ต่อเติมรัก

บทที่ 9 สี่ปีต่อมา

บทที่ ๑๒

หมื่นยอดรณกรหรือพระองค์ชายยอดฟ้าอภัยภูเบศกำหมัดแน่น สาส์นในมือถูกบีบจนแทบแหลกสลาย ขบกรามเอ่ยเสียงลอดไรฟัน

“ประกาศจัดกองทัพ อีกหนึ่งยามข้าจักบุกตีเมืองพิรัชให้สิ้นในคราเดียว”

“เกิดอันใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

พระยาธรรมสรฤาชัยเอ่ยถามน้ำเสียงกังวล แม้ร่วมรบมาเพียงเดือนเศษแต่เขารู้ดีว่าพระองค์ชายยอดฟ้าอภัยภูเบศผู้นี้หาใช่พวกที่กระทำการบุ่มบ่ามไร้เหตุผลไม่

“ไอ้กบฏมันส่งคนไปลอบตีเมืองสิงหราช”

พระยาธรรมสรฤาชัยพลันใจสั่นสะท้าน ที่สิงหราชยามนี้มีเพียงทหารยามประมาณร้อยนาย ที่เหลือก็เป็นเพียงหญิงสาว เด็กแลคนแก่เท่านั้น ในใจของผู้เป็นพ่อนั้นปวดร้าวยิ่งเมื่อรู้ว่ายามนี้บุตรีเพียงคนเดียวตกอยู่ในอันตราย

พระองค์ชายยอดฟ้าอภัยภูเบศออกไปยังหน้าลานกลางค่าย เสียงกองระดมพลดังขึ้น พลทหารที่พึ่งมาถึงเมื่อครึ่งชั่วยามต่างวิ่งกรูมาเข้าแถวจัดระเบียบในพริบตาด้วยท่าทางฮึกเหิม หากแต่ทันทีที่พระองค์ชายยอดฟ้าอภัยภูเบศประกาศเรื่องที่กบฏลอบบุกตีเมืองสีหราช ในใจของทหารต่างสั่นไหวแลหวั่นวิตก ความห่วงใยคนเบื้องหลังทั้งบิดา มารดา ลูก เมีย บุกโจมตีความรู้สึกของพวกเขาจนระส่ำระสายไม่เป็นสุข

“อีกครึ่งยามข้าจักบุกตีเมืองพิรัช แลทันทีที่ตัดหัวเจ้าเมืองกบฏได้ข้าจักกลับสีหราชไปช่วยลูกเมียของเรากัน หากผู้ใดพร้อมไปกับข้าก็จงลุกขึ้น หากมิพร้อมก็จงรั้งรอกองกำลังเสริมอยู่ที่นี่ข้าจักมิลงโทษอันใด”

ทัพของพระองค์ชายยอดฟ้าอภัยภูเบศนั้นเป็นทัพหน้า มีกำลังเพียงห้าร้อยเท่านั้น ส่วนทัพใหญ่ห้าพันนายนั้นกำลังเคลื่อนออกมาจากหัวเมืองใต้แลน่าจักมาถึงในคืนนี้ ดังนั้นแผนการเดิมจึงวางเอาไว้ว่าจักบุกตีเมืองพิรัชในวันพุก

“เกล้ากระหม่อมจักติดตามพระองค์”

บรรดาทหารต่างโห่ร้องด้วยใจมุ่งมั่น ครานี้พวกเขามิได้เพียงรบเพื่อกอบกู้บ้านเมือง แต่พวกเขารบเพื่อไปกอบกู้ครอบครัวของตน หากแม้นต้องตายในสนามรบครานี้พวกเขาก็หาได้เสียใจไม่ หวังเพียงให้ครอบครัวของตนเบื้องหลังปลอดภัยก็เพียงพอ

ฟากฝั่งเมืองสีหราช ออกพระสิทธินนท์ผู้นำทัพทหารห้าร้อยลอบมาตีเมืองสีหราช หมายปั่นป่วนความรู้สึกของทัพพระองค์ชายยอดฟ้าอภัยภูเบศให้ห่วงหน้าพะวงหลัง

“มึงว่ากระไรนะ”

“ในเมืองมีทหารรักษาเมืองแน่นหนาเวรยามรักษาการณ์มิได้ขาด แลชาวเมืองหาได้หวาดหวั่นอันใดไม่ ยามค่ำทุกครัวเรือนยังจุดคบสว่างไหว”

“มิใช่ว่าในเมืองเหลือทหารรักษาการณ์ไม่ถึงร้อยดอกรึ”

ออกพระสิทธินนท์ขมวดคิ้วเข้ม ตัวเขานำกำลังมาเพียงห้าร้อยด้วยสายข่าวรายงานว่าทหารรักษาการณ์มีไม่ถึงร้อยนาย ดังนั้นกำลังห้าร้อยจึงนับว่ามากเพียงพอแล้ว

“มึงไปสืบให้แน่ชัด”

จอมขวัญยืนอยู่เหนือกำแพงเมือง ผมยาวสลวยถูกรวบม้วนเก็บเอาไว้โพกผ้าพัน ดวงตาเรียวจดจ้องไปยังนอกกำแพงเมือง

“พระชายา”

