก่อน เฟโรสจากไปโดยไร้คำอธิบาย ครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกัน คือวันที่โซเอ้เตรียมตัวจะกลับไปยังบูล็องต์ เพื่อขโมยกุญแจของทางระบายน้ำ ก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้น
ใบหน้าของหญิงสาวแม้ดูเหนื่อยล้าแสนสาหัส แต่กลับฉายแววบางอย่างที่แตกต่างออกไป นางดูสงบ สดใส และเปล่งประกายในเวลาเดียวกัน ราวกับได้ต่อสู้กับมหาสมุทรแห่งความทุกข์ยาก จนไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ
“เจ้าจะทำยังไงกับนางต่อ นางจะพักอยู่กับเราใช่ไหม?” ไอชาถามขึ้น น้ำเสียงเรียบนิ่งจนยากจะอ่านความรู้สึก แต่ความคาดหวังบางอย่างแฝงอยู่ในคำพูด
“ไม่รู้สิ รอให้นางตื่นมาก่อนก็แล้วกัน”
“ข้าอยากให้นางเดินทางไปกับเรา”
“เจ้าเพ้อเจ้ออะไรอยู่” เฟโรสหรี่ตามอง “คิดว่าเราเป็นนักผจญภัย รวมตัวกันออกเดินทางตามล่าสมบัติหรือไง”
วูบหนึ่งความคิดของเฟโรสได้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลานั้น
“ข้าเป็นนักเดินทาง ผจญภัยไปเรื่อย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง รู้อย่างนี้แล้วเจ้ายังคิดจะติดตามข้าอีกงั้นเหรอ?”
“ไม่ว่าที่ไหนข้าก็พร้อมจะติดตามท่าน”
“เจ้าเป็นคุณหนู มีชีวิตสุขสบายมาแต่เกิด ข้ายังนึกไม่ออกเลยว่าเจ้าจะทิ้งทุกอย่างไปได้ยังไง”
“ข้าตัดสินใจแล้ว”
“เยี่ยมเลย ตอนนี้ข้ากำลังจะลักพาตัวเจ้าจากบิดาบังเกิดเกล้า และหนีตามกันไปเผชิญโลกกว้างที่ไม่รู้ต้องลำบากและเหนื่อยยากแค่ไหน แทนที่เจ้าจะไตร่ตรองและปฏิเสธ แต่เจ้ากลับตอบรับเสียอีก เจ้าต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ”
“ข้าเชื่อว่าข้าตัดสินใจถูกต้อง ท่านอย่าได้ห่วง ข้าจะไม่เป็นภาระให้กับท่าน ข้าจะเข้มแข็งและดูแลตัวเองให้ได้”
“พอเลย เจ้ามันเสียสติไปแล้วจริง ๆ”
“นางจะขอติดตามเจ้าแน่ เจ้าจะผลักไสนางอีกครั้งงั้นเหรอ?” ไอชาย้อนถามขึ้นมา
คำกล่าวนั้นเหมือนเข็มแหลมแทงลึกลงกลางใจ มือสังหารหนุ่มได้เพียงเงียบไป หลุบตามองต่ำลง ความเงียบงันที่ตามมากลายเป็นคำตอบในตัวมันเอง
สำหรับไอชา การพานพบนี้ช่างน่าทึ่งเกินบรรยาย มันเหลือเชื่อพอ ๆ กับการที่เฟโรสหวนกลับไปช่วยนาง แล้วยังพามาพักในฐานที่มั่นลับอย่างที่ไม่คาดคิด …นี่ไม่ใช่เฟโรสที่นางเคยรู้จัก ได้แต่ทิ้งความสงสัยที่ไร้คำตอบไว้เบื้องหลัง ลอบอมยิ้มน้อย ๆ ให้กับความพลิกผันของโชคชะตา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหญิงสาวอีกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงข้างโซเอ้
นางอยู่ในชุดผ้าเนื้อดี ปักดิ้นทองและประดับด้วยเลื่อมเงินอย่างประณีต สวมผ้าคลุมศีรษะที่บ่งบอกถึงสถานะของเจ้าหน้าที่ฮาซาน ตามชุดมีร่องรอยขาดวิ่น ปรากฏบาดแผลถลอกและรอยบาดหลายแห่งบนร่าง สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือเกล็ดเล็ก ๆ ซึ่งปรากฏให้เห็นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เผยความเป็นเอกลักษณ์ของสายเลือด
“สายลับของบาร์บารี?” ไอชาเลิกคิ้วเล็ก ๆ ทวนคำพูดของชายหนุ่ม หลังก้าวพ้นบันไดห้องใต้ดิน “แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าสำนักงานของแกะทะเลทรายถูกบุก คนที่เหลือรอดก็อาการหนัก”
“นางไม่ใช่คนของแกะทะเลทราย”
เฟโรสบอก ขณะเดินไปหย่อนตัวลงนั่งริมเสา มือหนึ่งลูบคางใช้ความคิด มองอีกฝ่ายที่จ้องกลับเพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติม
“นางไม่ใช่แกะทะเลทรายแห่งฮาซาน… หรือควรบอกว่า นางไม่ใช่สมาชิกของภาคีมือสังหารแห่งฟาริส”
คำตอบของเขาไขข้อข้องใจเดิม แต่กลับปลุกคำถามใหม่ให้ผุดขึ้นมาในใจของไอชา เหมือนกับมีสายฝนเทลงมาหลังเสียงฟ้าร้องสงบลง
เฟโรสเว้นจังหวะเล็กน้อย บดบี้ริมฝีปากไปมา ก่อนกล่าวต่อ
“สายข่าวรายงานว่านางเป็นสายลับจากลูนาเรีย และนางจะเป็นกำลังสำคัญของเรา”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว