“รู้แล้วน่า นายจะได้ไม่ต้องเล่นช้าเพื่อรอฉันด้วยใช่มั้ยล่ะ”
จูเลี่ยนพูดก่อนจะเดินไปยังจุดวางอาวุธที่เพื่อนของเจย์เดนยืนอยู่ สีหน้าของสุซุบานะ ริคดูเหมือนจะขาดใจตายตอนที่เธอเดินเข้าไปในระยะที่เขากำลังหายใจอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นสายตาไม่พึงประสงค์ของเขาก็หายไปแล้ว ในที่นี้เธอหมายรวมทั้งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่โลมเลียขาของเธอตอนแรก และสายตาหงุดหงิดหลังจากที่ได้ยินเธอพูดว่าการรู้จัก ‘คิงส์’ ไม่น่าสนใจในเวสต์ วินเซิล จูเลี่ยนไม่สนใจว่าเด็กในทรอนฮิลจะอยากเป็นมิตรกับเธอหรือไม่ เธอถือคติเลือกมิตรด้วยตัวเองมาทั้งชีวิต เธอเข็ดกับมิตรที่เข้าหาเธอเพราะผลประโยชน์เต็มที เวลาพักสามนาทีไม่ทำให้ค่า HP กลับมาในโหมดฝึก ถ้าออร์คเป็นมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายของยกสอง เธอต้องเปลี่ยนแผนการสู้
“แกใช้อะไรเป็นบ้าง” เจย์เดนถามเมื่อเห็นจูเลี่ยนยืนพิจารณาอาวุธ
เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธ อาวุธส่วนใหญ่ในนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอใช้เป็น เธอไม่เคยเรียนทั้งฟันดาบและธนูเพราะดีแลนด์บอกว่าไม่จำเป็น ‘มันเป็นกีฬาที่ลูกคนรวยเล่นเอาเท่เท่านั้นแหละ เวลาฉุกเฉินมันไม่มีดาบหรือธนูตกอยู่ที่เท้าให้เธอหรอก เรียนของที่ใช้ได้จริงก็พอ’ ซึ่งก็ถูกของดีแลนด์ แต่คนที่ถูกยิ่งกว่าดีแลนด์มาเสมอคือมาธาร์ ‘คนที่มีอาวุธติดตัวจะทำตัวกร่าง คนกร่างจะเดินเข้าหาปัญหาไม่รู้จักการเดินเลี่ยงปัญหา อย่าถืออาวุธถ้าไม่จำเป็นจูเลี่ยน’ เธอที่โตมากับดีแลนด์และมาร์ธาเรียนรู้จะจัดการปัญหาทางกายภาพด้วยหมัดและเข่า ซึ่งก็ใช้ได้ผลตั้งแต่ปัญหาระดับโรงเรียนมัธยมไปจนถึงโจรจี้ปล้นที่เจอได้ง่ายช่วงทำงานส่งของ ถ้าให้เลือกหนึ่งในของพวกนี้…
“ดาบมั้ย?” เจย์เดนเสนอ
จากการที่คุณเฟล็ตเชอร์สนับสนุนให้หลานสาวของเขาเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวหลายแขนง เจย์เดนคิดว่าบางทีจูเลี่ยนอาจเคยเรียนเคนโดมาบ้าง แต่เด็กสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ เวลาเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ นอกจากเจย์เดนที่คอยเสนออาวุธที่เธอน่าจะพอใช้ได้แล้วก็ยังมีสายตาของเจโรมกับฟินิอัลที่มองมาอย่างสนใจอยู่ด้วย เจโรมแสดงออกถึงความเป็นมิตรอย่างชัดเจนหลังจากเห็นค่ามานาของเธอ ส่วนคุณมัวร์นั้นเธอเดาไม่ถูก จูเลี่ยนไม่มีความตั้งใจจะเล่นเกมนี้ให้ใครประทับใจและรับเธอเข้าทีม เธอมีความตั้งใจเดียวคือเอาชนะเจย์เดนให้ได้