จอมขวัญหันไปตามเสียงเรียกขาน แม่พิมพาวิ่งขึ้นบันไดมาพร้อมกับทหารอีกสองนาย

“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วรึ”

“เพคะ”

ตะวันลับขอบฟ้าจอมขวัญมองคบเพลิงที่หน้าเมืองแล้วในใจให้รู้สึกกังวล ผ่านมาหนึ่งวันแล้วพวกข้าศึกยังคงมิมีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกสองวันเท่านั้นเธอจักสามารถถ่วงเวลาได้หรือไม่

“ยกหุ่นฟางขึ้นมาเข้าเวรแทนแล้วผลัดกันไปนอน”

เพราะต้องการให้พวกข้าศึกหลงคิดว่าบนกำแพงเมืองนั้นมีการรักษาการเข้มงวด ดังนั้นยามกลางวันจึงจำเป็นต้องใช้คนจริงยืนเฝ้า ทว่าในยามกลางคืนแม่จอมขวัญก็ลอบสับเปลี่ยนลดกำลังคนให้ได้พักผ่อน

“พระชายาเสด็จกลับไปพักที่เรือนก่อนดีหรือไม่เพคะ หาไม่จักทรงประชวรได้หนาเพคะ”

“ในฐานะที่ข้ายืนอยู่ตอนนี้ข้าหาพักได้ไม่”

เพราะยามนี้เธอกลายเป็นศูนย์รวมกำลังใจชาวเมือง ดังนั้นจอมขวัญจึงมิอาจใช้ชีวิตเช่นเคย พิมพามองร่างเล็กบอบบางที่ยืนมั่นคงบนกำแพงเมืองแล้วรู้สึกเคารพในตัวพระนางยิ่งนัก ได้มีวาสนาร่วมรบเคียงพระนางช่างเป็นบุญอันยิ่งใหญ่

ยามย่ำรุ่งดวงตะวันส่องแสง จอมขวัญเพ่งพิศมองไปยังเบื้องหน้าในใจพลันกระตุก ก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเอ่ยสั่งการเสียงนิ่งทั้งที่ในใจหวาดกลัว

“พี่พิมพาลั่นกลองรบ”

พิมพาเบิกตากว้างมองไปยังนอกกำแพงเมือง ข้าศึก...พวกมันบุกเข้ามาแล้วจริงๆ

“ลั่นกองรบ!!!”

เสียงกองศึกดังระรัวส่งสัญญาณเตือนให้ชาวเมืองเตรียมตัวตั้งรับ ทหารบนกำแพงลากปืนใหญ่เข้าประจำที่ มือธนูเตรียมง้างคันศร ขณะที่ชาวเมืองหน้าประตูทิศเหนือหัวใจพลันสั่นกระตุก เสียงกองรบดังลั่นระรัวส่งสัญญาณของการเริ่มสงคราม ทุกคนต่างลุกขึ้นยกมือพนมตั้งจิตสวดมนต์ขออำนาจบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้คนด่านหน้าปลอดภัย ขณะที่หูสองข้างต่างเปิดรับฟังสัญญาณต่อไปของกองศึก

หากได้ยินเสียงกลองตีรัวสามครั้งหยุด สามครั้งหยุด ให้เปิดประตูเมืองทิศเหนือแล้วเร่งหนีไปในทันที รอวันฟ้าใหม่ค่อยหวนคืนถิ่นอีกครา

จอมขวัญมองไปยังเบื้องหน้า รอข้าศึกขึ้นมาประชิดในระยะที่ปืนใหญ่จักยิงถึงก่อนเอ่ยเตรียมยิง

“เตรียมยิง”

“พระชายาเรามีกระสุนเพียงห้านัดเท่านั้น”

เจ้าพระยาสิงหราชพิชัยเอ่ยคัดค้านการขึ้นกระสุน จอมขวัญตวัดสายตาไปยังเจ้าเมือง มือบางกำเข้าหากันแน่น ขบกรามเอ่ยลอดไรฟันด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“จักห้านัดหรือร้อยนัด หากมิยิงก็เท่ากับศูนย์ แต่หากเรายิงออกไป แม้ไม่โดนเป้าหมายอย่างน้อยก็ข่มขวัญข้าศึกได้ ยิงบัดเดี๋ยวนี้!!”

แม่พิมพาพยักหน้ารับคำ ก่อนเอ่ยสั่งการย้ำอีกคำรบ เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นพื้นพิภพ ชาวเมืองกอดกันกลมมิอาจข่มกั้นความหวาดกลัวในใจแลส่งเสียงร่ำไห้ดังระงม ด้วยรู้ดีว่าศึกคราวนี้อย่างไรก็ย่อมต้องสูญเสีย หวังเพียงให้การสูญเสียนี้น้อยที่สุดเท่านั้น

....................................................................................

เขารบกันแล้วววววว

คุณพี่เร่งมาช่วยน้องเร็วววววววว

ในช่วงนี้แม่จอมขวัญจะแสดงสกิลที่ซ่อนเอาไว้แล้วนะเจ้าค่ะ

บอกเลยว่าน้องเทพมาก ไรท์นั่งแต่งอยู่หลายวันทีเดียวกับฉากนี้ของน้อง

ทั่้งนี้เป็นฉากที่ไม่ค่อยถนัดนัก ผิดพลาดประการใดต้องขออภัย

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว