บทที่ 26 เจียงอี้พบคนมีความสามารถ
"นายคิดว่าพวกนายโดนซ้อมฟรี ๆ งั้นเหรอ ถ้าพวกนายบอกแต่แรกว่าจะมาซื้อส่ง คุยกันดี ๆ ก็จบแล้ว ดันทำเหมือนมาปล้นเงินแบบนี้ ไม่ตีนายแล้วจะตีใคร?"
จินเถี่ยสะดุ้งโดยอัตโนมัติ เพราะผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะลงมือหนักหน่วงไปหยก ๆ ปกติเขาได้แต่ปากพล่อยพูดจาเหลวไหลไปวัน ๆ แทบไม่เคยทะเลาะกับใคร ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่สนกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น พอเข้ามาถึงก็ลงมือซ้อมเลย
แต่เมื่อตั้งสติได้และเข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงอี้ จินเถี่ยก็เงยหน้าขึ้นมองเจียงอี้ด้วยความประหลาดใจพร้อมกับถามย้ำทั้งที่หน้ายังบวมอยู่ว่า "เธอพูดจริงเหรอ เธอบอกว่าถ้าคุยกันดี ๆ งั้นก็หมายความว่าเธอจะขายเหลียงผีอะไรนั่นให้กับพวกเราได้งั้นสิ?"
"พี่เถี่ย" น้องชายทั้งสองเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจินเถี่ยที่เกิดจากการล้มลงกับพื้น พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็รีบเข้าไปกอดเขาด้วยความสงสาร ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง
"อย่าร้องไห้ ร้องไห้ทำไม พอพี่เถี่ยฝึกฝนตัวเองจนเก่งแล้ว พี่จะปกป้องพวกนายเอง!" จินเถี่ยรีบปลอบเด็กทั้งสองอย่างตะกุกตะกักด้วยความอ่อนโยนแบบที่ผู้ชายตัวโตอย่างเขาไม่ค่อยได้แสดงออก
ฉินเหรินอี้และน้องสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่รู้สึกซึ้งใจ แม้แต่เจียงอี้ก็ยังรู้สึกประทับใจ
ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าโง่นี่แม้จะทำอะไรบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่กลับมีจิตใจที่กล้าหาญ
"เด็ก ๆ อายุเท่าไหร่กันแล้ว พวกเขาขายของเป็นหรือเปล่า"
เจียงอี้พอเห็นเด็ก ๆ ร้องไห้ก็อดสงสารไม่ได้ จึงขมวดคิ้วแล้วถาม
"นี่ที่บ้านไม่มีผู้ใหญ่แล้วเหรอ? หรืออย่างน้อยก็ให้เด็ก ๆ เป็นเสาหลักของบ้าน ไม่งั้นคงไม่พูดว่าอยากให้พวกเขากินอิ่มหรอก"
แน่นอน จินเถี่ยรีบหันไปพูดว่า
"แน่นอนสิ ทำได้อยู่แล้ว อย่าดูถูกว่าชิงอีอายุแค่ 15 แต่เขาก็ทำได้นะ ที่บ้านทั้งปู่และน้องชายเขาก็ดูแล แถมเขายังขายของกินหน้าโรงงานทอผ้าอีก มีชื่อฉันจินเถี่ยอยู่ตรงนั้น ฉันจะดูซิใครกล้าไล่เขา!"
จินเถี่ยพูดไปพูดมา ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจียงอี้มาขายที่นี่ก่อน เสียงก็เบาลง แต่ก็ยังอดถามไม่ได้ "เอ่อ ชิงอีก็ขายที่นี่ได้ใช่ไหม?"
"ได้สิ!"
ไม่คิดว่าเจียงอี้จะตอบตกลงง่าย ๆ "พวกเขาขายที่นี่ก็ได้ แต่ต้องมาก่อนได้ก่อน วันนี้ขายส่งให้ได้แค่สองร้อยชาม ราคาก็เท่ากันเก้าเฟินต่อชาม ต่อไปถ้าอยากได้เพิ่ม บ่าย ๆ ฉันจะมาอีกรอบ ตอนนั้นอยากได้เท่าไหร่ก็จ่ายเงินจองไว้ล่วงหน้า"
"สองร้อยก็ได้" จินเถี่ยลุกขึ้นยืนทันที ควักเงินในกระเป๋าออกมา "นี่ เอาไป พรุ่งนี้พวกเราจองหนึ่งพันที่!"
"พี่เถี่ย..." เฮ่อชิงอีรีบพูด พี่เถี่ยช่วยพวกเขามามากแล้ว เขาไม่อยากให้พี่เถี่ยต้องจ่ายเงินอีก ในกระเป๋าตอนนี้เขามีเงินไม่ถึงสิบหยวน อยากจะสั่งแค่หนึ่งร้อยที่ก่อน
"นายโง่รึไง? เหลียงผีขายดีขนาดนี้ ตอนนี้ไม่สั่งเผื่อไว้ เดี๋ยวคนอื่นแย่งไปหมดจะทำยังไง? อีกอย่างเงินนี่ฉันก็ไม่ได้ให้นายฟรี ๆ พอนายขายหมดทุนแล้วค่อยเอามาคืนฉันก็ได้แล้ว ไป ๆ เด็กน้อยอย่ากังวลไปเลย ฉันตัดสินใจแล้ว" จินเถี่ยโบกมือ แล้วลูกน้องข้างหลังก็ลากเด็กสองคนไปข้าง ๆ
เจียงอี้ได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ ถ้าเธอไม่รู้ความจริง คงคิดว่าเจ้าคนบื้อนี่กำลังรังแกคนอื่นอยู่จริง ๆ
พี่น้องตระกูลฉินเห็นดังนั้น จึงอยากแบ่งส่วนของตัวเองให้เด็กทั้งสอง แต่ของพวกนี้เป็นของเจียงอี้ พวกเขาจึงพูดอะไรไม่ออก
“ไม่เป็นไร” เจียงอี้ส่ายหน้า “วันนี้ให้พวกเขาลองขายดูก่อนก็ดี”
ก่อนหน้านี้ เจียงอี้แยกเหลียงผีไว้สองร้อยชาม เเต่เดิมตั้งใจจะเอาไปขายที่หน้าโรงงานทอผ้า เธออยากใช้โอกาสนั้นทำความรู้จักกับคนในโรงงาน
โรงงานทอผ้าในเมืองหลวงเป็นโรงงานใหญ่ที่มีชื่อเสียงพอ ๆ กับโรงงานเครื่องจักร ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องสวัสดิการที่ดี แต่สิ่งที่เจียงอี้เล็งเห็นคือผลประโยชน์แอบแฝงที่พนักงานภายในจะได้รับ ในแต่ละปีจะมีการขายสินค้าที่เรียกว่า ‘สินค้ามีตำหนิ’ ให้กับพนักงาน
ผ้าเหล่านี้อาจจะมีแค่รอยเปื้อนเล็กน้อย ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งาน แต่พนักงานสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าต้นทุน แถมไม่ต้องใช้ตั๋วผ้าด้วย
นอกจากนี้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่ได้ใช้ แต่ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตเธออาจจะเปิดร้านเสื้อผ้าหรืออะไรทำนองนั้น พอมีเงินแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเธอจึงต้องสร้างสายสัมพันธ์ไว้ล่วงหน้า
ตอนนี้มีเด็กหนุ่มอย่างจินเถี่ยยื่นมือเข้ามาหาถึงที่ เจียงอี้จะต้องรออยู่เฉย ๆ อีกทำไม
จินเถี่ยยืนขนลุก เขารู้สึกเหมือนถูกเจ้านายหญิงจับตามอง
“ขอบคุณพี่สาวครับ” หลังจากแบ่งของเสร็จ เฮ่อจิงอีก็จับมือพี่ชาย ก่อนจะโค้งขอบคุณเจียงอี้ไม่หยุด “พี่ชายกับพี่เถี่ย บอกว่าการเป็นคนต้องรู้คุณคน พี่สาวมีอะไรให้ผมช่วย ผมทำให้หมดเลยครับ”
เจียงอี้ ลูบหัวเด็กน้อยแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “เธอจะช่วยอะไรฉันได้ล่ะ?”
เฮ่อจิงอีกลอกตาไปมา แล้วเข้าไปกระซิบข้างหูเจียงอี้อย่างภาคภูมิใจ "พี่สาวครับ แม้ผมจะยังเด็ก แต่ผมติดตามพี่เถี่ยตลอด พี่เถี่ยเก่งมาก ใครทะเลาะกับแม่สามี ผู้ชายบ้านไหนแอบมองเมียน้อย พี่เถี่ยรู้หมด ผมก็รู้ทั้งหมดเหมือนกัน"
"เฮ่อจิงอี!"
จินเถี่ยวิ่งเข้าไปปิดปากเฮ่อจิงอี ไอ้เด็กบ้านี่พูดอะไรของมัน ทำเหมือนเขาเป็นยายแก่ว่างงานชอบนินทาชาวบ้านอย่างนั้นแหละ
ถึงแม้... ถึงแม้เขาจะชอบสอดรู้สอดเห็นจริง ๆ ก็เถอะ แต่ไม่อนุญาตให้มีงานอดิเรกบ้างหรือไง?
เจียงอี้ได้ยินแล้วตาเป็นประกาย หันไปมองจินเถี่ย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่เก่งเรื่องสืบข่าวอยู่ตรงนี้
"มานี่สิ" เจียงอี้โบกมือเรียกจินเถี่ย
จินเถี่ยไม่ค่อยอยากยุ่งกับเธอ ผู้หญิงอันธพาลคนนี้ดูแล้วไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง จึงเดินไปหาด้วยสีหน้าบึ้งตึง "มีอะไร?"
"นายมีทัศนคติอะไรแบบนั้น คนเราต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ เข้าใจไหม?" เจียงอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง เตะเขาทันที ใช้คำพูดที่เขาสอนเด็กมาย้อนเขา
จินเถี่ยคงจะเกิดอาการหวาดกลัวเจียงอี้จริง ๆ โดนเตะไปทีเดียว กลับยิ้มประจบขึ้นมาทันที "เอ่อ... พี่สาวมีอะไรสั่งมาได้เลยครับ"
เจียงอี้กระซิบบอกอะไรบางอย่าง เห็นจินเถี่ยขมวดคิ้วจึงเสนอข้อแลกเปลี่ยน "ถ้านายช่วยฉันทำเรื่องนี้สำเร็จ ฉันจะสอนวิชาให้นายสักสองสามอย่าง"
"เหมือนที่คุณทำเมื่อกี้นี้ โยนคนลงพื้นโดยตรงเลยเหรอ?" จินเถี่ยได้ยินแล้วตื่นเต้น
เจียงอี้ถลึงตาใส่เขาทันที พูดอย่างรำคาญว่า "นั่นเรียกว่าท่าทุ่มข้ามไหล่"
"ได้ ได้ จะเรียกอะไรก็ได้ พี่สาวไม่ต้องกังวล รับรองว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย" จินเถี่ยรีบทิ้งท่าทีของลูกชายผู้จัดการโรงงาน หนุ่มใหญ่อายุยี่สิบกว่าสูง 1.8 เมตร ประจบเจียงอี้ราวกับเป็นสมุนคนสนิท
หลังส่งของเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปทำธุระ
เจียงอี้ไปที่โรงงานทอผ้าอีกครั้งในช่วงบ่าย ธุรกิจของพี่น้องฉินเหรินอี้และเฮ่อชิงอีก็ดีมาก
พี่น้องตระกูลฉินขยันและทำงานหนัก ฉินเหรินอี้กับฉินหลิงแยกกันคนละที่ คนหนึ่งเฝ้าอยู่หน้าประตูโรงงานใหญ่ ตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งวันหาโอกาสขายเหลียงผีที่นั่น วันนี้แปดร้อยชามแบ่งกันคนละครึ่ง ตอนเช้าขายไปเกือบหมดในคราวเดียว พอพนักงานเลิกงานตอนเที่ยงผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงก็ขายหมดเกลี้ยง
เฮ่อชิงอีอายุยังน้อย แต่จินเถี่ยและคนอื่น ๆ ที่ว่างงานมักจะแบ่งคนมาช่วยเขาและคอยดูแลสถานการณ์ไปด้วย สองร้อยชามก็ขายหมดในเวลาไม่นาน
ทุกคนเข้าใจว่าเหลียงผีเป็นธุรกิจตามฤดูกาล จึงอยากทำกำไรให้มากในช่วงอากาศร้อน ดังนั้นจึงตกลงกันอย่างรวดเร็วว่า เจียงอี้จะจัดหาเหลียงผีหนึ่งพันที่ให้แต่ละคนทุกเช้าในช่วงนี้ และอีกห้าร้อยที่สำหรับขายตอนเย็นประมาณสี่โมงเย็น
นั่นหมายความว่า เจียงอี้ต้องจัดหาเหลียงผีสามพันที่ต่อวัน พร้อมกับเครื่องเคียงและน้ำปรุงรสที่เข้ากันให้พวกเขา
ขายส่งเหลียงผีหนึ่งพันที่ในราคาเก้าเฟินต่อชาม เจียงอี้ได้เงินเก้าสิบหยวน บวกกับเงินมัดจำสำหรับวันพรุ่งนี้จากสองกลุ่มอีกสองร้อยเจ็ดสิบหยวน และเงินที่เก็บไว้เมื่อวานอีกห้าสิบกว่าหยวน ตอนนี้เจียงอี้มีเงินในมือกว่าสี่ร้อยสิบหยวนแล้ว
แม้หักต้นทุนแล้ว กำไรสุทธิก็ยังมากโขอยู่ดี
“คราวนี้รวยจริง ๆ ด้วย!”
จริงหรือที่คิดว่าเธอเป็นคนมีความสามารถ เธอไม่ใช่ ‘กระต่าย’ ที่ถูก ‘รอให้ผลไม้เน่าหล่นใส่หัว’ หรอกเหรอ?
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว