ไอสวรรค์ตั้งคำถามและเสียงเล็ก ๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลื่อนสายตาคมกริบนั้นไปจับจ้องที่ร่างของเด็กหญิงตัวน้อย
“ใช่ค่ะ...เขาเป็น...เพื่อนมี๊”
“สวัสดีหนูน้อย...หนูชื่ออะไรนะ?”
ร่างสูงก้าวเข้าไปหาคนทั้งสอง มันทำให้มนัสวียิ่งประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อเห็นสายตาของเฮเดนที่กำลังจ้องมองลูกสาว ไอสวรรค์ยิ้มให้ด้วยไม่เดียงสา เด็กน้อยดึงมือจากการเกาะกุมของมารดาแล้วยกมือพุ่มไหว้พร้อมย่อเข่าลง
“สวัสดีค่ะ...คุณลุง”
เฮเดนเลิกคิ้วสูง ชั่วขณะของความคิดเขารู้สึกราวกับว่านี่คือ...ความประทับใจแรกเห็น กับเด็กหญิงผิวขาวและผมสีน้ำตาลประกายทองสว่างซึ่งมันเป็นสิ่งบ่งบอกชาติพันธุ์ว่าหนูน้อยไม่ได้มีเลือดเอเชียร้อยเปอร์เซ็นต์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลทองสะท้อนในแววตาสีอำพันล้ำลึกที่หม่นแสงลงเมื่อหนูน้อยแนะนำตัว
“หนูไอซ์ค่ะ”
“ไอซ์...”
“ไอสวรรค์ค่ะ...ลูกสาวของฉันเอง แกพึ่งอายุสี่ขวบ”
มนัสวีตอบและแตะบ่าลูกสาวที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับบุรุษผู้ซึ่งในที่นี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถมองผ่านม่านกระจกแห่งความเป็นจริงที่ว่า...เขาคือผู้ถ่ายทอดจิตวิญญาณบริสุทธิ์ดวงนี้ที่เกิดจากตัวเธอ ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อเหลาที่คลี่เป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ราบเรียบลงก่อนที่เขาจะกล่าวว่า
“ไม่กี่ปีคุณมีลูกโตขนาดนี้แล้วหรือ”
“แกยังเล็กค่ะ” เธอค้านเขาและมือเริ่มสั่น “แกยังเล็กมาก ๆ ...แกไม่รู้เรื่องอะไร”
เฮเดนเลิกคิ้วพร้อมยักไหล่ “เหรอ...แล้วพ่อของเด็กล่ะ”
มนัสวีเงียบไปและในช่วงขณะนั้นเธอก็เห็นชายหนุ่มตรงหน้าขบกรามเบา ๆ หญิงสาวฝืนใจตอบกลับ
“เขาอยู่ต่างประเทศ”
“หรือว่าเขาไม่อยู่แล้ว”
“ปีปี๊ไม่กลับบ้าน...นานแล้วคะ”
ไอสวรรค์ตอบแทนและยิ้มให้ ท่าทางหนูน้อยไม่กลัวใครและสนิทคนง่ายแต่คำตอบนั้นเหมือนจุดเพลิงโหมไหม้ในหัวใจของคนฟัง หากเขาก็ยังยิ้มให้และถามว่า
“พ่อไม่กลับนานแล้วเหรอ แล้วหนูไอซ์อยู่กับใคร”
“อยู่กับมีมี๊ค่ะ”
“โอเคจ้ะ หนูไอซ์...” ชายหนุ่มย่อตัวลงและดึงมือเล็ก ๆ มาจับไว้ “เรียกลุงว่า ลุงเฮเดนนะ”
“ลุงเฮเดน”
“น่ารักมาก...เอ้อ...ถ้าลุงจะขอเวลาหนูไอซ์คุยธุระกับมีมี๊ของหนูสักหน่อย หนูไอซ์จะว่าอะไรมั้ย”
เฮเดนตั้งคำถามและไอสวรรค์เงยหน้ามองมารดาก่อนหันกลับมายังเขา
“นานไหมคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “อาจไม่นาน”
“โอเคค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นลุงเฮเดนจะให้ลุงเจอร์ราดพาหนูไปที่ห้องนั่งเล่น...ชอบดูการ์ตูนมั้ย”
“ชอบค่ะ...หนูไอซ์ชอบดูสติ๊ชท์”
“ไม่นานหรอกนะจ๊ะลูก”
มนัสวีรีบบอกลูกสาวที่แสดงความตื่นเต้นออกมาเมื่อได้ยินว่ามีการ์ตูนที่หนูน้อยชอบดู เฮเดนเงยหน้ามองร่างบอบบางที่ก็มองเขาด้วยแววตาหวั่นหวาด ชายหนุ่มเลิกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหยันก่อนลุกขึ้นยืนและออกคำสั่งเรียกคนของเขาเข้ามา
“เจอร์ราด”
“ครับ...คุณเฮเดน”
ชายร่างใหญ่ที่ไปรับมนัสวีกับไอสวรรค์ก้าวเข้ามาเพื่อรับคำบัญชาอันเยือกเย็นของเจ้านาย
“พาหนูไอซ์ไปที่ห้องนั่งเล่น...เธอชอบดูการ์ตูนเรื่องสติ๊ชท์”
“ครับ”
เจอร์ราดทำตามคำสั่งด้วยการจูงมือไอสวรรค์ออกไปข้างนอกโดยมีสายตาหวั่นระแวงของมนัสวีมองตาม หญิงสาวแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอที่แห้งผากเหมือนทะเลทราย เธอแทบไม่กล้าสบสายตาสีอำพันทรงอำนาจคู่นั้นที่จ้องมองเธอไม่วางด้วยซ้ำกระทั่งเขากล่าวขึ้น
“ไปเยี่ยมพี่ชายของคุณมาแล้วหรือ วีนัส?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ยังฟังดูเยียบเย็นทว่ามนัสวีก็รู้สึกตระหนกต่อสิ่งที่เขารู้ เฮเดนรู้ว่าเธอทำอะไรมาก่อนหน้านี้ มันทำให้หญิงสาวหายใจไม่คล่องและรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่รอบตัว มันเป็นความอึดอัดในบรรยากาศที่บีบคั้นตัวเธอ
“คุณรู้”
“ผมรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ!”
เฮเดนคำรามลั่น เขาเปลี่ยนตัวเองจากสุภาพบุรุษผู้เยือกเย็นเป็นจอมซาตานภายในชั่วเสี้ยววินาที และยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรก็ถูกกระชากแขนตามเขาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งก่อนประตูจะถูกปิดลงเสียงดัง
“เฮเดน...คุณจะทำอะไร!”
มนัสวีร้องลั่นเมื่อไหล่ทั้งสองถูกบีบไว้แน่นและร่างบอบบางถูกดึงเข้าไปหาอกกว้างพร้อมกับที่ใบหน้าคร้ามคมซึ่งเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัดก้มลงมา
“ก็จะสะสางเรื่องที่มันค้างคาใจทั้งหมดไง วีนัส!”
เสียงเหี้ยมเกรียมลอดไรฟันนั้นทำให้ร่างเล็กสั่นด้วยความหวั่นกลัว เธอเห็นนัยน์ตาของเฮเดนข้นคลั่ก ความโกรธแค้นกำลังปะทุเหมือนระเบิดลูกใหญ่
“เฮเดน!...อย่าค่ะ!”
เสียงกรีดร้องลั่นไม่ได้ทำให้เขาหยุดความบ้าระห่ำลงได้ ร่างแน่งน้อยถูกกระชากตามไปก่อนที่เขาจะดันตัวเธอลงไปนอนจมบนโซฟา
“เฮเดน”
“หยุดดิ้นแล้วฟังผม!”
เขาบัญชาเสียงเด็ดขาดขณะกดเธอไว้ใต้ร่าง มนัสวีพยายามดิ้นแต่กลับถูกกดข้อมือทั้งสองไว้ หญิงสาวแอ่นตัวขึ้นหวังจะให้พ้นจากการข่มเหงของผู้ชายที่ตัวโตกว่ามากจนกระดุมหลุดทำให้สาบเสื้อตัวสวยแยกออกจากกัน มนัสวีหวาดกลัวจนปากสั่นระริก
“คุณจะทำอะไร...ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ”
“กลัวด้วยเหรอวีนัส...ถ้าคุณกลัวทำไมถึงกล้ามาเยี่ยมพี่ชายคุณถึงที่นี่ ผมว่าคุณไม่กลัวอะไรเลยกระมัง ไม่อย่างนั้นคงไม่หนีไปอยู่ที่แฟร์แบงค์พร้อมกับเงินที่ไอ้มาร์คมันโอนเข้าบัญชีของคุณเมื่อห้าปีที่แล้วนั่นหรอก”
“ฉันไม่รู้เรื่องนั้นนะคะ ไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว”
ชายหนุ่มหรี่นัยน์ตาฉายแววที่ยังเจ็บแค้น “ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันเอาเงินไปไว้ที่ไหน เส้นทางการเงินของไอ้เพื่อนสารเลวซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกต ร้อยห้าสิบล้านดอลล่าห์ที่มันสารภาพกับตำรวจเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่มันเก็บไว้ในบัญชีของตัวเองและยังไม่นับรวมที่มันถ่ายโอนออกนอกประเทศ ผมพยายามสืบเสาะหาว่าเงินส่วนที่เหลืออยู่ที่ไหนอีกบ้าง แล้วผมก็มารู้ทีหลังว่ายังมีเงินอีกจำนวนหนึ่งที่มันยักยอกเอาไว้เป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว และเงินนั่นก็ไม่ได้อยู่ที่ใครเพราะมันถูกโอนเข้าไปอยู่ในบัญชีน้องสาวของมัน!”