ปัญหาตอนนี้คือ HP ที่มีอยู่หลักพัน ค่าความคงทนของร่างกายเธอน้อยนั่นส่งผลให้ HP ของเธอลดฮวบแม้ว่าจะแค่โดนหนามที่ขามอนสเตอร์เกี่ยวแขน ลองเป็นอย่างนี้เดินสะดุดซากมอนสเตอร์เข้าสักสองสามทีก็มีสิทธิ์ K.O. ก่อนได้เจอออร์ค จูเลี่ยนโคลงหัวไปมา เธอตัดสินใจหยิบของที่น่าจะมีประโยชน์ที่สุดในสถานการณ์นี้ก่อนจะเดินกลับไปยังลานฝึก รอเวลานับถอยหลัง เด็กสาวตั้งสมาธิกับเกมตรงหน้า หมดเวลาตื่นเต้นกับระบบเกม เธอไม่อยากเสี่ยงกับคำขอสองข้อของเจย์เดน คะแนนสกอร์บอร์ดที่ตามอยู่ไม่สำคัญ ตราบใดที่กติกาคือใครฆ่าออร์คได้ก่อนเป็นผู้ชนะ เธอก็ยังมีสิทธิ์
“โล่หรอ?” ฟินิอัลแปลกใจกับตัวเลือกของจูเลี่ยน
เด็กสาวในชุดคอเซ็ทกับกระโปรงจับระบายหลายชั้นยืนถือโล่เหล็กอันใหญ่เกือบเท่าตัว เตรียมเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เธอไม่รู้จัก หลังจากได้เห็นความสร้างสรรค์ในการฆ่ามอนสเตอร์ด้วยมือเปล่าของจูเลี่ยนแล้ว ต้องยอมรับว่าเขาตื่นเต้นที่จะได้เห็นเธอใช้โล่จนอยากให้เวลาที่นับถอยหลังเร็วขึ้นกว่านี้อีกนิด
‘อินเครดิเบิลเฟล็ตเชอร์’ เทอร์รี่ไม่ได้เล่าเรื่องในชั้นเรียนของว่าที่คีย์แมนให้พี่น้องในบ้านฟัง เรื่องที่เขาได้ยินมาน่าสนใจกว่านั้น ‘ครั้งสุดท้ายที่นายหมุนกาชะได้ตัวที่ต้องการทันทีในครั้งแรกคือเมื่อไร? ’ เทอร์รี่ชูพวงกุญแจตุ๊กตากระต่ายผูกโบว์สีฟ้าให้เขาดู พร้อมกับอธิบายว่ามันคือของแถมจากอาหารแบบเซ็ตบ็อกซ์ของร้านฟาสต์ฟู้ดแฟรนไชส์ชื่อดังในย่านมิดทาวน์ ราคาอาหารและของแถมรวมกันไม่ถึงหนึ่งยูนิต วัฒนธรรมการซื้ออาหารคุณภาพต่ำราคาถูกเพื่อเอาของแถมของชาวแลนด์ว่าน่าตกใจแล้ว แต่เทอร์รี่ได้เล่าเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นออกมา
‘ของแถมมีสิบแบบ ทุกชิ้นอยู่ในถุงฟอยด์ทึบคละกันมาจากโรงงาน ส่งไปตามร้านสาขา’ เทอร์รี่ฉลาดที่คิดเหมาเมนูนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสการหยิบได้ตัวที่ต้องการในระบบสุ่มแบบนี้ ‘คุณเฟล็ตเชอร์บอกว่าเธอสามารถหยิบได้ตัวที่ซาโอริต้องการตั้งแต่กล่องแรก’ ในหัวเขาตอนนั้นคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ภาพถ่ายพวกกุญแจคู่ที่เทอร์รี่ถูกแท็กใน SNS เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ได้รับปากในเรื่องเกินกำลัง เทอร์รี่เล่าว่าเขาลองซื้ออีกกล่องโดยบอกว่าจะเอาเจ้ากระต่ายผูกโบว์สีฟ้า ‘พอแกะดูมันก็เป็นกระต่ายตัวนี้’ ไม่มีใครหาคำอธิบายความสามารถของจูเลี่ยนได้ นอกจากจินตนาการหลุดโลกของนาดีนที่บอกว่าจูเลี่ยนอาจมีตาที่ x-ray มองทะลุได้
ทุกการเคลื่อนไหวของไลต์แมนกรุ๊ปเป็นที่สนใจของทุกคนในเขตปกครองพิเศษ คำว่า ‘คีย์แมน’ ที่หลุดออกมาจากปากอลัน เหยียนถูกตีความไปต่าง ๆ นานา แต่ไม่มีใครรู้ความหมายที่แท้จริง แม้กระทั่งคนที่ถูกเรียกว่าคีย์แมนเองก็คงไม่รู้เช่นกัน แต่จากที่ได้เห็นด้วยตาตัวเองวันนี้ก็รู้สึกเหมือนเข้าใจขึ้นมานิดหน่อย ท่าทางมั่นใจตอนที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องพาเข้าเกมก็สามารถคำนวณมานาของเด็กจากเวสต์ วินเซิลได้ ไหนจะความสร้างสรรค์ในการฆ่ามอนสเตอร์ที่แสดงให้เห็น
ในแบทเทิลเกมเจย์เดนได้เปรียบจูเลี่ยนอยู่มาก เจย์เดนเคยล่ามอนสเตอร์ทุกตัวในโหมดฝึกมาหมดแล้ว เขารู้จุดอ่อนจุดแข็งของมอนสเตอร์แต่ละตัวเป็นอย่างดี รู้ลำดับการเกิดของพวกมัน พูดง่าย ๆ ตอนที่เจย์เดนกำลังฆ่ากอบลินอยู่เขาก็น่าจะวางแผนจัดการโกทลิซาร์ดเอาไว้ในหัวแล้ว เจย์เดนไม่ได้ถูกเลือกเป็นกัปตันทีมเพียงเพราะนามสกุลคิงสลีย์ เขาเรียนรู้การใช้อาวุธทุกชิ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นคนแรกในทีมที่สามารถเรียกใช้มานาร่วมกับอาวุธในโหมดฝึกได้ ไม่มีทางที่จูเลี่ยนจะล่าออร์คได้ก่อนเขา ที่จริงไม่มีใครในที่นี้คิดว่าจูเลี่ยนจะอยู่ได้ถึงโกทลิซาร์ดด้วยซ้ำ
“จะฆ่านกลาวาด้วยโล่ได้ยังไง” ริคพึมพำ
“ก็น่าสนใจไม่ใช่รึไง” เจโรมบอกสายตาเป็นประกาย
เวลานับถอยหลังกลายเป็นเลขศูนย์ เสียงของมอนสเตอร์ตัวแรกของราวนด์สองดังไปทั่วลานกว้างก่อนที่ร่างของมันจะปรากฏออกจากจุดสปอว์น จูเลี่ยนนึกนิยมความเล่นใหญ่ของแอนนิเมเตอร์เกมอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการบินควงออกมาจากจุดสปอว์นก่อนจะสะบัดปีกกางออกเต็มความยาว ขนนกที่เหมือนจริงจาก feather dynamic การขยับปีกที่ทำมาอย่างละเอียด รวมถึงของเหลวที่เหมือนลาวาที่ไหลวนตรงส่วนหัวและขาของมันทำให้เจ้า Lava Tyto LV.11 ดูสมบูรณ์แบบและงดงามเกินกว่าจะเป็นมอนสเตอร์ เธอเข้าใจที่เจย์เดนเลือกหยิบธนูแล้ว การล่าตัวอะไรก็ตามที่บินอยู่การใช้ธนูเป็นทางเลือกที่ดี แต่ไม่จำเป็น
ธนูเป็นสิ่งที่คนเขียนโปรแกรมฝึกต้องการให้ผู้เล่นใช้เพื่อโจมตีเป้าเคลื่อนไหวระยะไกล แต่จูเลี่ยนไม่นิยมเดินตามเกมของใคร เพราะความจริงแล้วเจ้าลาวาไทโตไม่ใช่เป้าหมายระยะไกลที่บินได้ มอนสเตอร์ที่ออกมาจากจุดสปอว์นไม่มีตัวไหนที่พุ่งโจมตีสี่คนที่นั่งอยู่ตรงจุดวางอาวุธเลยสักตัว มอนสเตอร์ที่ออกมาจากจุดสปอว์นของเธอก็ไม่เคยหลุดไปโจมตีเจย์เดน (ส่วนมอนสเตอร์ของเจย์เดนไม่หลุดมาทางเธออยู่แล้ว) นั่นเป็นเพราะมอนสเตอร์ทุกตัวถูกกำหนดคู่ต่อสู้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วยังไงล่ะ
ก๊าซซซซซ!!!
เจ้าลาวาไทโตส่งเสียงข่มขวัญขณะที่โฉบลงต่ำ มันโก่งคอขึ้นตรงหน้าเธอก่อนจะพ่นลาวาออกมา จูเลี่ยนตั้งโล่ลงกับพื้นก่อนจะก้มตัวหลบเข้าหลังโล่ โล่ทำหน้าที่ของมันได้ดีทั้งที่มีไอร้อนให้รู้สึกได้แต่ HP ของเธอไม่ลดลงเลย การพ่นลาวาใช้เวลาประมาณสามวินาทีก่อนที่มันจะบินโฉบขึ้นไปอีกรอบ จูเลี่ยนดึงเชือกหลังโล่ที่เอาไว้ใช้มัดโล่เวลาขี่ม้าออกมา เธอก้มลงหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น มือเล็กรีบผูกเงื่อนถ่วงหินไว้ที่ปลายเชือกอย่างรวดเร็ว
จูเลี่ยนรอจังหวะที่ลาวาไทโตจะโฉบลงมาอีกครั้ง เจย์เดนใช้ธนูได้ดี ดูได้จากที่ปีกของเจ้านกสีแดงที่มีธนูปักอยู่ทั้งสองข้าง จูเลี่ยนเผลอมองท่าง้างธนูของเจย์เดนไปครึ่งอึดใจ ก่อนจะได้ยินเสียงประกาศว่าจะโจมตีของเจ้านกลาวามันบินมาประจันหน้าเธอเหมือนครั้งที่แล้วก่อนจะโก่งคอขึ้น จูเลี่ยนหลบเข้าหลังโล่เหมือนครั้งก่อน
…1001 1002 1003…
เมื่อสิ้นสุดการโจมตีจูเลี่ยนไม่รอให้มันได้โฉบขึ้นไป เธอควงเชือกที่มีหินถ่วงสองครั้งก่อนจะเหวี่ยงขึ้นไปยังเป้าหมาย ระยะเมตรครึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะระดับคาวบอย ปลายเชือกถ่วงหินพุ่งอ้อมปีกสีแดงข้างขวาทำมุมวกกลับอ้อมคอของมันมายังปีกซ้าย จูเลี่ยนไม่มีความแม่นยำเท่าคาวบอย แต่เธอแม่นยำในระดับของนักฟิสิกส์ จูเลี่ยนหักข้อมือเบี่ยงมาทางขวาตั้งเส้นเชือกเป็นแกนให้ปลายเชือกที่ผูกหินเอาไว้เหวี่ยงลงมาพัน เมื่อเห็นว่าเชือกพันตัวนกยักษ์ได้เธอก็กระชากมันลงมาทันที
เจ้านกร้องลั่นตามโปรแกรมที่เขียนให้มันตอบสนองด้วยเสียงทุกครั้งที่ถูกโจมตี มันจะยังไม่พ่นลาวาออกมาตอนนี้ เจ้าลาไวไทโตไม่ใช่มอนสเตอร์ที่สามารถคิดเองได้ มันถูกเขียนโปรแกรมมาให้โจมตีเป็นลูป ตราบใดที่ยังไม่ถึงลูปนั้นมันจะไม่พ่นลาวาออกมาเด็ดขาด จูเลี่ยนกระชับมือข้างที่จับปลายเชือกเอาไว้ก่อนจะใช้โล่ฟาดเข้าที่ตัวมันอย่างแรง HP ของมันลดทีเดียวครึ่งหลอด
จูเลี่ยนยกมุมปากขึ้น เป็นไปอย่างที่คิดเจ้าตัวนี้ HP ไม่มากเท่ากับแพะบ้าเลือดก่อนหน้านี้เพราะมันถูกออกแบบมาให้รับการโจมตีจากธนูที่มีดาเมจน้อยกว่าอาวุธอื่น นกของเจย์เดนที่โดนยิงไปแล้วห้าครั้งบินต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเป็นเงื่อนไขประมาณว่า HP ต่ำกว่า 50% ให้บินต่ำและช้าลง เจย์เดนหันมามองเธอที่กดเจ้าตัวโตเอาไว้ด้วยโล่จูเลี่ยนส่งยิ้มให้
“เร่งเกมหน่อยดีมั้ย?”
จูเลี่ยนถามโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เธอยกโล่ฟาดอย่างแรงลงไปที่นกลาวาอีกครั้ง HP ของมันลดฮวบทีเดียวหมดหลอด ที่จริงเธอก็อยากแสดงน้ำใจรอล่าพร้อมเจย์เดนอยู่หรอก แต่ถ้าเธอฟาดช้ากว่านี้อีกวินาทีเดียวมันจะพ้นลาวาใส่เธอเอาน่ะ เจย์เดนยิ้มรับกับท่าทางนั้น ก่อนจะคว้าลูกธนูออกมาสองลูก ชายหนุ่มง้างคันธนูเล็งไปยังเจ้าตัวที่บินร่อนต่ำก่อนจะปล่อยศรทั้งสองออกไปปักอย่างแม่นยำเข้าที่ปีกของมัน ลาวาไทโตบินลงต่ำในระดับคนเอื้อมถึงพร้อมกับการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ตัวต่อไป
เจย์เดนฟาดดาบลงที่ลาวาไทโตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับแขกคนใหม่ ที่คราวนี้ไม่ได้มาตัวเดียว จูเลี่ยนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นว่าตัวอะไรออกมาจากจุดสปอว์น แมลงวันตัวขนาดเท่าฝ่ามือดูไม่น่ามีพิษสงอะไร… หมายถึงถ้ามาตัวเดียวน่ะนะ จูเลี่ยนเม้มปากกลั้นเสียงกรี๊ดและความขยะแขยงเอาไว้ เด็กสาวก้าวถอยหลังไปสองก้าว เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของจูเลี่ยน เด็กสาวหมุนตัวหันหลังก่อนจะวิ่งหนีกลุ่มแมลงเลเวลต่ำหกสิบตัวอย่างไม่คิดชีวิต เสียงหวี่จากปีกของพวกมันแค่ได้ยินก็ขนลุกไปทั้งตัว
เห็นจากหางตาว่าเจย์เดนกำลังตวัดดาบใส่ฝูงมอนสเตอร์เลเวลต่ำอย่างแม่นยำราวกับพวกมันเป็นเป้านิ่ง จูเลี่ยนไม่คิดว่าวิธีนั้นเวิร์ค แค่ต้องเข้าใกล้ก็ไม่ใช่แล้ว จูเลี่ยนหลับตาลงขณะวิ่ง อาศัยความจำเป็นเลิศที่สามารถจำทุกอณูของห้องฝึกนี้ได้ควบคู่ไปกับทักษะของเด็กเสิร์ฟผู้แม่นยำในระยะก้าวและการหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางพาตัวเองหนีกลุ่มแมลงเลเวลต่ำที่กำลังบินไล่ล่าเธออยู่ เธอได้ยินเสียงเฮลิออสกับฟินิอัลพูดบางอย่างขณะที่เธอวิ่งผ่านพวกเขาแต่จับความไม่ได้ เธอจะหนีอย่างเดียวไม่ได้
…ต้องกำจัดพวกมันเท่านั้น…
มอนสเตอร์เลเวลต่ำ จำนวนมาก ระบบต้องการอะไร? สมองของอัจฉริยะจากเวสต์ วินเซิลทำงานอย่างรวดเร็วในภาวะคับขัน ความแม่นยำ? เพราะเจย์เดนฟันพวกมันในครั้งเดียว ไม่ใช่ เพราะลาวาไทโตวัดความแม่นยำไปแล้ว ของจำนวนมากวัดความต่อเนื่องในการโจมตีต่างหาก จูเลี่ยนลืมตาขึ้นเธอพาตัวเองลอดช่องที่เจ้าแพะมีเกล็ดวิ่งชนทะลุไว้เข้ามา เพราะช่องทางเข้าค่อนข้างแคบจึงทำให้พวกแมลงตามมาไม่ได้ง่าย ขาทั้งสองข้างพาเธอไปหลบหลังกองฟางในโรงสีทันที สายตาของจูเลี่ยนกวาดหาของที่น่าจะช่วยเธอได้ก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับบางอย่าง
จูเลี่ยนวิ่งไปคว้าถุงตาข่ายแบบหูรูดขนาดใหญ่ข้างในบรรจุถุงกระสอบเปล่าที่แขวนอยู่มุมหนึ่งของโรงสีมา เสียงตีปีกกับเสียงบินชนกำแพงโรงสีดังอยู่เนือง ๆ จูเลี่ยนรีบเทกระสอบออกจากถุงตาข่าย ก่อนจะกางตาข่ายขนาดใหญ่ออกเกี่ยวมุมข้างหนึ่งเอาไว้กับตะปูที่เสาข้างหนึ่ง ก่อนจะเกี่ยวอีกข้างไว้กับท่อที่ยื่นออกมาอย่างลวก ๆ เด็กสาวถือปลายเชือกปากถุงตาข่ายเอาไว้ในมือ จูเลี่ยนกลั่นใจก่อนจะเตะถังเปล่าที่อยู่ใกล้เท้าไปยังไม้ที่ค้ำประตูโรงสีเอาไว้อย่างแม่นยำ ทันทีที่ไม้ขัดประตูร่วงลงประตูโรงสีก็เปิดออกกว้าง จูเลี่ยนหมอบตัวลงกับพื้นหลับตาปี๋อยู่หน้าตาข่ายเพื่อล่อพวกมันเข้ามา
ตัวของเธอสั่นเมื่อได้ยินเสียงปีกเหล่านั้นกระพือใกล้เข้ามา เด็กสาวที่คู้ตัวอยู่กับพื้น เผลอกลั้นหายใจไม่รู้ตัว จูเลี่ยนเงี่ยหูฟังให้มั่นใจว่าไม่มีตัวไหนกำลังบินเข้ามาอีกแล้ว เธอคลานออกห่างจากระยะที่ถุงตาข่ายอาจตกใส่เธอก่อนจะกระตุกเชือกอย่างแรงเพื่อรวบปากถุงกักฝูงแมลงเอาไว้ในนั้น มือข้างที่ถือเชือกสั่นระริก เสียงปีกที่บินเบียดกันในถุงตาข่ายน่าขนลุกกว่าตอนที่มันบินอย่างอิสระ จูเลี่ยนกึ่งเดินกึ่งคลานออกไปหยิบถังน้ำมันที่อยู่หน้าโรงสีเข้ามา
เธอราดน้ำมันลงบนฝูงแมลงที่กำลังตีปีกอยู่ในตาข่าย ถ้าเป็นแมลงจริงพวกมันน่าจะหยุดตีปีกทันทีที่น้ำมันเปื้อนตัว แต่เพราะมันเป็นมอนสเตอร์ในเกมและน้ำมันไม่ได้ทำดาเมจอะไรกับมันทำให้พวกมันยังคงตีปีกอยู่อย่างนั้น เสียงปีกเสียดสีกันดังอึงอื้อ ทำเอามือที่ราดน้ำมันสั่นจนคุมไม่ได้ ใจของเธอเต้นแรงน้ำตาเริ่มไหลซึมออกมาไม่รู้ตัว เธอรู้ว่าน้ำมันทำดาเมจพวกมันไม่ได้ แต่ไฟจะทำปฏิกิริยากับน้ำมันแน่ จูเลี่ยนวิ่งไปคว้าคบเพลิงที่อยู่ด้านข้างโรงสีมาก่อนจะโยนมันลงไปไม่จำเป็นต้องคิดว่าจะโยนไปตรงไหน แค่ให้ไฟดีเทคเซอร์เฟสของน้ำมันได้ก็พอ ได้ผล! ไฟติดลามไปทั่วทันที
เธอคิดถูกไฟทำดาเมจพวกมันได้ น้ำมันที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับธนูไฟถูกนำมาใช้เผามอนสเตอร์กลุ่มนี้ก่อน ค่า HP ของพวกมันเริ่มลดลงจนเหลือศูนย์ก่อนจะหายไปทีละตัวสองตัว ขาทั้งสองข้างของเด็กสาวสิ้นแรงจูเลี่ยนทรุดตัวลงกับพื้น แขนทั้งสองพยายามพาร่างของเธอตะเกียกตะกายถอยหลัง น้ำตาไหลอาบหน้าไม่รู้ตัว จูเลี่ยนหลับตาลงขณะคลานถอยหลังด้วยไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า แต่ถอยไปได้ไม่ไกลแขนของเธอก็หมดแรงตาม ร่างของเธอร่วงลงปะทะพื้นโรงสี อาการหน้ามืดใจสั่นโจมตีเธอกะทันหัน จูเลี่ยนมุดหน้าลงกับฝ่ามือคู้ตัวเข้าหากัน เสียงฝีเท้าของคนดังแข่งกับเสียงกระพือปีกที่ค่อย ๆ เบาลง
“ยัยโหด!” เสียงหนึ่งเรียกเธอจากหน้าโรงสีก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งเข้ามา
จูเลี่ยนไม่มีสติพอจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ความกลัวกัดกินแรงของเธอไปจนหมด เด็กสาวคู้ตัวซุกใบหน้าเข้ากับฝ่ามือร้องไห้จนไหล่สั่นอยู่กับพื้น หูของเธออื้อราวกับได้ยินเพียงเสียงตีปีกของฝูงแมลงเท่านั้น มือใหญ่แตะที่ไหล่ของเด็กสาวที่ขดตัวอยู่กับพื้นแต่เธอไม่ตอบสนองอะไร เขาพยายามลูบหลังให้เธอสงบลง ริคเงยหน้าขึ้นเห็นเฮลิออสวิ่งผ่านไป เฮลิออสไล่ฟันสมุนของเบลเซบับที่หลุดออกมาจากกองไฟ ลมหายใจของจูเลี่ยนถี่กระชั้นเหมือนจะขาดใจได้ทุกขณะ
“บอกเจโรมปิดระบบตอนนี้เลย ยัยนี่เล่นต่อไม่ได้แล้ว” ริคบอกกับฟินิอัลที่วิ่งตามเข้ามา ฟินิอัลรับคำก่อนจะวิ่งออกไป
“ไม่เป็นไรแล้ว” เขาพึมพำกับร่างที่คู้สั่นอยู่กับพื้นของจูเลี่ยน
มือของเขาเฝ้าเขย่าไหล่ของเธอเบา ๆ ให้เธอมีสติ ริคพยายามสอดมือเข้าไปใต้ตัวเธอเพื่อยกร่างเธอขึ้นมา เขาทำได้ดีที่สุดแค่ประคองให้เธอนั่ง แขนขาที่เคยจับมอนสเตอร์ตัวใหญ่ทุ่มไปมาตอนนี้ดูปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ตัวของเธอสั่นเทา ริคพยายากระซิบปลอบใจขณะสอดแขนเข้าที่ช่วงเอวของเธอเพื่อพยุงร่างเธอขึ้น ขาทั้งสองของจูเลี่ยนหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด
เขากับเฮลิออสสังเกตเห็นความแปลกตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอวิ่งหนีแล้ว สีหน้าของจูเลี่ยนตอนวิ่งหนีเข้าโรงสีไม่ใช่สีหน้าปกติ เจย์เดนคงไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่จัดการกับมอนสเตอร์ของตัวเองอยู่ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ภาพของเด็กสาวตอนกึ่งเดินกึ่งคลานออกมาหยิบถังน้ำมันเริ่มทำให้เขาใจไม่ดี ริคตัดสินใจเดินตามมาดูทันเห็นตอนเธอโยนคบไฟใส่กลุ่มแมลงพอดี พอเธอโยนเสร็จร่างของเธอก็ล้มลงกับพื้นเขาวิ่งเข้าไปทันที เขาเคยเห็นคนที่เป็นแบบนี้มาก่อน อาการกลัวของจูเลี่ยนไม่ใช่ความกลัวทั่วไปแต่เป็นโรคกลัว
เจโรมกับเจย์เดนวิ่งเข้ามา พอกัปตันเห็นสภาพของเด็กสาวก็ทิ้งดาบตัวเองพุ่งตัวเข้ามาทันที ริคส่งร่างของจูเลี่ยนให้กับเจย์เดนอย่างระมัดระวัง มือทั้งสองข้างของเธอยังคงปิดหน้าเอาไว้ เจย์เดนโอบร่างเล็กชิดตัวขาทั้งสองข้างของจูเลี่ยนไม่มีแรง เขากึ่งอุ้มกึ่งกอดเธอเอาไว้ ไหล่เล็กสั่นเทาใบหน้าซุกอยู่ในมือทั้งสองข้าง เสียงสะอื้นทำให้เขายิ่งทำอะไรไม่ถูก
“จูเวล” เสียงของเจย์เดนกระซิบเบา ๆ
“จูเวล ไม่เป็นไรแล้ว เจโรมปิดระบบแล้วไม่เป็นไรแล้วนะ”
เขากดให้หัวของเธอซบเข้าที่อกของเขาเพื่อคลายมือทั้งสองข้างออก ได้ผลเธอละมือออกจากใบหน้ามากำเสื้อของเขาเอาไว้แน่ มือทั้งสองยังคงสั่นจนน่ากลัว เจย์เดนกระซิบปลอบเธอ เขาลูบหลังเธอช้า ๆ โดยที่มืออีกข้างนึงกอดเธอเอาไว้ เจย์เดนไม่เคยเห็นจูเลี่ยนร้องไห้มาก่อน เธอมีเรื่องน่าให้ร้องไห้ตั้งมากมายแต่ก็ยังไม่เคยร้องออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นและเขาแน่ใจว่าเขาไม่อยากเห็นอีก
“ออกเลยมั้ย?” เจโรมถาม เขาพยักหน้ารับ
“จูเวล เดี๋ยวออกจากเกมกันนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” เขากระซิบกับเธอเบา ๆ เจโรมสั่งปิดห้อง
เพียงไม่ถึงอึดใจน้ำหนักของจูเลี่ยนหายไปจากสัมผัสเขา ภาพรอบข้างตกอยู่ในความมืดชั่วขณะก่อนที่จะกลับมาเป็นภาพภายในเครื่องนีโอเพลย์อีกครั้ง เจย์เดนรีบยืนยันการออกจากระบบ ทันทีที่ระบบต้านแรงโน้มถ่วงปิดตัวลงเขารีบพุ่งไปยังประตูเครื่องทันที เด็กหนุ่มรู้สึกว่าทุกวินาทีช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า เขาต้องการจะออกจากเครื่องนี่เดี๋ยวนี้ จนกระทั่งประตูเครื่องเปิดออกเจย์เดนพุ่งตัวออกไปทันที เขาตรงไปยังเครื่องของจูเลี่ยน
ร่างเล็กคู้ตัวลอยอยู่ในเครื่องด้วยระบบต้านแรงโน้มถ่วง เธอไม่มีสติพอจะยืนยันการออกจากระบบด้วยซ้ำ เสียงฝีเท้าคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้นด้านหลังขณะที่เขากดรหัสปลดล็อกเครื่องของจูเลี่ยนจากข้างนอกด้วยความรีบร้อน เสียงของฟินิอัลดังขึ้นด้านหลัง ร่างของจูเลี่ยนร่วงลงกับพื้นเครื่องเป็นสัญญาณว่าระบบต้านแรงโน้มถ่วงหยุดทำงานแล้ว เขารอให้ประตูเปิดออกก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปคว้ามือเธอเอาไว้ จูเลี่ยนลืมตาขึ้นน้ำตาของเธอชื้นไปทั้งใบหน้า มือของจูเลี่ยนคว้ามือของเขาเอาไว้ มือเล็กสั่นเทาจนน่ากลัวเธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่เสียงไม่ออกมา
“พาไปห้องพยาบาลเถอะ” เจโรมแนะนำ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“นั่นสิ เหมือนจะมีคนเจ็บเลย”
“มีคนเจ็บในเครื่องนี้หรอ?”
เสียงผู้เล่นแถวนั้นดังขึ้นก่อนจะเริ่มเดินเข้ามามุง เจย์เดนดึงฮู้ดคลุมหัวจูเลี่ยนเอาไว้ เขายกแขนจูเลี่ยนคล้องคอตัวเองเอาไว้ก่อนจะอุ้มจูเลี่ยนออกมาจากเครื่อง เฮลิออสเดินมาบังร่างเล็กเอาไว้โดยสัญชาตญาณ เสียงซุบซิบรอบตัวเป็นไปในเชิงห่วงความปลอดภัยของตัวเองที่ต้องเข้าไปในเครื่องนี้มากกว่าจะสนใจว่าใครเป็นคนเจ็บ ริคกับฟินิอัลออกปากขอทางกับคนที่มามุง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งจะวิ่งเข้ามาเครื่องแบบที่เหมือนกันทำให้รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของยิม
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้น
“คือเพื่อนผมเข้าไป…” เจโรมเริ่มอธิบาย แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นคนอีกกลุ่มที่กำลังเดินมาเสียก่อน
…แย่แล้ว…
เจโรมขยับตัวไปบังร่างของจูเลี่ยนที่อยู่ในแขนของเจย์เดนทันทีที่เห็นคนกลุ่มนั้น คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกล้องเหมือนกำลังถ่ายทำอะไรสักอย่างอยู่ สองคนในกลุ่มที่เดินตามมาเป็นคนที่สังคมรู้จักดี หนึ่งคนเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคม นักสะสมอัญมณีที่เขาเลี่ยงการพบหน้ามาเนิ่นนาน เจโรมมองเห็นประกายไฟแห่งปัญหา
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เสียงของอลัน เหยียนถามขึ้นอย่างสุภาพพลางสอดสายตาเข้ามาในกลุ่มคน
“เดี๋ยวผมจะถามสต๊าฟให้ครับ” ชายอีกคนตอบ “เครื่องซ้อมไม่ได้ติดตั้งระบบดาเมจไว้นะครับ ไม่มีใครบาดเจ็บจากเครื่องซ้อมได้แน่ แต่เราก็มีเจ้าหน้าที่หมอและพยาบาลวิชาชีพประจำอยู่ที่ศูนย์ซ้อมตลอดเวลาเผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน”
น้ำเสียงโอ้อวดแฝงอยู่ในประโยคปัดปัญหาอย่างแนบเนียน ชายคนนั้นไม่ได้ตอบอลัน เหยียนเขากำลังหันตอบกลุ่มคนถือกล้องที่ตามเขามาต่างหาก มอร์เฟียส เพจดูแก่กว่าภาพในสื่อเล็กน้อย เขาซ่อนสีหน้าหงุดหงิดเอาไว้ใต้ท่าทางมั่นใจได้อย่างแนบเนียน กล้องพวกนั้นไม่ได้หันไปทางอลัน เหยียนหรือเจ้าของนวัตกรรมอย่างมอร์เฟียส เพจ แต่กำลังหันมาทางพวกเขา อะไรจะดีไปกว่าข่าวมีคนบาดเจ็บจากการซ้อมเล่นนีโอฮันเตอร์อีกเล่า
…ยิ่งคนที่บาดเจ็บเป็นว่าที่คีย์แมนแล้วด้วย…
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว