เมื่อเช้านี้โลกของมัสลินยังสดใสสวยงาม เธอเดินทางมาทำงานตามปกติ กำลังจะเข้าไปรายงานเจ้านาย ถึงการเตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในสายวันนี้
ทว่าในห้องนั้นกลับมีแขกคนสำคัญ
ประตูห้องปิด แต่ผนังกระจกใสมองเห็นข้างในโดยตลอด
เห็นเพียงร่างสูงใหญ่นั่งหันหลัง กำลังพูดคุยกับวสุ เจ้านายสายตรงของเธอ ท่าทางของวสุแลดูสำรวมระมัดระวังมากกว่าปกติ
ไม่นาน แขก คนนั้นก็ลุกขึ้นยืน
ร่างใหญ่หน้าในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม แผ่นหลังของเขากว้างแทบจะบดบังวิวด้านหลัง แค่ยืนเฉยๆ ก็ยังแผ่รัศมีกดดันออกมา
ในวินาทีนั้นเขาก็หันหน้ากลับมา โลกอันสดสวยโสภาของมัสลิน พังภินทร์ลง
‘คุณ...’ ร่างเล็กข้างผนัง มือไม้สั่น แข้งขาเหมือนจะอ่อนเปลี้ยลงเฉยๆ
เป็นเขา จดจำได้แต่แรกเห็น
ยากเย็นที่จะลบเลือน
สองมือกำแฟ้มเอกสารแน่นเข้า รีบหันหนีเมื่อคนทั้งสองในห้อง กำลังจะเดินออกมา มัสลินหลบเข้าไปซ่อนตัวในห้องแพนทีน
‘มายด์ เป็นอะไรทำไมหน้าซีดจัง’ มยุราเพื่อนสาวร่วมแผนกเอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย
‘เขา...คนในห้องทำงานของคุณวสุเป็นใคร’
‘คุณเจตน์ไง เจตน์ เจษฎาวิสุทธิ นี่เธอไม่รู้จักท่านรองฯ อย่างนั้นเหรอ’
มัสลินได้ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
เจตน์...
เธอได้ยินชื่อนั้นตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่เคยพบหน้า
‘เขาไม่ชอบออกหน้าออกตาซักเท่าไหร่’
ไม่มีแม้แต่รูปบนเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งที่ดำรงตำแหน่งหนึ่งใน รองประธานกรรมการบริหาร ทุกคนต่างพูดถึงเขาด้วยความเกรงใจ
แทบไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อออกมาตรงๆ
ทำไมต้องเป็นเขา
ในโลกนี้มีคนตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นเขา!
มัสลินเม้มริมฝีปากแน่นเข้า ขยับแว่นกรอบหนาให้เข้าที่ จัดแสงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งและกระโปรงยาวแค่เข่าให้เรียบร้อย เรียกสติของตัวเองกลับมา ก่อนไปสมทบกับพนักงานคนอื่น
กึก กึก กึก
ส้นรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนที่เหยียบย่าง ทุกตารางนิ้วของชั้นยี่สิบห้า หรูหราโอ่อ่า มัสลินรู้สึกผิดที่ผิดทาง ช่องท้องของเธอว่างโหว่ง
คิดกังวลทั้งเรื่องงาน
และเรื่องของคนคนนั้น
เธอเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานในแผนก Business Development ได้ไม่ถึงเดือน เพิ่งมีส่วนร่วมในการจัดงานสำคัญครั้งแรก
‘เป็นงานใหญ่อยู่เหมือนกัน’
คนในแผนกซุบซิบ…
ไม่ใช่เพราะผู้คนมาก แต่เพราะมีนักข่าวมากหน้าหลายสำนัก มาปักหลักรอทำข่าว ทุกสิ่งอย่างที่พวกเขาได้รับกลับไป ‘บอกต่อ’ ต้องสมบูรณ์แบบ
‘อย่าให้ใครมาว่าเอาได้ ให้เสียชื่อฉันล่ะ’
วสุกำชับตลอดเวลา
เธอเป็นหนึ่งในทีมที่ต้องตระเตรียมอาหารการกินต้อนรับ เป็นคนทำงานอยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างต้องพร้อมพรั่งก่อนที่แขกจะมา
ภายในห้องประชุมตกแต่งอย่างเรียงง่ายแต่หรูหรา กำแพงหินอ่อนตระการตา บ่งบอกถึงบารมี และความเก่าแก่ที่มีช้านาน
‘เจษฎาวิสุทธิ เป็นตระกูลเก่าแก่ สืบทอดมาไม่รู้กี่ชั่วคน’
พนักงานทุกคนที่ก้าวผ่านประตูบริษัทเข้ามา ย่อมต้องรู้ ความเป็นมา ของอาณาจักรแห่งนี้ ต้นตระกูลสืบเชื้อสายมาจากขุนนางเก่า รากเหง้าย้อนกลับไปนับร้อยปี สาแหรกที่แตกออกไปล้วนมั่งคั่งร่่ำรวย
“โอ๊ยมาซักที นี่นักข่าวเริ่มมาแล้วนะ ของว่างพร้อมหรือยังจ๊ะ” มยุราเร่งเร้า แม้พูดคุยกันถูกคอ แต่ยามทำงานล้วนต้องจริงจัง
“เดี๋ยวแม่คุณพ่อคุณทูนหัวทั้งหลายก็จะเสด็จลงมา...” หล่อนหมายถึงบรรดาผู้บริหาร ที่ต่างลงมานั่งสังเกตการณ์งานแถลงข่าวสัญญาร่วมทุนกับบริษัทข้ามชาติใหญ่ยักษ์
“แล้วท่านรองฯ จะมาร่วมงานด้วยมั้ยคะ”
“คุณเจตน์ไม่ลงมาสุงสิงกับพนักงานชั้นล่างอย่างพวกเราหรอก เขาจะลงจากที่ประทับ ก็ต่อเมื่อมีงานสำคัญ งานนี้ก็สำคัญนะ แต่ก็ยังไม่มากพอ..."
ที่ประทับ คือ ชั้นสูงสุดของตึก ที่เธอเคยเพียงแค่แหงนหน้าขึ้นมอง ชั้นของผู้บริหาร
"อีกอย่างเขาเกลียดนักข่าวยิ่งกว่าอะไร" ถ้อยคำที่ได้ฟังทำเธอใจชื้นขึ้นบ้าง
“มายด์จะรีบไปดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะพี่ยุ”
ร่างเล็กรับคำ ก้มหน้าก้มตา หันไปจดจ่ออยู่หน้าที่ พร่ำบอกตัวเองในใจเป็นร้อยๆ ครั้ง
เขาไม่ลงมาสุงสิงกับพนักงานชั้นล่าง
วันนี้ที่เห็นเขาในห้องทำงานของวสุก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ
ไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องเจอะเจอกับเขา บริษัทใหญ่โตมโหราฬ เธอมีโอกาสที่จะหลบเลี่ยงมากมาย
เธอเพิ่งได้ทำงานที่นี่ ได้ตำแหน่งที่ดี เป็นงานที่มั่นคง เธอปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้! มัสลินตัดเรื่องส่วนตัวออกไป ตั้งใจทำงาน….
กว่าจะได้พัก...
ก็ตอนที่งานแถลงข่าวเริ่มต้น เธอแอบมายืนหลบมุมดื่มน้ำ กินขนมอยู่ที่ห้องเล็กด้านหลัง มันเชื่อมกับโถงทางเดินและห้องประชุม ตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้กินอะไร
ประตูอีกด้านหนึ่งเปิดออก
ร่างสูงใหญ่ในสูทสีน้ำเงินเข้มแลดูคุ้นตาก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ มัสลินรีบถอยหลบเข้าไปยืนข้างตู้โชว์
เป็นเขา…
เขาเข้ามาในห้องนี้ทำไม
เจตน์ยืนกอดออก มองผ่านช่องประตูที่แง้มไว้ออกไปยังเวทีแถลงข่าวด้านนอก เสียงพูดดังลอดเข้ามา แต่มัสลินไม่มีกะจิตกะใจจะฟัง
สองตามองไปยังผู้ชายคนนั้นอย่างห้ามไม่ได้
เธอรู้ว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง
ทว่าใต้แสงสว่างเรืองรองในห้องนี้ แค่เสี้ยวหน้าด้านข้างยังดูสง่างาม เยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์ คิ้วเข้ม รับกับจมูกโด่งตรง และริมฝีปากอิ่มเต็มที่ปราศจากรอยยิ้ม เขาเหมือนพระราชาผู้เป็นใหญ่กำลังฟังขุนนางพิพากษาโทษ
รอเวลาชี้เป็นชี้ตายใครสักคนในห้องโถงแห่งนั้น
ปลายนิ้วเรียวยาวเคาะเบาๆ อยู่บนต้นแขนล่ำสัน ที่ซ่อนใต้เสื้อนอก มือของเขาใหญ่ เรียวสวย
แต่เธอรู้ว่ามัน...หยาบกร้าน
‘พอ’ เสียงสั่งนั้นห้วน
เขาดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นยืน ร่างเล็กตื่นตระหนก สัมผัสร้อนผะผ่าวและรสชาติฝาดเฝื่อนของเขาที่เติมเต็มโพรงปากเธอเมื่อครู่ ยังหลงเหลืออยู่
ความรู้สึกกระดากและอ่อนไหวจู่โจมหัวใจอย่างรุนแรง แข้งขาเธออ่อนเปลี้ยอย่างไม่น่าให้อภัย ร่างเล็กทว่ากลมกลึงสมส่วนซวนเซ ล้มลงบนต้นขากำยำ…
มือยันแผงอกเปลือยของเขาเอาไว้ พยายามจะขืนตัวลุกขึ้นยืน ทว่าร่างใหญ่หน้ากลับกดเอวเธอไว้ ไม่ให้ดิ้นหนี
เสียงกระซิบอย่างเย็นชา...
‘แค่เริ่มต้นก็ไม่เอาไหน’ ท่อนลำร้อนผะผ่าวของเขา กดแนบกับบั้นท้ายอย่างคุกคาม ความร้อนและอารมณ์วาบหวามไล่ลามลงมายังท้องน้อย
หูตาของเธอพร่าพราย
ร่างกายร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟสุมรุม
‘ฉันไล่เธอออกไปดีมั้ย’ ปากร้อนแนบชิดที่ลำคอ ลิ้นลิ้มเลียใบหูของเธอ ขบมันเบาๆ
‘ไม่...ไม่นะคะ’ มือขยุ้มอกเสื้อคลุมของเขาไว้ เอี้ยวคอมอง ดวงตาดำมืดลึกล้ำจ้องตอบกลับมา บอกอย่างร้อนรน มือแข็งแรงประคองใบหน้ามหอง ให้หันมองที่กระจก
มัสลินหน้าร้อนวูบวาบยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเห็นเงาสะท้อนของเธอและเขาในกระจก แม้จะเลือนเลือน ร่างเล็กก่ายเกยอยู่บนตักของเขา ทรวงอกเปลือยเปล่า ผมยาวสยายคลี่คลุมบ่าบอบบาง ตกลงไปกลางลำตัว
‘เธอยังไม่ผ่านการทดลองด้วยซ้ำ’
มือใหญ่กอบกุมทรวงอกบีบคลำอย่างย่ามใจ หญิงสาว กล้ำกลืนความอดสูและกราดเกรี้ยวลงไป ถึงอย่างหัวใจกลับเต้นกระหน่ำด้วยความพอใจลึกล้ำ
มันเป็นได้อย่างไร
เขาจับขาเธอข้างหนึ่งของเธอพาดกับที่วางแขน...
ดึงชายกี่เพ้าที่สวมขึ้นมากองที่เอว เผยให้เห็นเนินเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้บิกินีผืนบางจ๋อย ทรวงอกเปล่าเปลือยปลายยอดเชิดชัน ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อนิ้วเรียวยาวหยาบกร้าน ลากผ่านโคนขาอ่อนลงไปยังใจกลางที่ผลิแย้มออก
‘เธอเปียกนี่’ ร่างเล็กสะดุ้ง ความซ่านสยิวพุ่งปราดลงที่ตุ่มติ่งที่ถูกปลายนิ้วของเขาเคล้นคลึง…
มือแข็งแรงตรึงเอวเธอไว้ไม่ให้เลื่อนหนี นิ้วเรียวยาวบดขยี้เร่งเร้า
‘ร้องออกมาสิลิลลี่ ฉันอยากฟัง...’
มัสลินครางเสียงกระเส่า ความเสียวซ่านพลุ่งพล่านเกินระงับ เธอจับที่เท้าแขนแน่นเข้า ยกสะโพกเสียดสีนวลเนื้ออ่อนไหวเข้ากับนิ้วสากระคายของชายหนุ่ม
ลืมสิ้นความกระดากอาย...
เสียงปรบมือดังไปทั่วห้องโถงกว้าง การแถลงข่าวจบลงแล้ว เสียงผู้คนแวดล้อมเมื่อครู่ไม่อาจกร้ำกรายเข้ามาในความรู้สึกนึกคิดของหญิงสาว
เธอยกมือกุมหัวใจ
สองแก้มของเธอร้อนระอุอย่างน่าละอาย มัสลินรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยจากห้องประชุม ร่างสูงใหญ่ที่เธอแอบจ้องมองกำลังเปิดประตูก้าวออกไป
มัสลินอ้อยอิ่งเล็กน้อย แล้วค่อยเดินจากห้องนั้น นักข่าวกลุ่มใหญ่ยืนออกันอยู่ที่โถงทางเดิน ส่งเสียงเซ็งแซ่
“นั่นคุณเจตน์ ไม่ใช่หรือ”
“ไหนว่าเขาไม่มา”
“ตามไปเร็วเข้า”
“เขาโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นั่นสิ นี่เป็นโอกาสดีเชียวนะ”
มัสลินถูกคลื่นนักข่าวพัดพาไป เหมือนลูกแกะที่พลัดเข้าไปในฝูงไฮยีน่า ที่ตามไล่ล่าเหยื่อของพวกมัน
ร่างใหญ่หนาก้าวเดินตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวที่สุดโถงทางเดิน เขาไม่ได้รีบร้อนหลบหนี แต่ก็ไม่ได้อ้อยอิ่ง
มัสลินพยายามเดินสวนกลับกลุ่มนักข่าว ก้าวไปยังทิศทางตรงข้ามกับเป้าหมายที่พวกเขาติดตาม
แต่ความพยายามของเธอไม่เป็นผล...
“โอ๊ย...”
หญิงสาวสะดุดล้มลงกับพื้น นักข่าวที่กำลังกระเหี้ยนกระหือรือถอยฮือออกไป เมื่อใครบางคนก้าวเข้ามา
สิ่งแรกที่เห็นคือ ปลายรองเท้าหนังมันปลาบ
มัสลินแหงนหน้าขึ้นมองเขาผ่านแว่นกรอบหนาที่ยังติดอยู่บนดั้ง ดวงตาคู่นั้นมองลงมาอย่างเฉยชา เหมือนในคืนนั้น...
“ลุกขึ้นมา...”
หัวใจของคนฟังหล่นวาบลงไปบนพื้น
To be continued...
ชอบไม่ชอบบอกกันบ้างนะจ๊ะ ตอนนี้เปิดพรีเล่มทำมืออยู่เนอะ พรีได้ถึงวันที่ 18 ม.ค. นี้น้า ^^
**** สั่งพรีเล่มทำมือของหวงได้ที่ ***
Inbox แฟนเพจ: http://m.me/pliwon.prawprim
Email: orderbook.pliw@gmail.com
พ ร า ว พ ริ้ ม
ติดตามข่าวสารได้จากแฟนเพจนี้นะจ๊ะ
https://www.facebook.com/pliwon.prawprim/
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว