เงานาง 18+-เจ้ากินเต้าหู้ข้าจนอิ่มไปก่อนแล้ว ทำไมข้าจะกินไม่ได้บ้าง?

โดย  Atthanisa Punyashthira

เงานาง 18+

เจ้ากินเต้าหู้ข้าจนอิ่มไปก่อนแล้ว ทำไมข้าจะกินไม่ได้บ้าง?

สองวันถัดมา วันนัดชี้ชะตา


นีรวาที่มีความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม ก้าวเดินเข้ามาในห้องหนังสือของเฉิงอ๋อง ส่งเสียงเข้ามาก่อนตัวว่า "หม่อมฉันพร้อมรับการทดสอบแล้วเพคะ"


เดินมาหยุดข้างตัวชายหนุ่มที่กำลังเขียนจดหมายสั่งงานกองทัพอยู่บนโต๊ะหนังสือตัวใหญ่กลางห้อง

"มาเร็วดีนี่ขอเวลาอีกครู่ข้าจะเขียนจดหมายฉบับนี้เสร็จแล้ว"


ในระหว่างนั้นนีรวาจึงเดินไปจัดของที่จะนำมาตัดไหมและปิดแผลให้ชายหนุ่มที่โต๊ะด้านข้าง


ขณะที่นีรวากำลังตั้งใจจัดวางของอยู่นั้น ชายหนุ่มวางพู่กัน ลุกขึ้นยืนก้าวเดินเข้าไป ในใจหาโอกาสเอาคืน จึงตั้งใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เอื้อมแขนซ้ายเข้าไปหยิบเครื่องมือชิ้นหนึ่งขึ้นมา


"สิ่งนี้คืออันใด"

ชายหนุ่มหันหน้าทางขวามาถาม

หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ก็หันซ้ายมาอย่างรวดเร็วเพื่อมาตอบเช่นกัน


ตาจ้องตาประสานกัน ลมหายใจอุ่นร้อนร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ริมฝีปากแทบจะสัมผัสกัน หญิงสาวเผยอปากขึ้นน้อยๆ ชายหนุ่มมองเห็นความสับสนความหวั่นไหวในแววตาของหญิงสาวอย่างชัดเจน รู้สึกยินดีอยู่ภายในใจ แล้วจึงเคลื่อนไหวสายตา ไปจ้องมองที่ริมฝีปากอิ่ม


ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ถึงแม้ในใจอยากจะประกบริมฝีปากลงไป แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ และตรองแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา จึงจำใจถอยตัวออกมา ถอนหายใจแผ่วเบา


นีรวากำลังยืนอึ้งเผยอริมฝีปาก คิดขึ้นมาว่า

'Moment เมื่อกี้มันเหมือนหนังเกาหลีที่เคยดูชัดๆ เสียดาย! ไม่มีจูบ'

'แต่! ทำไมเราถึงอยากให้จูบ'

ในใจตื่นตะลึงเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกหวั่นไหวบางเบาที่เริ่มก่อเกิดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัว จากเดิมตั้งใจเพียงแค่กลั่นแกล้งชายหนุ่มตามนิสัยดั้งเดิมที่ไม่คิดอะไร เพราะก็ทำแบบนี้กับเพื่อนชายคนอื่นๆที่ผ่านมาและไม่เคยรู้สึกอะไร แต่ไม่รู้เหตุใดกับชายผู้นี้กลับเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมา


ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวเหม่อลอยจึงเดินเข้าไปใกล้ ชูเครื่องมือชิ้นนั้นขึ้นมาต่อหน้าหญิงสาว

"สิ่งนี้คืออะไร"


หญิงสาวได้สติเหลือบสายตามองมา

"กรรไกรเพคะ"


"ไว้ใช้ทำสิ่งใด"


"ไว้ใช้ตัดสิ่งของต่างๆเพคะ"


"รูปร่างแปลกตา ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน พอจะให้ข้านำไปให้ช่างเหล็กดู ทำขึ้นใหม่สักชิ้นได้หรือไม่"

"ได้สิเพคะ"


"ขอบใจเจ้า"


หญิงสาวเมื่อสงบสติอารมณ์ได้ จึงเดินนำชายหนุ่มเข้าไปใกล้เตียง

"นอนลงไปบนเตียงนะเพคะ หม่อมฉันจะตัดไหมให้"

ชายหนุ่มนอนราบบนเตียงเปิดเสื้อไว้ให้หญิงสาวตัดไหมได้สะดวก


นีรวาทรุดตัวลงนั่งข้างกายชายหนุ่ม อย่างตั้งใจค่อยๆใช้กรรไกร ตัดไหมแผลที่หน้าอก โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีเส้นผมปอยหนึ่งตกลงมาเคลอเคลียอยู่ข้างแก้มเนียนซับสีเลือดฝาดของตน ชายหนุ่มซึ่งมองดูหญิงสาวทุกความเคลื่อนไหวด้วยความตั้งใจอยู่แล้วมองเห็นทันที จึงค่อยๆเอื้อมมือทัดผมที่หล่นลงมาไปที่ใบหูเล็กๆนั้นเบาๆ เพราะเกรงจะรบกวนหญิงสาว นีรวาด้วยความเขินอายยังคงก้มหน้าก้มตา ทำเป็นไม่ทันรู้สึก ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา แต่ใบหูเล็กกลับค่อยๆแดงมากยิ่งขึ้น บ่งบอกความรู้สึกในใจ


ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากบางเบา มีความสุขที่ได้สัมผัสนางแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ


"เรียบร้อยแล้วเพคะ"

นีรวายังคงเขินอายอยู่จึงรีบลุกไปเก็บเครื่องมือที่โต๊ะด้านข้างโดยไม่หันมองชายหนุ่มสักนิดเดียว แต่เมื่อหายขัดเขินหญิงสาวจึงเดินมาใกล้ชายหนุ่มที่ลุกขึ้นกลัดกระดุมเสื้อผ้า และเดินมานั่งที่โต๊ะหนังสือ พร้อมยื่นม้วนไม้ไผ่เก่าๆที่ใช้พนันกันวันนั้นขึ้นมา


"กลอนบทไหนที่จะให้หม่อมฉันอ่านนะเพคะ"

เดินมาใกล้ชะโงกศรีษะอยู่ด้านหลังชายหนุ่มทำให้ตอนพูดลมหายใจไล้อยู่บนใบหูชายหนุ่มบางเบา เฉิงอ๋องยกยิ้มมุมปากมีความสุขในใจที่ได้ใกล้ชิด จึงคว้าตัวหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักตนเอง

"ว้าย!! ทำอะไรเพคะ"

ด้วยความตกใจมือบางทุบไปที่ไหล่ซ้ายของชายหนุ่มสองสามครั้งทันที


"ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ"

ดิ้นขลุกขลักไปมาบนตักแกร่ง ชายหนุ่มจึงส่งเสียงข่มขู่ออกมา

"ถ้าขยับมาก ข้าจะทำมากกว่านี้"

ทั้งคู่หันหน้ามาประสานสายตากัน

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นีรวาผู้ที่ไม่เคยนั่งตักหนุ่มคนไหนเขินอายอย่างแท้จริง


"ข้ายินดีมากที่ทำให้เจ้าหน้าแดงขึ้นมาได้" ชายหนุ่มหัวเราะเต็มเสียงอย่างมีความสุข


"ท่าน!"

มือขวาตบที่แก้มซ้ายชายหนุ่มไม่เบาทันทีด้วยความเขินอาย

'เพี๊ยะ!!'


"ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ ทำไมเงียบไป คิดอะไรอยู่เพคะ"


ชายหนุ่มสะดุ้งอย่างเพิ่งรู้ตัวว่สเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นตนเองจินตนาการไปเองทั้งหมด


ก้มหน้าลงกัดปากด้วยความชั่งใจว่าจะกระทำดังที่จินตนาการไว้ดีหรือไม่ แต่คิดดูอีกทีก็ตระหนักว่าจินตนาการนี้จะเติมเต็มได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ต้องรอให้นางยินยอมใกล้ชิดเข้ามาด้วยตนเองก่อน ตนจะได้ไม่โดนตบหน้าเหมือนในภาพที่คิด ขนาดในฝันกลางวันยังเหมือนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดจริงๆ

ดังนั้นเมื่อฉุกคิดทบทวนดีแล้วจึงตัดสินใจว่าไม่ควรกระทำ


"อ่านกลอนบทนี้" ชายหนุ่มยื่นม้วนไม้ไผ่และชี้นิ้วให้ดูบทกลอนที่จะให้อ่าน

"เจ้าค่อยๆนั่งอ่านบนที่นั่งของข้าสิ ข้าให้เวลาเจ้าเต็มที่"


"ขอบพระทัยเพคะ"

นีรวานั่งลง หยิบพู่กันด้วยมือขวา เริ่มเขียนลงบนกระดาษด้วยท่วงท่าสง่างามถูกต้องตามแบบแผนของการจับพู่กันอย่างถูกวิธีสำหรับบัณฑิต แล้วจึงค่อยๆนิ่งคิด ค่อยๆอ่านเขียนแปลไปทีละคำ


ชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวสามารถจับพู่กันได้อย่างถูกต้องงดงามตามแบบแผน ดวงตาจึงเป็นประกายด้วยความชื่นชมว่านางใช้เวลาเพียงสามวันก็สามารถมีท่าทางการจับพู่กันที่ถูกต้องสง่างามกว่าบัณฑิตบางคนที่เรียนอักษรมานานหลายปี


นีรวาเนื่องจากยังเขียนไม่คล่องนักจึงเขียนแปลเป็นคำภาษาไทย

ชายหนุ่มพิจารณาอักษรแปลกตาที่หญิงสาวเขียนด้วยความประหลาดใจ

"เจ้าเขียนอะไรลงไปหรือ ดูวิธีการเขียนแปลกตา เขียนสลับกลับซ้ายเป็นขวากับการเขียนของข้า"


"ภาษาบ้านเกิดของหม่อมฉันเพคะ"

ปากตอบออกไปแต่ก็ยังหมกมุ่น มีสมาธิกับการแกะข้อความแต่ละอักษร


เมื่อแปลเสร็จครบทุกคำจนรู้สึกโล่งใจ จึงค่อยมานั่งพิจารณานัยยะของกลอนบทนี้สักครู่ เมื่อคิดว่าตนเองเข้าใจลึกซึ้งแล้วจึงยกยิ้มที่มุมปาก หันมาอ่านและแปลความหมายให้ชายหนุ่มฟัง



"...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า 'ไม่'

หล่อนมีความหมายว่า 'อาจจะ'...


...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า 'อาจจะ'

หล่อนมีความหมายว่า 'ใช่' หรือ 'ได้'...


...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า 'ใช่' หรือ 'ได้'

หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี..." 1



"บทกลอนข้างต้น น่าจะมีนัยยะว่า สตรีมักใจไม่ตรงกับคำพูด หรือเพคะ หญิงสาวค่อยๆวิเคราะห์ตอบชายหนุ่ม


ชายหนุ่มชมขึ้นว่า "ตีความได้ดี แต่นัยยะของบทกลอนนี้ที่แท้จริงก็คือ สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่ายๆ "


"เจ้าอ่านได้ถูกต้องทั้งหมดทำได้ดีมาก ถึงแม้จะตีความได้ไม่ถูกต้องแต่ก็ใกล้เคียง การใช้เวลาเพียงสามวันกลับทำได้ถึงเพียงนี้ ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่นอย่างแท้จริง" ชายหนุ่มมอบรอยยิ้มให้ด้วยสายตาชื่นชมจากใจจริง


"ถ้าเช่นนั้นที่พนันกันก็ต่างแพ้ต่างชนะกันคนละกึ่งหนึ่ง ข้าที่เป็นบุรุษให้เจ้าเลือกก่อนว่าต้องการให้ข้าทำเช่นไรให้แก่เจ้า"


"หม่อมฉันเลือกออกจากจวนไปท่องเที่ยวเพคะ"


"ข้ารับปากเจ้า เพียงแต่บางสถานที่ ข้ามิอาจพาเจ้าไปได้ หากไม่เหมาะสมกับหญิงสาวที่ยังมิได้ออกเรือน" ชายหนุ่มพูดดักคอเอาไว้ด้วยนึกรู้ว่าหญิงสาวอาจคิดแผลงๆอยากไปที่ๆไม่เหมาะสม


นิรวาในใจลอบคิดว่า 'ว่าแล้วว่าเขาคงไม่พาเราไปที่ที่เราอยากไป ที่ที่ทุกคนก็รู้ว่าที่ไหน ที่ที่หญิงสาวดีๆเค้าไม่ไปกัน เสียดาย เสียดาย เสียดาย แต่...ไม่เป็นไร ถ้าเมื่อไหร่เราช่ำชองพื้นที่แถบนี้ แอบออกไปเอง ปลอมตัวเป็นชาย ไปผจญภัยเหมือนนางเอกในนิยายกำลังภายในก็ได้ ฮึฮึฮึ' นีรวาเริ่มวางแผนการร้ายในใจ


"ส่วนข้าขอเลือกให้เจ้าปรนนิบัติข้าทุกสิ่งที่ต้องการเป็นเวลาหนึ่งเดือน"


"ทุกสิ่งที่ต้องการ นี่ต้องการแค่ไหนเพคะ ต้อง..เป็น..สาวใช้..อุ่นเตียง..ให้ด้วย..หรือไม่เพคะ...."

พูดลากยาวยานคางด้วยน้ำเสียงกึ่งยั่วยวน ด้วยนึกรู้ว่าชายหนุ่มเป็นสุภาพบุรุษที่จะไม่มีทางบัญชาเช่นนั้น


ฟังคำพูดนี้ของหญิงสาว เฉิงอ๋องกลับเผลอจินตนาการภาพขึ้นมา ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำขึ้นมาทันที


นีรวาจับสังเกตได้

"กำลังคิดอะไรลามกอยู่..หรือ..เพคะ..หน้าแด๊งแดง"


ชายหนุ่มทำสีหน้าเคร่งขรึม ดูจริงจังกับคำตอบที่กล่าวตอบอย่างยิ่ง

"วันนี้อากาศร้อน ข้าเป็นคนหน้าแดงง่ายเช่นนี้อยู่แล้ว"


นีรวาแอบขำในใจในข้ออ้างที่ไม่คาดว่าชายหนุ่มจะคิดออกมาได้ "เพคะ..อากาศร่อน..ร้อน" ก่อนจะเห็นชายหนุ่มหน้าแดงมากไม่อยากเอ่ยเย้าอีกจึงเปลี่ยนเรื่องพูด


"ถือว่าตกลงกันหมดแล้วนะเพคะ วันนี้หม่อมฉันขอรับรางวัลครั้งแรกเลยได้หรือไม่ ถึงเช่นไรหม่อมฉันพิศดูแล้วว่าท่านก็ดูว่าง ท่านพาหม่อมฉันไปเที่ยวนอกจวนได้หรือไม่เพคะ"


"ได้ ข้าเขียนตอบจดหมายของกองทัพที่คั่งค้างมาหลายวันหมดสิ้นแล้ว ด้วยข้ารู้ว่าเช่นไรเจ้าก็ต้องชนะพนันจึงจัดการงานของตนรอเจ้าไว้ก่อนแล้ว"


"อุ๊ย! น่ารักจริงๆผู้ชายคนนี้" ยื่นมือขวาไปบีบแก้มชายหนุ่มเบาๆ


"เหตุใดจึงชอบบีบแก้มข้านัก" ชายหนุ่มส่งเสียงอ่อนใจ ก่อนยื่นมือขวาเข้าใกล้ใช้นิ้วโป้งลูบไล้ใบหูหญิงสาวหยอกเย้าไปมาแผ่วเบา

"แต่..ข้ากลับชอบใบหูเล็กๆน่ารักข้างนี้ของเจ้า"



หญิงสาวสะดุ้งตกใจไม่คาดว่าชายหนุ่มจะกล้า


"ฮึฮึฮึ จุดอ่อนก็คือจุดอ่อน เจ้าว่าจริงหรือไม่" ก้มศรีษะกระซิบชิดริมหูหญิงสาว จนหญิงสาวเริ่มทำสีหน้าไม่สบอารมณ์


"แล้วเจ้าอยากให้ข้าพาเจ้าไปที่ใด" ชายหนุ่มต้องรีบพูดเบี่ยงเบนประเด็นก่อนที่หญิงสาวจะโกรธ


นีรวาฟังคำพูดนี้ก็อารมณ์ดีขึ้น ยิ้มแย้มออกมาได้ ดวงตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความคาดหวังสดใสดังฤดูใบไม้ผลิ เป็นแววตาที่ชายหนุ่มเริ่มลุ่มหลงตกหลุมลึกลงไปเรื่อยๆ แววตาที่ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าหากได้มองแววตาเช่นนี้ไปทุกวันจนชั่วชีวิต ชีวิตจะเปี่ยมสุขเหมือนเจ้าของแววตามากมายเพียงไหน


"อยากไปโรงเตี๊ยมที่ขึ้นชื่อที่สุด มีอาหารรสเลิศที่สุดในเมืองนี้เพคะ"


ชายหนุ่มยกยิ้มให้พาก้าวเดินออกไปด้วยกัน "ได้..เช่นนั้นไปโรงเตี๊ยม 'เฟิ่งหลง' กัน"


ทั้งสองเดินเคียงคู่กัน เงาสองสายซ้อนทับดังเป็นคนคนเดียวกัน ก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนจะก้าวไปด้วยกันเช่นนี้ตลอดชีวิต


ด้านหลังฮวาเอ๋อร์กับปิงเอ๋อร์กำลังก้าวตามมา แต่ฮวาเอ๋อร์ฉุกนึกขึ้นได้ จึงคว้าแขนปิงเอ๋อร์ แล้วพูดกระซิบเบาๆว่า

"ปิงเอ๋อร์ เหล่าเฉิงหวางเฟยเคยกำชับให้พวกเราหาโอกาสให้นายหญิงกับท่านอ๋องอยู่กันสองต่อสองให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นปิงเอ๋อร์ เราสองไม่ควรตามไป"

ทั้งสองจึงเดินหลบออกมาอย่างเงียบเชียบจนชายหนุ่มหญิงสาวด้านหน้าไม่ทันสังเกตเห็น


เชิงอรรถ

1."...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า 'ไม่' หล่อนมีความหมายว่า 'อาจจะ'...


...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า 'อาจจะ' หล่อนมีความหมายว่า 'ใช่' หรือ 'ได้'...


...เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า 'ใช่' หรือ 'ได้' หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี..."


เป็นบทกลอนที่ขงเบ้งเขียนขึ้นไว้สอนสตรีว่า สตรีที่ดี หรือ สุภาพสตรี จะไม่ตอบรับใครง่ายๆ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว